posttoday

'เอสซีจี'ลุยลงทุน7หมื่นล้าน

26 มกราคม 2560

เอสซีจีชี้ เศรษฐกิจ เริ่มฟื้น ตั้งเป้าโต 5-10% ทุ่มอีก 6-7 หมื่นล้าน ลงทุนอาเซียนต่อ ปี 2559 ยอดขายวูบ แต่กำไรเพิ่ม

เอสซีจีชี้ เศรษฐกิจ เริ่มฟื้น ตั้งเป้าโต 5-10% ทุ่มอีก 6-7 หมื่นล้าน ลงทุนอาเซียนต่อ ปี 2559 ยอดขายวูบ แต่กำไรเพิ่ม

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับเอกชนและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง ได้แก่ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาพลังงานที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การแข่งขันในภูมิภาคอาเซียนจะมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยที่ท้าทายสำหรับปีนี้

สำหรับในปีนี้เอสซีจีตั้ง เป้าหมายว่าจะเติบโต 5-10% จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นและการลงทุนจากภาครัฐ ซึ่งการที่เอสซีจีพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มจากนวัตกรรมขึ้นมา โดยมียอดขายในปีที่ผ่านมาประมาณ 1.6 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38% ของยอดขายรวม  คาดว่าจะทำให้ยอดขายในโครงการที่อยู่อาศัยมีเพิ่มขึ้นในปีนี้ ส่วนการเข้าไปแข่งขันในงานภาครัฐคงจะเน้นไปในเรื่องของซัพพลายเชนเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสินค้าให้รวดเร็วมากกว่า

ขณะเดียวกันได้ตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ 6-7 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นงบลงทุนที่ย้ายมาจากปีที่แล้วที่ตั้งงบลงทุนไว้ 4-5 หมื่นล้านบาท แต่ลงทุนได้ต่ำกว่าที่ตั้งไว้ที่ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ 2 ปีนี้จะมีการลงทุนรวมกันกว่า 1 แสนล้านบาท โดยจะเน้นการขยายธุรกิจในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง และการสร้างแบรนด์เอสซีจีให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้จะปรับองค์กรไปสู่ดิจิทัล เทคโนโลยีในทุกส่วนงานของเอสซีจี
   
ทั้งนี้ การแข่งขันที่รุนแรงและเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังชะลอตัว ส่งผลให้รายได้จากการขายของเอสซีจีในปี 2559  มีประมาณ 4.2 แสนล้านบาท ลดลง 4% จากปี 2558 แต่มีกำไร 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% ซึ่งหลักๆ มาจากผลกำไรจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ 4.2 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 48% นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการส่งออกประมาณ 1.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 27% ของยอดขายรวม

"ปีที่ผ่านมาแม้ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์รวม 40 ล้านตัน/ปี มาจากการลงทุนภาครัฐสัดส่วนประมาณ 30% ของปริมาณการใช้ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10% แต่ปริมาณการใช้ในตลาดที่อยู่อาศัยที่มีสัดส่วนถึง 50% และพาณิชยกรรม 20% ลดลง 5-7% ทำให้ตลาดรวมติดลบ 2% ส่วนปีนี้ต้องรอดูในครึ่งปีหลังว่าปริมาณการใช้ในตลาดที่อยู่อาศัยจะเพิ่มหรือไม่ ซึ่งทุกคนต่างคาดหวังว่าการลงทุนภาครัฐจะทำให้ดีขึ้น" นายรุ่งโรจน์ กล่าว