มะลิมะลิ เขียนแผนสอง แผนสำรองของชีวิต

หลายคนคิดไปว่า มีมากมายหลายแผนในชีวิต แต่หากทบทวนดีๆ แล้ว ทุกๆ แผนนั้นนำมาซึ่งจุดหมายเดียวกันหรือไม่

โดย...มัทรียา

หลายคนคิดไปว่า มีมากมายหลายแผนในชีวิต แต่หากทบทวนดีๆ แล้ว ทุกๆ แผนนั้นนำมาซึ่งจุดหมายเดียวกันหรือไม่ นั่นคือ ความสุข และถ้าชีวิตคนเรามีแผนอยู่แล้ว ทำไมจึงควรมีแผนสอง คำตอบของคำถาม มีคนช่วยตอบ นั่นคือ “บุษปา กีรติไกรนนท์” เจ้าของนามปากกา “malimali” (มะลิมะลิ) ผู้เขียนหนังสือ “แผนสอง”

“เราเหมือนคนทั่วไป เราคิดฝันว่าจะทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จ แต่ชีวิตไม่ได้พบแต่ความสำเร็จเท่านั้น ถ้าเกิดผิดแผนเราจริงๆ แล้วเราจะมีอะไรรองรับความรู้สึก รองรับการดำเนินชีวิตของเรายังไง แผนสองเหมือนเป็นฟูก ว่าเราล้มมา เราจะมีวิธีการมองชีวิตยังไง แผนสองเป็นมุมมองที่รองรับชีวิตที่ไม่เป็นไปตามแผนหนึ่งตลอดเวลา มันไม่ใช่การแก้ไข ไม่ใช่การรักษาเป้าหมายแผนหนึ่ง แต่เป็นการเปลี่ยนมุมมอง เมื่อคุณผิดหวังจากแผนหนึ่งคุณจะทำยังไงไม่ให้เสียใจ ทรมาน หรือเกิดความเสียหายจากแผนที่หนึ่ง ทำยังไงให้มีความสุขต่อได้ แผนสองไม่ใช่ต้องควรทำอะไรยังไง แต่ถ้าคุณไม่สมหวังคุณมาดูตัวเองมารักษาใจตัวเองยังไงให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตต่อไป ชีวิตคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เราทุกข์ แต่เราจะรองรับยังไงเป็นเรื่องของแผนสอง” บุษปา กล่าวถึงแผนสองที่ควรมีรองรับยามเมื่อชีวิตพลาดหวังจากแผนหนึ่ง

หนังสือแผนสองจัดอยู่ในหมวดธรรมะ และแผนสองในที่นี้ คือ การสังเกตให้ เห็นเรา รู้เรา ทั้งทางกายใจ เพื่อให้สามารถอยู่กินกับความทุกข์ หรือชีวิตขาลงได้ “แผนสองก็คือ การสำรวจตัวเรา ก็คือการค้นหาจิตใจของตัวเอง ในยามไม่ปกติ”

บุษปาย่อยธรรมะให้เข้าใจได้ง่าย นอกจากใช้ภาษาพูดที่สื่อสารกันอยู่ในชีวิตประจำวันฉันเพื่อนแล้ว ยังมีภาพประกอบช่วยในการทำความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งอีกด้วย “เป็นภาษาที่พูดกับคนทั่วไปปกติ ไม่ได้ต้องดัดให้ดูวัยรุ่นหรือทางการ เราพยายามทำอะไรเหมือนพูดกันตามธรรมชาติ จะได้เข้าใจง่ายในส่วนหนึ่งด้วย แล้วเราใส่กิมมิกคำที่ง่ายๆ จดจำง่ายเข้าไปด้วย เช่น คำว่าแปะป้าย แปะป้ายสิ่งนั้นทุกข์ สิ่งนั้นสุข ตอนที่เขียน ไม่ได้ตั้งเป้าหมายให้ใครอ่าน แต่เราเขียนมาในลักษณะที่เราถนัดที่สุด เราเขียนภาษาแบบนี้ มีภาพประกอบเข้าไปช่วย เป็นการ์ตูน ภาพลักษณ์โดยรวมเหมือนเขียนให้วัยรุ่นอ่าน แต่เท่าที่ดูจากฟีดแบ็กคนอ่านแผนสองก็มีวัยรุ่นจนถึงอายุเยอะ ตอนนี้หนังสือธรรมะก็พยายามเขียนให้คนทั่วไปอ่านง่ายก็มีเยอะ ใครหยิบหนังสือมาแล้วเก็ตในแบบของเรา เราแค่เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่เก็ตเนื้อหาในแนวนี้”

ที่อยากสื่อสารกับผู้อ่าน... “อะไรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นความสุข คนเราก็อยากได้มากันทั้งนั้น และอะไรที่ขึ้นชื่อว่าความทุกข์ คนเราก็อยากจะผลักไสไล่ส่ง ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่เราจะทำยังไงที่จะมีชีวิตที่ชิลชิล ไปกับทุกสถานการณ์”

ความสุขทุกข์สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย การอ่านหนังสือธรรมะก็เป็นอีกไกด์ไลน์หนึ่งที่ช่วยให้หลุดพ้นได้ “ไม่ว่าจะวัยไหน ก็มักมีความสงสัย และความทุกข์อื่นๆ อยู่แล้ว และต้องการความสุขอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละคนก็มีวิถีทางในการหาคำตอบในแบบของตัวเองคนที่หยิบหนังสือธรรมะมาอ่าน ก็คือคนที่ต้องการหาคำตอบนี้ในแบบหนึ่ง การที่เรามักเห็นว่าคนทุกข์มากๆ หรือต้องการที่พึ่งทางจิตใจมากๆ มาหยิบอ่านเพราะเป็นกลุ่มตัวอย่างที่เห็นได้ชัด

คนเราเวลาแฮปปี้ เราไม่ค่อยสงสัยอะไรในชีวิต และไม่ค่อยต้องการที่พึ่งกันเท่าไหร่นัก แต่พอทุกข์แล้ว ก็ต้องพยายามหาคำตอบให้หลุดพ้นจากความทุกข์นั้นให้ได้”

บุษปา ทิ้งท้ายว่า แผนสองคือแผนสำรองของชีวิต ที่ควรมีติดไว้ในทุกสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามา “อยากให้คนอ่านตระหนักว่า ชีวิตคนราเป็นปกติที่มีสมหวังไม่สมหวัง แต่ว่าไม่สมหวังขึ้น เราจะรับมือกับมันยังไง เรามีแผนปฏิบัติกับมันยังไง”