posttoday

J-Cruises 6

25 มิถุนายน 2560

จุดหมายปลายทางต่อไปคือ Amanohashi date หนึ่งในสามทัศนียภาพที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น (Japan’s three most scenic view)

จุดหมายปลายทางต่อไปคือ Amanohashi date หนึ่งในสามทัศนียภาพที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น (Japan’s three most scenic view) ร่วมกับอ่าวมัทสึชิมะ ใกล้เมืองเซนได และเกาะมิยาจิมะ จังหวัดฮิโรชิมะ รถบัสไปจอดที่หน้าศาลเจ้า Motoise Kono ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สร้างอุทิศให้แก่ Amaterasu Omikami เทพีแห่งพระอาทิตย์ผู้เป็นเทพสูงสุดในศาสนาชินโต และ Toyouke no Omikami เทพีแห่งเกษตรกรรม ซึ่งภายหลังถูกอัญเชิญให้ไปสถิตอยู่ที่ศาลเจ้าอิเสะในจังหวัดมิเอะ ศาลเจ้าแห่งนี้จึงมีความเชื่อมโยงกับศาลเจ้าอิเสะอย่างแนบแน่นจนได้รับการขนานนามว่า ศาลเจ้าอิเสะดั้งเดิม หรือ Motoise เราเดินจากลานจอดผ่านศาลเจ้าเข้าไปจนถึงสถานีCable Car Fuchu แล้วนั่งขึ้นไปบนสวน Kasamatsu ซึ่งมีจุดชมวิวฝั่งด้านเหนือ ที่ทุกคนจะต้องมายืนถ่างขาและก้มหัวมองลอดหว่างขา เพราะถ้าไม่มองแบบนั้นมันจะไม่เห็นเป็นสะพานสู่สรวงสวรรค์ หรือ Amanohashi date ต้องขอชื่นชมในจินตนาการของใครคนแรกที่คิดวิธีชมวิวแบบนี้ขึ้นมาได้ เพราะนอกจากจะทำให้นักท่องเที่ยวแห่กันมาชมวิวบนเขาแล้ว ยังสามารถทำให้นักท่องเที่ยวทำท่าโก้งโค้งกันได้อีกด้วย เก่งจริงๆ เลยครับ ถ่างขาชมวิวกันจนหนำใจแล้วก็ได้เวลากลับลงไปที่ลานจอดรถ ระหว่างทางก่อนถึงศาลเจ้า มีคนญี่ปุ่นสามสี่คนมุงทำอะไรแปลกๆ กันอยู่ตรงมุมสวนเลยลองเข้าไปมุงด้วย เห็นคนญี่ปุ่นเอากระบอกไม้ไผ่แยงลงไปในช่องที่พื้น เพื่อนร่วมคณะที่มาด้วยช่วยอธิบายว่า ตำแหน่งนี้เป็นโพรงน้ำใต้ดิน เวลาน้ำหยดหรือน้ำไหลจะเกิดเสียงสะท้อนก้องกังวานภายในโพรงเหมือนเสียง Koto หรือพิณสายของญี่ปุ่น แต่การจะได้ยินสียงนั้นไม่ใช่ง่ายๆ เพราะบนพื้นราบที่เรายืนอยู่มีเสียงรบกวนรอบด้าน ประกอบกับเสียงน้ำอยู่ลึกลงไปในโพรง จึงต้องมีกรรมวิธีการฟังโดยใช้ปล้องไม้ไผ่แยงลงไปในช่องโพรงจึงจะได้ยินเสียงชัดเจน แหม่! ตอนบ่ายก็ให้อาหารนก เมื่อครู่ก็ยืนถ่างขาชมวิว ตอนนี้มาฟังเสียงน้ำจากกระบอกไม้ไผ่อีก เป็นทริปที่มีกิจกรรมสนุกๆ ตลอดเส้นทางเลยครับ

J-Cruises 6

จากลานจอดฝั่งศาลเจ้า Motoise Kono เรานั่งรถบัสข้ามไปยังหมู่บ้าน Monju ทางฝั่งใต้ของ Amanohashidate ถ้ามีเวลาเยอะก็สามารถนั่งเรือข้ามไปโดยใช้เวลาประมาณ 12 นาที เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง ค่าเรือเที่ยวละประมาณ 550 เยน หรือจะเช่าจักรยานขี่ก็ประมาณ 20 นาที มีร้านให้เช่าจักรยานทั้งสองฝั่ง แต่ถ้าแรงขาดีจะเดินข้ามสันทราย (Sandbar) และชื่นชมแนวสน 8,000 ต้น ตลอดความยาว 3.6 กิโลเมตร ที่เชื่อมระหว่างพื้นที่สองฝั่งได้เช่นกัน ใช้เวลาเดินราวๆ 1 ชั่วโมง แต่เรามีเวลาน้อยนิดเลยต้องรวบรัดนั่งรถบัสมา 10 นาที จอดที่ข้างวัด Chionji วัดสำคัญเพียงหนึ่งในสามแห่งของญี่ปุ่นที่สร้างอุทิศให้กับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ หรือ Monju Bosatsu พระโพธิสัตว์แห่งปัญญา ใครมีบุตรหลานที่กำลังอยู่ในวัยเรียนแนะนำให้มาไหว้ที่นี่เลย เห็นนักเรียนญี่ปุ่นมากราบไหว้ท่านเยอะเหมือนกัน ความศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าศาลเจ้าดาไซฟุที่ฟุกุโอกะ ต่างกันแค่พุทธกับชินโตเท่านั้นแหละ เราทำพิธีไหว้ท่านเสร็จก็เดินผ่านบริเวณวัดออกมา เจออาเขตที่ดูเหงาๆ เพราะร้านรวงเริ่มปิดกันหมดแล้ว ข้างๆ อาเขตมีช่องทางข้ามสะพานหัน Kaisenkyo (หันได้จริงๆ นะครับ แต่ตอนที่เราไปเรือยังไม่ผ่านสะพานเลยไม่หัน) เพื่อไปชมวิวของแนวสนและศาลเจ้า Amano hashidate เดินกันจนฟ้าเริ่มมืดก็ได้เวลาขึ้นรถบัสกลับ พวกเรามาถึงท่าเรือ Maizuru เกือบทุ่มหนึ่ง ก่อนเวลาอาหารค่ำที่จองไว้ตอน 2 ทุ่มพอควร ผู้โดยสารส่วนใหญ่รีบกลับขึ้นไปบนเรือ แต่พวกเรายังมีหนี้สินต้องชำระ ก็ร้านทาโกะยากิที่เล็งไว้ก่อนไปทัวร์นั่นแหละครับ มีลูกเรือฝรั่งนั่งกินกันอยู่กลุ่มหนึ่ง พวกเราขอเข้าไปแจมที่นั่งด้วย กินทาโกะยากิแกล้มเบียร์กันอย่างสนุกสนาน เป็นบรรยากาศที่อุดมไปด้วยมิตรภาพ ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา จริงๆ บนเรือของกินดีๆ เยอะแยะ แต่บางครั้งเราก็อยากกินอะไรที่มันบ้านๆ บ้าง พอเจอบรรยากาศแผงลอยริมท่าเรือก็เลยไม่รอดครับ

