ระดมเครื่องสูบไล่น้ำท่วมรันเวย์สนามบินนครศรีฯ

นครศรีธรรมราช-เร่งกู้สนามบินนครศรีฯหลังปิดทำการเป็นวันที่2ขณะที่หลายอำเภอยังได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย
 
ที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กำลังเร่งสูบน้ำท่วมขังอยู่ในท่าอากาศยานและบรรจุกระสอบทรายเสริมแนวป้องกันน้ำท่วมเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลย้อนกลับเข้ามาอีก เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการบิน ขณะที่มีปริมาณน้ำโดยรอบสนามบินกว่า 1 ล้านลูกบาตรเมตร และในช่วงเย็นของวันนี้ (8 ธ.ค.60) มีรายงานว่านายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเข้าตรวจสอบพื้นที่สนามบิน และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าตรวจสอบและฟื้นฟูระบบนิรภัยการบิน ระบบช่วยเดินอากาศ และระบบไฟฟ้าส่องทางวิ่ง ทางขับให้มีสภาพสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนที่จะประกาศเปิดบริการท่าอากาศยานคาดว่าวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.60) จะสามารถทำการบินได้ตามปกติ

 
วันเดียวกันนี้นายสมนึก พรหมเขียว ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช นำส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ประสบอุทกภัยที่โรงเรียนบ้านบางไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอุทกภัยเป็นเบื้องต้น รวมถึงการจัดเก็บเป็นข้อมูลเพื่อกำหนดเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
 
ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง สิ่งสาธารณะประโยชน์ได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยในพื้นที่ ต.ทางพูน และ ต.สวนหลวง ยังมีน้ำท่วมสูง ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการความร่วมมือระดับพื้นที่และระดับจังหวัดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ มีการนำอาหาร น้ำดื่ม และยาเวชภัณฑ์ไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย และจัดชุดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกตรวจบริการแก่ผู้ประสบอุทกภัยด้วย

 

ที่บ้านน้ำร้อน หมู่ 1 ต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช น้ำป่าไหลหลากผ่านซัดสะพานข้ามพังเสียหายยาวเกือบ 30 เมตร ชาวบ้านหลายร้อยครอบครัวไม่สามารถเดินทางเข้าออกได้จากหมู่บ้านได้ จึงมีการเข้าไปให้ความช่วยเหลือสร้างสะพานเชือก หรือสะพานลิงเพื่อให้ผู้ประสบภัยใช้ชั่วคราว นอกจากนี้กระแสน้ำป่ายังกัดเซาะริมตลิ่งลำคลองอีกหลายจุด

อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปช่วยเหลือโดยสร้างสะพานถาวรให้ชาวบ้านต่อไปที่หมู่ 7 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำจะถูกดินโคลนถล่มบ้านเรือนพังเสียหาย 15 หลังแล้ว ยังมี หมู่ 2 และหมู่ 7 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ที่อยู่ริมห้วยซึ่งถูกน้ำพัดจนพังเสียหายอีกหลายหลัง บางจุดสะพานขาด ทำให้ชาวบ้านเดินทางเข้าอออกลำบาก ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปสำรวจและให้การช่วยเหลือเนื่องจากทางเข้าหมู่บ้านเข้าไปอย่างยากลำบาก ชาวบ้านต้องช่วยตัวเองไปก่อนจนกว่าจะมีการสร้างสะพานให้แล้วเสร็จ

 

ที่อ.ปากพนังพื้นที่รับน้ำ มีการนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 14 นิ้ว แบบเคลื่อนที่มาติดตั้ง จัดระดมมาโดยนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิก สปท.ได้ร่วมกันกับผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ติดตั้งที่จุดระบายน้ำบ้านบางไทร ต.บางศาลา อ.ปากพนัง เพื่อเร่งระบายน้ำทั้งใน อ.ปากพนัง และ อ.เชียรใหญ่ เนื่องจากการะบายน้ำในพื้นที่ 2 อำเภอนี้เป็นที่ลุ่ม หากระบายตามธรรมชาติจะมีความล่าช้า

นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิก สปท.ระบุว่า การจัดหาเครื่องสูบจากภาคประชาชนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายจะทำให้ปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำปากพนังได้เร็วขึ้นกว่าเดิม หากฝนไม่เพิ่มน้ำในลุ่มน้ำปากพนังจะระบายและเห็นผลใน 3 วัน การระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่นี้เป็นวิธีการตามแนวประชารัฐ จัดหาอุปกรณ์ด้วยภาคประชาชน และกรมชลประทานจะเป็นผู้สนับเชื้อเพลิง เป็นการร่วมมือที่ดีระหว่างประชาชนและภาครัฐ.