posttoday

ภาพถ่ายความทรงจำของ"สรสิดา"

04 กรกฎาคม 2554

เรื่อง...ปอย / ภาพ...วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

เรื่อง...ปอย / ภาพ...วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ดีเอ็นเอความเป็นไทยฝังอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว นักธุรกิจสาวสวยเจ้าของเครื่องประดับแบรนด์ “Goldlery” สรสิดา ชานนประภาส์ หรือนิคเน มน่ารัก “ยุ้ย” ทายาทครอบครัวที่มีชื่อเสียงยาวนานการผลิตทองคำงานฝีมือช่างโบราณ แบรนด์เก่าแก่ “บ้านช่างทองไทย” และสำหรับเครื่องประดับทองคำยี่ห้อ Goldlery เป็นการแตกไลน์ทางธุรกิจโดยการทุ่มเทของตัวเธอเอง โพรเจ็กต์สำคัญนี้ยุ้ยต้องผลักดันแสดงฝีมือให้สุดแรงค่ะ

ภาพถ่ายความทรงจำของ"สรสิดา" สรสิดา

ยุ้ย บอกว่าเติบโตมากับเครื่องทองโบราณ เมื่อเรียนจบคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจเป็นเพราะความชินตาจึงไม่ตื่นเต้นกับการสานต่อยอดกิจการครอบครัว แต่ในที่สุดหัวใจก็ร่ำร้องอยากมีเส้นทางของตัวเอกอปรกับคุณพ่อขอให้เข้าสานต่อ ทองคำประดับแบรนด์ “Goldlery” จึงเริ่มด้วยความตั้งใจแม้ไร้ประสบการณ์ และวันนี้ก้าวมาถึงตำแหน่งผู้บริหาร Brand Director บริษัท สยาม โกลด์ แกลลอรี่ จำกัด เป็นเวลา 2 ปีแล้ว

“ยุ้ยเกิดมาในครอบครัวพ่อค้าถูกเลี้ยงดูปลูกฝังให้เป็นเจ้าของกิจการตัวเองนะคะ จึงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ของตัวเอง ยุ้ยทำงานในสไตล์จริงจังค่ะ แต่ไม่เครียดมาก มีปัญหาอะไรก็แก้ไขกันไปทีละเปลาะๆ ของรักของหวงที่ใส่ติดตัวมาโดยตลอด แน่นอนค่ะ...คือเครื่องประดับโกลด์เลอรี คอลเลคชั่นที่ยุ้ยตั้งชื่อให้ว่า ‘แพรวา’ มีครบทั้งหมดค่ะ ทั้งสร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู

ยุ้ยภาคภูมิใจมากค่ะกับคอลเลคชั่นนี้ ที่มีส่วนยุ้ยในการคิดลวดลายทองคำโดยให้โจทย์ดีไซเนอร์ไปว่า ขอความเป็นไทยนะคะ นักออกแบบก็นำเสนอลายทอผ้าไหมแพรวา ที่มีสมญาราชินีแห่งไหม กับการทอเส้นไหมเล็กๆ ทอเป็นผ้าเนื้อละอียด และมีสีสันสดใส ซึ่งดิฉันคิดว่าเอกลักษณ์นี้นำมาปรับใช้กับลวดลายการผลิตทองคำได้ โดยนำมาผสมผสานกับเอกลักษณ์เทคนิกการทำทองพันลวดแบบทองคำเพชรบุรี ส่วนสีสันไม่ใช่สีเหลืองทองคำอย่างเดียวนะคะ การลงยาสีฟ้า ขาว ชมพู ทำให้เป็นเครื่องทองคำที่สดใส ลุคทันสมัยขึ้นมาได้ เครื่องทองโบราณประณีตลายละเอียดนะคะ ไม่ใช่ลายตัน ๆทึบๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจกันเลย”  สรสิดา อธิบายแล้วโชว์เครื่องประดับแหวนติดนิ้ว และต่างหูคู่โปรดลายแพรวาที่เป็นของรักของหวงชิ้นแรก

ภาพถ่ายความทรงจำของ"สรสิดา" ภาพถ่ายแห่งความทรงจำ

ของรักของหวงอีกชิ้น คือ ภาพถ่ายซึ่งน่าจะเก่าเก็บเป็นเครื่องระลึกถึงล้ำค่าแก่ผู้เป็นเจ้าของ เพราะสีสันของรูปถ่ายผู้ชายใบหน้าตี๋รูปหล่ออุ้มเบบี๋น่ารัก และมีผู้หญิงนั่งอยู่ไม่ห่างเฝ้ามองทารกน้อยด้วยสวาสยตาเปี่ยมรัก

“รูปนี้คือรูปครอบครัวในชีวิต เพียงภาพเดียวที่ยุ้ยมีค่ะ นอกนั้นก็จะเป็นรูปยุ้ยกับพ่อ ยุ้ยกับแม่ เป็นภาพพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก เด็กน้อยในภาพคือยุ้ย และคุณพ่อพิทักษ์ ส่วนคุณแม่เกษมศิริ เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจตั้งแต่ยุ้ยเด็กๆ ยุ้ยเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ค่ะ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวค่ะแต่มีช่วงหนึ่งราวๆ 5 ปีเลยทีเดียว คุณพ่อต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ ไม่ค่อยได้เลี้ยงดูลูกเท่าไรนัก แต่โชคยังดีค่ะเราเกิดมาในครอบครัวใหญ่ คุณพ่อมีพี่น้อง 9 คน อาเจ็ก อาซิ่ม อาแปะก็เลี้ยงดูยุ้ยมาแทนคุณพ่อคุณแม่

ช่วงตอนมัธยมปลายเป็นเด็กเกเร (หัวเราะ) ซ่าค่ะ ไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือ แต่อยู่ๆ คงเป็นวาสนาของเราด้วยก็นึกอยากเรียนภาษาอังกฤษที่เรารักวิชานี้ และเรียนได้ดี จึงหันมาตั้งใจเรียนจริงจังเลยค่ะจึงสามารถเอนทรานซ์ติดคณะอักษรศศาสตร์ จุฬาฯ ยุ้ยเติบโตมาแบบไม่เหงาก็ว่าได้ รุ่นหลานๆ เจนเนเรชั่นที่ 3 ตระกูลเรามี 20 ค่ะ เราเป็นครอบครัวใหญ่จริงๆ หลานคนโตอายุ 50 กว่า ส่วนคนเล็กอายุ 19 ปีเพิ่งเอนทรานซ์ติดนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เช่นเดียวกัน สองสิ่งนี้คือของมีค่าของเราค่ะ ที่เมื่อใดที่หยิบมาดูมาสวมใส่ใช้ติดกายก็จะรู้สึกว่าชีวิตเรามีพลังอยู่เสมอนะคะ” นักธุรกิจคนสวย สรสิดา บอกพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนบรรจงหยิบภาพสุดหวงลงกล่องเก็บความทรงจำ

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้