posttoday

นีโอสุกี้บุกร้านอาหาร ปั้น3เซ็กเมนต์

27 พฤษภาคม 2560

นีโอ สุกี้ กางแผน 5 ปี ลงทุน 300 ล้าน รุกธุรกิจอาหาร 3 แบรนด์ สร้างขาธุรกิจโลจิสติกส์ดันรายได้ 1,000 ล้าน

นีโอ สุกี้ กางแผน 5 ปี ลงทุน 300 ล้าน รุกธุรกิจอาหาร 3 แบรนด์ สร้างขาธุรกิจโลจิสติกส์ดันรายได้ 1,000 ล้าน

นายณัฐพล กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ไทยเรสเทอรองส์ ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารสุกี้ ชาบูนีโอ เปิดเผยว่า แผนธุรกิจ 5 ปี (2560-2565) วางเป้าหมายขยายธุรกิจร้านอาหาร 3 แบรนด์ที่มีอยู่ ได้แก่ นีโอสุกี้ และมิสเตอร์กังฟู พร้อมกับแตกแบรนด์ใหม่ร้าน อาหารซุนวู ร้านจำหน่ายขนมหวาน และปลุกปั้นธุรกิจโลจิสติกส์ นีโอสยาม โลจิสติกส์ เพื่อสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาท และเข้าตลาดหลักทรัพย์หวังระดมทุน 500-700 ล้านบาท ขยายธุรกิจสาขา เพิ่ม 2 สาขา/แบรนด์/ปี

สำหรับปีนี้บริษัทลงทุน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนธุรกิจร้านอาหารนีโอสุกี้ 100 ล้านบาท โดยรีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 18 ปี เพื่อปรับโฉมภาพลักษณ์ให้ทันสมัยมุ่งขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มครอบครัวไปสู่วัยทำงาน โดยขยายสาขาเพิ่มจาก 19 สาขา เป็น 29 สาขา กับ ชูกลยุทธ์ความคุ้มค่าคุ้มราคาโดยเฉลี่ย 280 บาท/หัว เมื่อเทียบกับเอ็มเค สุกี้ ฮอทพอทอยู่ที่ 320-350 บาท/หัว อีกทั้งแตกแบรนด์ใหม่ซุนวู บาร์บีคิว วางตำแหน่งเป็นร้านอาหารปิ้งย่าง เพื่อเสริม พอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจอาหาร

ทั้งนี้ เตรียมเปิดตัวแบรนด์ซุนวูในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ ตั้งเป้า 5 ปีเปิดครบ 15 สาขา เน้นขยายในคอมมูนิตี้มอลล์ และมีบริการเสิร์ฟเบียร์นำเข้าจากต่างประเทศ คาดใช้งบลงทุนกว่า 37 ล้านบาท มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบีบวกขึ้นไป ส่วนมิสเตอร์กังฟู เป็นธุรกิจอาหารหม้อไฟ ปัจจุบันมี 1 สาขา นอกจากนี้ บริษัทจะใช้งบลงทุน 100 ล้านบาท สร้างครัวกลางขนาด 10 ไร่ โดยกำลังพิจารณาสถานที่ ศาลายาหรือบางใหญ่เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจร้านอาหาร

นอกจากนั้น บริษัทยังรุกทำซีอาร์เอ็มผ่านบัตรสมาชิก โดยจับมือกับพันธมิตรลดราคาสินค้า 30% ต่อเนื่อง เพราะธุรกิจร้านอาหารแข่งขันรุนแรง ขณะที่บริษัท นีโอ สยาม โลจิสติกส์ แผน 5 ปี ลงทุน 50 ล้านบาท นำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ รองรับการแข่งขันคู่แข่งใช้กลยุทธ์ราคาถูกกว่า 20% พร้อมทั้งเพิ่มกลุ่มลูกค้าเวชภัณฑ์เป็น 30% เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคสัดส่วน 70% เป็นผลจากยอดขายลดลงเพราะเศรษฐกิจชะลอตัว

นายณัฐพล กล่าวว่า บริษัทยังวางแผนธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มพื้นที่กระจายสินค้าทั่วประเทศ จากเดิมรับกระจายสินค้าภาคเหนือขยายสู่ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 600 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 400 ล้านบาท โดยกลุ่มอาหารมีสัดส่วนรายได้ 65% เหตุผล ที่บริษัทรุกธุรกิจอาหารเพราะสร้างกำไรและเติบโตจากมูลค่าตลาดเชนร้านอาหารกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์มีรายได้ 250 ล้านบาท