posttoday

'ดุสิตธานี'ชูปีแห่งก้าวใหม่ ผนึกซีพีเอ็นปลุกสีสันสีลม

24 มีนาคม 2560

ดุสิตธานี ร่วมมือกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา นำพื้นที่นี้มาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

ต้นปี 2559 บริษัท ดุสิตธานี ได้ประกาศก้าวใหม่ของเครือ ด้วยการดึง ศุภจี สุธรรมพันธุ์ มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ถือเป็นซีอีโอคนแรกที่เป็นคนนอกไม่ใช่ทายาทผู้ก่อตั้งและผ่านมา 1 ปี ซีอีโอท่านนี้ได้ดำเนินการหลายอย่างที่ขยายกำแพงธุรกิจจากเดิม ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีจะเน้นธุรกิจโรงแรมและโรงเรียนการโรงแรมไปสู่บทบาทใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี เปิดเผยว่า ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของดุสิตฯ การประกาศลงนามในสัญญากับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ต่อสัญญาเช่าที่ดินหัวมุมถนนสีลมและพระราม 4 ที่ตั้งโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ และเช่าเพิ่มพื้นที่ใหม่รวมเป็นกว่า 23 ไร่ ระยะเวลา 30 ปี ต่อได้ 30 ปี ไม่รวมระยะเวลาก่อสร้างอีก 7 ปี

ทั้งนี้ ได้ร่วมมือกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น นำพื้นที่นี้มาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (มิกซ์ ยูส) ได้แก่ โรงแรม อาคารที่พักอาศัย สำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก พื้นที่สีเขียว มูลค่าโครงการ 3.67 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงก้าวแรกและเป็นก้าวที่ใหญ่มาก

สำหรับแผนดังกล่าวจะนำเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 27 เม.ย.นี้ และจะเริ่มเดินหน้าโครงการทันที เริ่มจากรื้อถอนตึกเก่าซึ่งอยู่ติดอาคารอับดุลราฮิม เดิมเป็นตึกโอลิมเปีย ไทยประกัน และอีก 9 คูหาก่อน เพื่อสร้างโรงแรมในพื้นที่นี้ ส่วนโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่เปิดบริการอยู่ในปัจจุบันจะเปิดต่อไปถึงกลางปี 2561 เพื่อเชิญชวนคนร่วมฉลองรำลึก 48 ปีอาคารในฐานะที่เคยเป็นอาคารสูงสุดในไทย จากนั้นเดือน ก.ค. 2561 จึงเริ่มรื้อถอนส่วนนี้ก่อสร้างโครงการ โดยจะเก็บส่วนสำคัญของโรงแรมไว้ไปใช้ในโครงการเพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยเดิมที่มีควบคู่กับการนำเสนอความสดใหม่และยิ่งใหญ่

"โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะหายหน้าไป 3 ปี ส่วนพนักงานที่ทำงานอยู่จะให้เลือกย้ายไปทำงานในส่วนอื่นของบริษัทก่อน จากนั้นเมื่อโรงแรมกลับมาเปิดอีกครั้ง พนักงานก็จะกลับมาร่วมทำงานด้วยกันอีกครั้ง โดยบริษัทมีโรงแรมที่รับบริหารเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ต้องการพนักงานเพิ่ม 2-3 เท่าตัวจากปัจจุบันอยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีทางปลดพนักงานออกแน่นอน ในด้านรายได้นั้นแม้โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะหายไป 3 ปี แต่บริษัทได้เตรียมโครงสร้างทางการเงินที่จะทำให้มีรายได้อื่นเข้ามาทดแทนแล้ว"

ศุภจี กล่าวว่า สาเหตุที่ดึงซีพีเอ็นมาร่วมทำโครงการ เพราะดุสิตธานีไม่ได้เชี่ยวชาญทุกด้าน โดยเฉพาะสำนักงานและค้าปลีก ถ้ามีพันธมิตรมาร่วมด้วยจะดีกว่า ซึ่งซีพีเอ็นและดุสิตธานีเป็นแบรนด์ไทยทั้งคู่ อีกทั้งมีประวัติยาวนานระยะเวลา 60-70 ปีเหมือนกัน มีการขยายไปต่างประเทศเหมือนกัน การมาร่วมสร้างโครงการนี้ให้เป็นแลนด์มาร์คก็จะเหมือนพื้นที่แสดงความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ไทยสู่สายตาชาวโลก เมื่อโครงการนี้เสร็จจะปลุกให้ย่านสีลมซึ่งเคยเป็นย่านธุรกิจสำคัญกลับมามีสีสันอีกครั้ง พร้อมช่วยเรื่องการจราจรในพื้นที่ด้วย เพราะจะเปิดถนนเส้นใหม่ให้รถสามารถตัดผ่านเข้าสู่สีลมได้ ทั้งยังมีพื้นที่สีเขียวของโครงการที่ทำมาให้เชื่อมโยงกับสวนลุมพินี

 
ขณะเดียวกัน บริษัทจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสในพื้นที่อื่นอีก เช่น หัวหิน นครราชสีมา ซึ่งมีที่ดินเหลือติดโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่ รวมทั้งที่ดินเปล่าที่เกาะสมุย บางพื้นที่อาจทำโรงแรมคู่กับเรสซิเดนซ์ บางพื้นที่ก็อาจมีอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ โดยดึงพันธมิตรเข้าร่วมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของทำเล แต่เบื้องต้นจะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์กลุ่มสุขภาพ (เวลเนส ลีฟวิ่ง) เจาะกลุ่มผู้สูงอายุ 50-60 ปีที่ยังแข็งแรง ชอบทำกิจกรรมด้วยแน่นอน

นอกจากนี้แล้วก็จะให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ (เอาต์ไซด์ แคเทอริ่ง) โดยนำร้านอาหารที่ปัจจุบันตั้งอยู่ในดุสิตธานี กรุงเทพฯ ออกไปตั้งเดี่ยวๆ หรือตั้งอยู่ในห้างเพื่อให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ รวมทั้งจะเริ่มขยายโรงแรมในรูปแบบแฟรนไชส์ในปีนี้ จากปัจจุบันที่ลงทุนเองและไปรับบริหาร โดย จะทดลองขยายในแบบแฟรนไชส์กับแบรนด์ดุสิต ปริ๊นเซสที่จีนก่อน ถือเป็นอีกก้าวที่ท้าทายเช่นกัน เพราะการขยายในรูปแบบแฟรนไชส์ แบรนด์ ต้องแข็งแกร่งเพียงพอและต้องแน่ใจว่าผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไปทำตามมาตรฐานของแบรนด์ได้

อีกความเคลื่อนไหวสำคัญคือ การไปลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยเดือน ก.พ. ได้ลงทุนถือหุ้น 9% ในเฟฟสเตย์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการเช่าที่พักที่มาพร้อมบริการรับรองลูกค้า ซึ่งอนาคตดุสิตธานีอาจเข้าไปเชื่อมการให้บริการบางอย่างด้วยได้ และหลังจากนี้หาก มีเทคโนโลยีอื่นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็พร้อมเข้าไปลงทุนอีก

ศุภจี กล่าวต่อว่า ปัญหาที่ผ่านมาของบริษัทคือรายได้กระจุกตัวอยู่แต่ในประเทศ เพราะโรงแรมส่วนมากที่ให้บริการอยู่ในประเทศ ดังนั้นก็จะขยายโรงแรมในต่างประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ก็จะหาทางทำให้รายได้มีเสถียรภาพมากขึ้นจากปัจจุบัน 90% ของรายได้มาจากโรงแรม 10% จากการศึกษา ก็จะพยายามหาธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมรายได้เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้โรงแรม ตั้งเป้าหมายว่า 3 ปีข้างหน้า จะมีรายได้จากธุรกิจใหม่ 10% ส่วนธุรกิจโรงแรมก็คงไม่ได้หยุดแค่การเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาค แต่จะก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก (โกลบอล แบรนด์) ในที่สุด

เหล่านี้คือแผนเชิงรุกในแบบระมัดระวังและพอเพียงตามแบบฉบับดุสิตธานี