เทขายข้าวสต๊อกรัฐ ขาดทุน1.5แสนล้าน

คสช.เทขายข้าวสต๊อกรัฐ 11.73 ล้านตัน มูลค่า 1.11 แสนล้าน ขาดทุนแล้ว 1.5 แสนล้าน

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ มีข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลอยู่ที่ 17.76 ล้านตัน ระบายออกจากสต๊อกแล้ว 12.72 ล้านตัน แบ่งเป็น การขายภายใต้การอนุมัติของรัฐบาลชุดปัจจุบันปริมาณ 11.73 ล้านตัน มูลค่า 1.11 แสนล้านบาท ที่เหลืออีก 9.9 แสนตัน เป็นการอนุมัติขายของรัฐบาลชุดก่อน แต่รับมอบในรัฐบาลชุดปัจจุบัน คาดว่าสิ้นปี 2560 จะสามารถระบายสต๊อกข้าวรัฐบาลที่รับมอบมาได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ สถานะสต๊อกข้าวรัฐบาลที่เหลือขณะนี้มี 5.04 ล้านตัน โดยจะนำข้าวกลุ่ม 3 ปริมาณ 1.04 ล้านตัน เป็นข้าวคุณภาพเสื่อมผิดชนิด ผิดมาตรฐาน และเก็บนานเกิน 5 ปี ต้องเปิดระบายในกลุ่มที่ไม่ใช่ทั้งคนและสัตว์บริโภค หรือเข้าสู่อุตสาหกรรมเอทานอลมาเปิดประมูลในวันที่ 28 เม.ย.นี้ หากอนุมัติขายออกไปได้หมดก็จะเหลือข้าวอีกประมาณ 4 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวกลุ่ม 1 หรือข้าวที่สามารถบริโภคได้ ตามปกติ อีกประมาณ 1.72 ล้านตัน มาเปิดประมูลเป็นการทั่วไปภายในเดือน พ.ค.นี้

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า หากคำนวณปริมาณข้าวที่ คสช.อนุมัติขายออกไป 11.73 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1.11 แสนล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่อนุมัติขายประมาณ 1.1 หมื่นบาท/ตัน หรือ 11 บาท/กก. เมื่อเปรียบเทียบกับราคาต้นทุนที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเฉลี่ย 1.5 หมื่นบาท/ตัน หรือต้นทุนข้าวสาร 2.4 หมื่นบาท/ตัน จะขาดทุนประมาณ 1.3 หมื่นบาท/ตัน รวมปริมาณ 11.73 ล้านตัน จะขาดทุนจากต้นทุนรับจำนำข้าวประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

“เรื่องขาดทุนต้องทำใจมานาน เพราะรับจำนำมาในราคาสูง การนำออกมาขายก็ต้องขาดทุน เชื่อว่าสังคมจะเข้าใจได้ ซึ่งข้าวกลุ่ม 3 ที่นำออกมาขายมีสภาพเสื่อมสุดๆ ขายได้เท่าไหร่ก็ดีกว่าวางไว้เฉยๆ เพราะมีภาระค่าจัดเก็บสต๊อก และกลไกตลาดข้าวก็ไม่เดินปกติ หากยังมีภาระสต๊อกอยู่” นางดวงพร กล่าว