posttoday

พีทีรุกนันออยล์ ลดเสี่ยง เพิ่มกำไร

24 สิงหาคม 2560

ธุรกิจค้าปลีกในสถานีบริการน้ำมันนับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ผู้ประกอบการต่างให้ความสนใจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านสัดส่วนรายได้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

ธุรกิจค้าปลีกในสถานีบริการน้ำมันนับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ผู้ประกอบการต่างให้ความสนใจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านสัดส่วนรายได้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันพีที เปิดเผยว่า แผนระยะยาว 5 ปี (2560-2565) ด้านธุรกิจค้าปลีก (นันออยล์) ในสถานีบริการน้ำมันของบริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิที่มาจากกลุ่ม นันออยล์เพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2-3%

ทั้งนี้ มีแผนการใช้ฐานลูกค้า แมกซ์การ์ด ซึ่งเป็นโปรแกรมบัตรสมาชิกที่คาดว่าจนถึงสิ้นปี 2560 จะมีสมาชิกอยู่ที่ 7.6 ล้านราย และ เพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านราย ภายในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้น 2 ล้านราย/ปี

นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นปีได้มีการเข้าซื้อธุรกิจร้านกาแฟคอฟฟี่เวิลด์ และล่าสุดได้เข้าซื้อหุ้นและลงนามในสัญญาร่วมทุนกับออโต้แบคส์ ผู้ประกอบการศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรจากญี่ปุ่น ในสัดส่วน 38.26% หรือมูลค่า 65 ล้านบาท เพื่อต่อยอดการให้บริการกับสมาชิกให้มีความครบวงจรมากยิ่งขึ้น และเพิ่มสัดส่วนกำไรสุทธิจากกลุ่มนันออยล์ รวมถึงลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว

"เมื่อค่าการตลาดในปัจจุบันเป็นปัจจัยภายนอกที่บริษัทไม่สามารถกำหนดเองได้ เราจึงต้องทำอย่างไรก็ได้ให้บริษัทมีกำไรสุทธิโดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับกำไรที่มาจากการจำหน่ายน้ำมันเพียงอย่างเดียว โดยในอนาคตถ้ามีเพียงธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียวจะมีความเสี่ยง จึงต้องมองหาธุรกิจอื่นควบคู่ด้วย" พิทักษ์ กล่าว

ขณะที่แผนการขยายสาขาออโต้แบคส์ ในปี 2560 จะเพิ่มขึ้น 17 แห่ง แบ่งเป็นในสถานีบริการน้ำมันพีที จำนวน 5 แห่ง และนอกสถานีบริการน้ำมัน 12 แห่ง โดยใช้เงินลงทุน 3-5 ล้านบาท/แห่ง จากปัจจุบันมี 7 แห่ง โดยภายในปี 2565 จะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 240 แห่ง ใช้เงินลงทุนรวมราว 1,400 ล้านบาท

ด้านแผนการขยายสถานีบริการน้ำมันภายในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 แห่ง จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,800 แห่ง หรือเพิ่มขึ้น 400 แห่ง/ปี ซึ่งกลุ่มนันออยล์ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาทางธุรกิจอีก 2-3 ราย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยของบริษัท มีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 200 แห่งภายในปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 50 แห่ง พร้อมเตรียมนำธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2563 โดยวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ระหว่างกาแฟพันธุ์ไทยกับกาแฟคอฟฟี่เวิลด์จะแยกชัดเจน นั่นคือ กาแฟพันธุ์ไทยจะอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน และกาแฟคอฟฟี่เวิลด์จะอยู่นอกสถานีบริการน้ำมัน แต่จะนำสินค้าจุดเด่นของแต่ละแบรนด์มาวางจำหน่ายในร้านค้าสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท

นอกจากนั้น แผนการขยายสาขาร้านค้าสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท ภายใน 5 ปีจากนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 640 แห่ง จากปัจจุบันอยู่ที่ 60 แห่ง และในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 140 แห่ง ซึ่งรายได้มีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

พิทักษ์ กล่าวว่า 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทมีปริมาณการขายน้ำมันอยู่ที่ 1,700 ล้านลิตร คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 3,700 ล้านลิตร โดยส่วนแบ่งตลาดน้ำมันของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 11% จากปีก่อนอยู่ที่ 8% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 14% ในปี 2561 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาดในปีหน้า