J-Cruises 6

สองทุ่มวันนี้เรายังคงกินอาหารค่ำกันที่ห้อง Botticelli เหมือนเมื่อวาน เพียงแต่รอบค่ำคนจะเบาบางกว่ารอบเย็น ถ้าท่านไม่เร่งรีบมากินรอบนี้ก็สบายดี พนักงานมีเวลารับออร์เดอร์และเสิร์ฟโดยไม่ต้องรีบร้อนเหมือนรอบเย็น มีเวลาแนะนำและพูดคุยอย่างเป็นกันเองมากขึ้น เมนูค่ำนี้หน้าตาเปลี่ยนไปจากเมื่อค่ำวานไม่เยอะนัก พวกสลัดและอาหารเรียกน้ำย่อยดูไม่ค่อยต่าง อาหารจานหลักยังคงครบถ้วนทั้ง เนื้อวัว หมู ไก่ และปลา จะเลือกสั่งเมนูที่ชอบหรือลองทุกเมนูก็ได้ไม่ผิดกติกา พนักงานดูแลดีมาก อยากลองจานไหนจัดการให้หมด แม้แต่ไอศกรีมในเมนูของเด็กที่ผู้ใหญ่หลายท่านอยากกินก็จัดมาให้ครบทุกคน กินรอบค่ำมันดีอย่างนี้นี่เอง แถมคืนนี้มีกิจกรรมพิเศษที่จะมาเซอร์ไพรส์ เริ่มจากพนักงานเคลียร์พื้นที่ด้านหลังโต๊ะของเราให้มีที่ว่าง ผู้จัดการห้องอาหารเดินมากระซิบบอก วันนี้ไอจัดโต๊ะพวกยูให้พิเศษกว่าคนอื่นๆ เลยนะ สักพักพนักงานห้องอาหารหลายคนเดินมารวมตัวแล้วเต้นโชว์ให้เราชมแบบใกล้ชิดมากๆ และไม่ใช่แค่เต้นกันเองเท่านั้น ยังลงมาดึงผู้โดยสารท่านอื่นไปร่วมเต้นกันอย่างครื้นเครง และพอเพลง Gangnam Style ที่ทุกคนคุ้นหูดังขึ้น ผู้โดยสารชาวเกาหลียิ่งออกท่าออกทางอย่างเมามันส์ เป็นสีสันของค่ำคืนนี้อย่างประทับใจ จบจากอาหารค่ำยังมีเพลงเพราะๆ จากนักร้องสองสาว Duo whisper of Romantica แสดงสดให้ชมกันต่อแถวๆ Grand Bar หน้าห้องอาหารค่ำนั่นแหละ ลูกค้าหลายท่านเลือกจิบเครื่องดื่มฟังเพลงกันต่อ ในขณะที่บางท่านขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ค่ำนี้ยังมีกิจกรรมอีกมากหลาย และที่เห็นคนไปร่วมกันเยอะคืองาน Carnival of the sea สาวๆ เดินผ่านไปหลายคนแต่งตัวใส่หน้ากากตามธีม Carnival/Masquerade ที่ระบุไว้ในเอกสาร เสียดายที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยทั้งชุดและหน้ากาก จำได้ว่าเห็นเขาขายกันช่วงเช้าตอนขึ้นไปเดินเล่นบนดาดฟ้าเรือ แต่ดันละเลยไม่ยอมดูรายละเอียดในเอกสาร Today ให้ครบถ้วน ใครไปเรือเตรียมชุดเผื่อๆ ไว้ด้วยนะครับ อย่าเอาแค่ชุดลำลองและชุดใหญ่ไป หาชุดแฟนซีที่ไม่เป็นภาระติดไปสักชุด เผื่อมีงานแบบนี้จะได้ไม่พลาดเหมือนผมครับ

J-Cruises 6

J-Cruises 6 จุดหมายปลายทางต่อไปคือ Amanohashidate หนึ่งในสามทัศนียภาพที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น