posttoday

ตลาดแว่นซบเซาหลังกำลังซื้อหด

22 ตุลาคม 2556

หอแว่น กระอักพิษรถคันแรก เศรษฐกิจแย่ กระทบกำลังซื้อ คาดตลาดปีนี้โตต่ำเหลือแค่ 5%

หอแว่น กระอักพิษรถคันแรก เศรษฐกิจแย่ กระทบกำลังซื้อ คาดตลาดปีนี้โตต่ำเหลือแค่ 5%

นายภาคี ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป เปิดเผยว่า ปีนี้ตลาดแว่นตามูลค่าประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทจะเติบโตเพียง 5% เนื่องจากผู้บริโภคได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมไปโครงการรถยนต์คันแรกของภาครัฐที่แย่งกำลังซื้อทำให้ตลาดเติบโตหดตัวลงจากปีก่อนจะเติบโต 8-10% ต่อปี

ปัจจุบันตลาดแว่นตาในประเทศไทย มีการแข่งขันที่ดุเดือด เนื่องจากมีผู้ประกอบการเข้ามาในธุรกิจมากกว่าจำนวนผู้บริโภค รวมไปถึงแข่งขันด้านการลดราคาและจัดแคมเปญต่างๆ ขณะที่บริษัทฯจะเน้นเรื่องคุณภาพสินค้าเป็นหลัก ปัจจุบันนำเข้าแว่นตามากกว่า 30 แบรนด์ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10 จากมูลค่าตลาดรวม 6,000-7,000 ล้านบาท ถือเป็นอันดับ 2 และมีอัตราการเติบโตตามตลาดเช่นกัน

"ตามปกติผู้บริโภค จะเปลี่ยนกรอบแว่น 2 ปีครั้ง และเปลี่ยนเลนส์ทุกๆปี โดยกลุ่มลูกค้าหลักที่ซื้อกับบริษัทฯจะเป็นลูกค้าระดับกลาง ราคา 5,000-7,000 บาทจะขายดีที่สุด แต่จากกำลังซื้อที่ลดลงเป็นผลมาจากโครงการรถคันแรกมาแย่งกำลังซื้อ เราก็พยายามทำการตลาดมากขึ้นโดยใช้งบการตลาด จำนวน 15 ล้านบาท" นายภาคีกล่าว

ขณะเดียวกันจะรุกตลาดแว่นตาในต่างประเทศโดยเฉพาะแถบอาเซียน โดยมุ่งเน้นการทำตลาดใน 2 ประเทศคือ มาเลเซียและสิงคโปร์ อย่างต่อเนื่องมากกว่า ปัจจุบันมีรวม 22 สาขา ส่วนประเทศไทยมี 130 สาขา โดยสาขาต่างประเทศ สามารถทำยอดขายได้ประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% อีก 60% จะเป็นยอดขายในไทย โดยมีรายได้หลักจากแว่นสายตาและเลนส์สายตา สัดส่วน 70%,แว่นกันแดดสัดส่วน 10% และคอนแทคเลนส์ 20%

สำหรับประเทศอื่นๆได้ พิจารณาไว้เช่นกัน อาทิ ลาว กัมพูชา เวียดนามและพม่า แต่คงไม่ใช่ในเร็วๆนี้ เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจการค้าปลีกยังไม่เปิดกว้างสำหรับบริษัทต่างชาติ หากเป็นการลงทุนเกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรมหรือธุรกิจค้าส่ง จะไม่ค่อยมีปัญหา

"ยอดขายในสิงคโปร์มี 12 สาขาในปีนี้ยอมรับว่าลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้จาก 10% เหลือ 8-9% ทั้งนี้เนื่องจากประเทศดังกล่าวมีความอ่อนไหวในเรื่องสภาวะเศรษฐกิจจากยุโรปและสหรัฐฯ ล่าสุดได้ปิดไป 1 สาขา และไปเปิดสาขาใหม่ในศูนย์การค้าแห่งใหม่แทน ขณะที่ประเทศมาเลเซีย มี 10 สาขากลับทำรายได้ดีตามเป้าที่ตั้งไว้คือ 12% แต่ก็ไม่สามารถขยายสาขาได้มาก เพราะประชากรน้อยเมื่อเทียบกับประเทศไทย" นายภาคีกล่าว

ทั้งนี้ แผนการตลาดของบริษัทฯจะรุกการขยายสาขาปีละประมาณ 5 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 30 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาด กทม. สัดส่วน70% และต่างจังหวัด 30% ล่าสุดได้นำแว่นตาแบรนด์ POLICE จากประเทศอิตาลี เข้ามาจำหน่าย พร้อมจัดโปรโมชั่นเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นการขาย