อัลทรอนบุกหนัก ย้ำแบรนด์ทีวีคนไทย

โดย...จะเรียม สำรวจ

แม้ว่าหลายฝ่ายจะออกมาแสดงความมั่นใจว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้จะเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่แนวโน้มที่ดีขึ้นดังกล่าวก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดทีวีเติบโตมากหนัก เนื่องจากยังมีปัจจัยลบหลายอย่างให้ต้องจับตามอง โดยเฉพาะกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

นรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ฮาเบล อินดัสเตรียล ผู้ดำเนินธุรกิจทีวีสัญชาติไทยภายใต้แบรนด์ อัลทรอน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดทีวีในปีนี้คาดว่าจะยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว อย่างไรก็ดีเพื่อกระตุ้นให้ยอดขายทีวีของบริษัทเติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดไม่ต่ำกว่า 5 รุ่น ในจำนวนดังกล่าวจะเป็น กลุ่มสมาร์ททีวี 3 รุ่น เนื่องจากแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้จะเน้นทำตลาดกลุ่มสินค้าสมาร์ททีวีเป็นหลัก เพราะเทรนด์การใช้สมาร์ททีวีกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการได้เป็นอย่างดี

สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดของ ทีวีอัลทรอนในปีนี้ยังคงเน้นไปที่การสร้างแบรนด์สินค้าให้ผู้บริโภคชาวไทยรู้จักในฐานะที่อัลทรอนเป็นทีวีสัญชาติไทย ดังนั้นในปีนี้บริษัทจะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้มีการจับมือร่วมกับแอพพลิเคชั่น ดูนี่ ชูคอนเซ็ปต์ "แบรนด์ไทยทำได้" เพื่อตอกย้ำแบรนด์โพสิชันนิ่งของอัลทรอนในเรื่องของความเป็นไทย ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่น รีโมทการกดปุ่ม One touch Access บนสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ เพื่อให้ลูกค้าเข้าสู่ความบันเทิงเพียงปุ่มเดียว ซึ่งแอพพลิเคชั่นดูนี่ จะมีคอนเทนต์ความบันเทิงให้ลูกค้าได้รับชมมากกว่า 1 หมื่นชั่วโมงรวม 90 วัน

หลังจากเปิดตัวบริการใหม่ดังกล่าว นรินทร์เดช คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้น่าจะมียอดขายทีวีอัลทรอนได้ไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นเครื่อง ในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดขายในกลุ่มสมาร์ททีวีประมาณ 2 หมื่นเครื่อง

นรินทร์ กล่าวต่อว่า ในช่วง 3 ปีนับจากนี้บริษัทจะเน้นทำการตลาดในประเทศเป็นหลัก เพราะก่อนที่จะหันไปขยายตลาดในต่างประเทศ บริษัทต้องสร้างฐานลูกค้าในประเทศให้มีความแข็งแกร่งก่อน ซึ่งหากภายใน 3 ปี นับจากนี้บริษัทสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดทีวีอัลทรอนได้ที่ 5% บริษัทก็จะเริ่มเดินหน้านำสินค้าเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศทันที
 
ในส่วนของตลาดต่างประเทศที่ศึกษาไว้ในตอนนี้ คือ กลุ่มประเทศอินโดจีน ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา เนื่องจากเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย จึงทำให้การขนส่งสินค้าและดูแลด้านการตลาดทำได้ง่าย

อย่างไรก็ดี หากการขยายธุรกิจเข้าไปในกลุ่มประเทศ อินโดจีนประสบความสำเร็จ นรินทร์เดช ก็พร้อมที่จะนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศทางตอนใต้อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียทันที

แผนงานทั้งหมดนี้ คาดหวังว่าจะสามารถสร้างชื่อแบรนด์อัลทรอนในวงกว้าง และสร้างความเชื่อมั่นว่าเป็นแบรนด์ไทยที่ดีกว่าแบรนด์ไทยทั่วไป