posttoday

"แผงลอยทางเท้า" หน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว จัดระเบียบไม่ได้ ใครได้ประโยชน์?

04 กรกฎาคม 2560

หากไม่เร่งจัดระเบียบ ในอนาคตจะยิ่งแก้ไขยากมากขึ้น จนกระทั่งเกิดการรวมตัวต่อต้าน ใช้ความรุนแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่สยามสแควร์

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

เหตุการณ์หนูท่อระบายน้ำตัวใหญ่ วิ่งออกมากัดเท้าของชายคนหนึ่งจนเลือดอาบ ขณะกำลังรอขึ้นรถโดยสารประจำทาง บริเวณป้ายรถโดยสารหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว  อาจทำให้บางคนมองเป็นเรื่องตลกขบขัน ทว่าเรื่องราวเช่นนี้นอกจากไม่ตลก แต่ยังสะท้อนถึงความสกปรก โสมม ไร้ระเบียบของร้านค้าหาบเร่แผงลอยขายอาหารบนทางเท้า ที่มักง่ายทิ้งเศษอาหารลงท่อระบายน้ำ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์พาหะนำโรคกระทั่งมาออกอาละวาด

แอดมินเพจเฟสบุ๊ก กลุ่มคนไทย ไม่เอาหาบเร่แผงลอย เปิดเผยกับโพสต์ทูเดย์ว่า ทางเท้าของประเทศไทย นับได้ว่ากลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์พาหะนำโรคที่นับวันจะยิ่งแพร่กระจายมากขึ้นทั่วเมือง โดยต้นเหตุเกิดจากการทิ้งเศษอาหารของผู้ค้าหาบเร่แผงลอยลงในท่อระบายน้ำ ทำให้เศษอาหารของมนุษย์กลายเป็นแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์แก่สัตว์เหล่านี้ เพราะหนูตัวใหญ่ขนาดเกือบเท่าแมว วิ่งมากัดเท้าของคนขณะยืนรอรถ ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาผู้ค้าหาบเร่แผงลอยกีดขวางทางเท้า ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตคนเมืองเป็นอย่างมาก เพราะทุกวันนี้เวลายืนรอต่อแถวขึ้นรถโดยสาร แทนที่จะได้ยืนบนทางเท้าเพื่อความปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงถูกรถยนต์เฉี่ยวชน กลับต้องเสียสิทธิ์นั้นเพื่อหลบให้กับร้านค้าขายอาหาร ยกขบวนกันมาตั้งร้านกึ่งถาวร ทั้งๆที่รู้ตัวว่าทำผิดกฏหมาย แต่ก็ไม่เกรงกลัว

“มีผู้บริหารของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ติดต่อมาขอให้เข้าร่วมหารือเพื่อแก้ปัญหาแผงลอยด้านเซ็นทรัล ลาดพร้าว แต่ส่วนตัวผมมองว่า การแก้ปัญหาสามารถทำได้ทันทีอยู่แล้ว หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามกฏหมายที่มีอยู่ในมือ เพียงเท่านี้ก็แก้ปัญหาได้ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลย หรือแม้กระทั่งรู้เห็นเป็นใจเสียเองด้วย” กลุ่มคนไม่เอาหาบเร่แผงลอยกล่าว กล่าว

แอดมิน กล่าวเน้นย้ำว่า หากไม่เร่งจัดระเบียบ ในอนาคตจะยิ่งแก้ไขยากมากขึ้น จนกระทั่งเกิดการรวมตัวต่อต้าน ใช้ความรุนแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ค้าแผงลอยสยามสแควร์ หากเป็นเช่นนั้นอีกครั้งหน่วยงานราชการที่ต้องรับผิดชอบจะทำอย่างไร ด้านหนึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อ้างว่าเป็นพื้นที่ของตัวเอง แต่ไม่เห็นออกตัวแก้ปัญหาอะไรได้เลย หรือคุณสนใจแค่เงินเข้ากระเป๋าเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเงินค่าเช่าต่างๆจากผู้ค้าแผงลอยจะเข้าสู่การรถไฟอย่างถูกต้อง แต่ไปอยู่ในมือของใครไม่ทราบได้

ที่สำคัญ ทางเท้าหรือพื้นผิวจราจรควรเป็นที่สาธารณะของประชาชน แต่ทุกวันนี้ไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาจัดการทั้งๆที่เห็นอยู่ตรงหน้าว่า มีร้านค้าตั้งโต๊ะ ตั้งแผงรุกล้ำลงไปบนพื้นผิวจราจร เรื่องแบบนี้สังคมกำลังตั้งคำถามว่า สุดท้ายประชาชนคนเดินเท้าต้องทนทุกข์กับสิ่งที่ หน่วยงานราชการ เอกชน ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้เลย หรือประชาชนต้องทนต่อไปอย่างนั้นหรือ 

ด้าน เชาวฤทธิ์ ทรงนวรัตน์ ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กล่าวว่า เมื่อวันที่  21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางเขตจุตจักร ได้หารือร่วมกับตัวแทนการรถไฟ ตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาแนวทางจัดระเบียบผู้ค้าหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปเนื่องจาก ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาจากการรถไฟ

ทั้งนี้พื้นที่บริเวณตั้งแต่ทางโค้งลงมาถึงผิวจราจร เป็นพื้นที่ของการรถไฟ แม้สังคมจะมองว่าทางเท้าและถนนควรเป็นทางสาธารณะโดยปริยาย แต่เมื่อพื้นที่ดังกล่าวมีเจ้าของจึงเป็นสิทธิของเจ้าของที่ดินในการจัดการ ดังนั้น กทม.จึงเข้าไปจัดการไม่ได้

เชาวฤทธิ์ กล่าวอีกว่า การรถไฟเองก็อ้างว่าไม่เคยอนุญาตให้ผู้ค้าเข้ามาตั้งร้าน แต่ก็ไม่มีการขับไล่ผู้ค้าที่บุกรุกแต่อย่างใด และยังได้ข้อมูลมาว่า การรถไฟอนุญาตให้ผู้ค้าเช่าพื้นที่ได้ต่อไป ทำให้เกิดคำถามว่าใครได้ประโยชน์ จ่ายเงินค่าเช่าพื้นที่ให้ใคร ทั้งหมดจึงเป็นปัญหาคาราคาซังกันอยู่อย่างนี้

ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กล่าวว่า ในพื้นที่มีร้านค้าแผงลอยขายอาหารทั้งสิ้น 40 ร้าน ได้ลักลอบทิ้งขยะ เศษอาหารลงท่อระบายน้ำทุกวัน ทำให้ท่ออุดตันน้ำท่วมขังทันทีที่ฝนตกลงมา และเป็นต้นเหตุของแหล่งเพาะพันธุ์หนู พาหะนำโรคร้ายต่อผู้บริโภค จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายสิ่งแวดล้อมเข้าไปตรวจสอบและตักเตือนเรื่องความสะอาด ไม่ถูกสุขอนามัย

“ผมพยายามคุยกับการรถไฟแล้วว่า ถ้าคุณจัดการเองไม่ได้ ควรโอนที่มาให้ กทม.ดูแลแทนจะดีกว่า  แต่ก็ไม่ได้คำตอบมาจนถึงทุกวันนี้” เชาวฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย