posttoday

ประมงขนาดเล็กเมืองนราฯต้องขึ้นฝั่งหลังคลื่นลมแรง

15 ตุลาคม 2560

เรือประมงขนาดกลาง และเล็กในนราธิวาสกว่า 1,500 ลำไม่สามารถออกทำประมงได้ เนื่องจากคลื่นลมแรง

เรือประมงขนาดกลาง และเล็กในนราธิวาสกว่า 1,500 ลำไม่สามารถออกทำประมงได้ เนื่องจากคลื่นลมแรง

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงในพื้นที่ บ้านทอน ต.โคกเคียน อ.เมือง บ้านบาเละฮีเล อ.เมือง นราธิวาส และพื้นที่หมู่บ้านชาวประมง ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นชาวประมงขนาดเล็กและขนาดกลาง ต่างนำเรือขึ้นฝั่ง เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย มีฝนตกและคลื่นสูง โดยขณะนี้มีเรือประมงที่ต้องนำเข้าขึ้นฝั่งกว่า 1,500 ลำ

ด้านนายมะณี อุทรักษ์ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส ได้ออกประกาศ แจ้งเตือนไปยังชาวประมงว่า พายุโซนร้อนขนุนได้ปกคลุมในบริเวณทะเลจีนได้ตอนกลางหรือด้านตะวันตกของประเทศฟิลลิปปินส์ มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.9 องศาเหนือ ลองติจูด 118.0 องศา ตะวันออก ความเร็วลมสูงสุด ใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  คาดว่าน่าจะเคลื่อนตัวใกล้เกาไหหล่ำ ประเทศจีน  และประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 15 – 17 ต.ค.60 โดยจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเมื่อเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน

ทั้งนี้เนื่องจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน แต่ยังไม่กระทบโดยตรงกับประเทศไทยใน 1 – 2 วันนี้ แต่ ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนผีลงมาปกคลุมปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พักปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ชาวประมงและประชาชนติดตามการประกาศจากกรมอุตุวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้

ขณะที่ลักษณะอากาศพยากรณ์ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนหรือฝนห้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันภาคใต้และอ่าวไทย โดยในพื้นที่ จ.นราธิวาส มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนห้าคะนองร้อนละ 60 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ อ.รือเสาะ อ.ระแงะ อ.ศรีสาคร อ.จะแนะ อ.สุคิริน และ อ.แว้ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ความเร็ว 15 – 30 กม.ต่อชั่วโมง