posttoday

ปตท.ซื้อปิโตรนาส

28 กรกฎาคม 2560

ส่งบริษัทย่อยถือหุ้นธุรกิจก๊าซมาเลย์1.7หมื่นล้าน รับความมั่นคงไฟฟ้าภาคใต

ส่งบริษัทย่อยถือหุ้นธุรกิจก๊าซมาเลย์1.7หมื่นล้าน รับความมั่นคงไฟฟ้าภาคใต

โพสต์ทูเดย์ - ปตท. จับมือ ปตท.สผ. ทุ่ม 1.7 หมื่นล้าน เข้าซื้อหุ้นบริษัทลูกปิโตรนาส 10% สำรองพลังงานเพื่อความมั่นคงประเทศ

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.นี้ บริษัท พีทีทีจีแอล อินเวสต์เมนต์ (พีทีทีจีแอลไอ) ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ บริษัท ปิโตรนาส ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานอันดับ 1 ของมาเลเซีย เพื่อซื้อหุ้นในสัดส่วน 10% ของ บริษัทปิโตรนาส แอลเอ็นจี9 เอสดีเอ็น บีเอชดี (พีแอล9เอสบี) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของปิโตรนาส ที่ประกอบธุรกิจผลิตและสำรวจก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี)

“การถือหุ้นครั้งนี้มีสัดส่วน 10% มูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.7 หมื่นล้านบาท โดย ปตท.และ ปตท.สผ.จะลงทุนในสัดส่วนเท่าๆ กัน คือรายละ 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าการซื้อขายจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.นี้” นายสมพร กล่าว

ทั้งนี้ พีทีทีจีแอลไอนับเป็นบริษัทหลานของกลุ่ม ปตท. เนื่องจาก บริษัท ปตท. ร่วมทุนกับ บริษัท ปตท.สผ. ตั้งบริษัทลูก คือ บริษัท พีทีทีโกลบอล แอลเอ็นจี (พีทีทีจีแอล) ในสัดส่วนการถือหุ้นรายละ 50% เพื่อออกไปลงทุนในต่างประเทศ และพีทีทีจีแอลได้จัดตั้งพีทีทีจีแอลไอ ไปร่วมลงทุนกับกลุ่มปิโตรนาส

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเข้าซื้อจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในพีแอล9เอสบี ประกอบด้วย บริษัท ปิโตรนาส ถือหุ้น 80% บริษัท จีเอ็กซ์ทีจี นิปปอน ออยล์ แอนด์ เอนเนอร์จี คอร์ปอเรชั่น ที่ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท นิปปอน ออยล์ ไฟแนนซ์ (เนเธอร์แลนด์) บี.วี. ถือหุ้น 10%  และ บริษัท พีทีทีจีแอลไอ ถือหุ้น 10%

สำหรับ บริษัท พีแอล9เอสบี นั้น เป็นเจ้าของโครงการ Liquefaction Train 9 และสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่รอบ PETRONASLNG Complex ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบินตูลู รัฐซาราวัก มีกำลังการผลิตแอลเอ็นจีอยู่ที่ 3.6 ล้านตัน/ปี ปัจจุบันโครงการได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

นายสมพร กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นในบริษัท พีแอล9เอสบี นั้น เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ในการร่วมลงทุนกับ ปตท. ในธุรกิจแอลเอ็นจีครบวงจร เพื่อการเติบโตทางธุรกิจและสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ

รายงานข่าวจาก ปตท. ระบุว่า การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นการขยายธุรกิจกลุ่มก๊าซของ ปตท. และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและเป็นการสร้างฐานทางธุรกิจรองรับการขยายการลงทุนในประเทศมาเลเซียในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นการรองรับแผนการนำเข้าแอลเอ็นจีที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ขณะเดียวกันเป็นการหาแหล่งแอลเอ็นจีรองรับความต้องการใช้ที่มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำมาใช้ทางภาคใต้ หากเกิดกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ และสงขลา ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามแผนก็สามารถเลือกแนวทางการตั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขึ้นมาทดแทนได้

“เป็นความเสี่ยงอย่างมากหากไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าในภาคใต้ได้ เพราะปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นโดยตลอด โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงจะเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่ดีกว่า และแก้ไขปัญหาการ
ต่อต้านได้” รายงานข่าวระบุ