หลงเสน่ห์ เฟรเซอร์ฮิลล์
เฟรเซอร์ฮิลล์ เดอะลิตเติลอิงแลนด์
เฟรเซอร์ฮิลล์ เดอะลิตเติลอิงแลนด์
โดย..พงษ์ไทย วัฒนาวณิชย์วุฒิ
ในค่ำคืนอันเงียบสงัด ท่ามกลางความมืดสนิท อากาศเย็นๆ ไม่ถึงกับหนาว เสียงกรอบแกรบจากกิ่งไม้แห้งที่ถูกเหยียบย่ำลงไปพร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบอันแผ่วเบาแบบว่ากลัวคนข้างหน้าจะได้ยิน เรามาเดินทำอะไรกันกลางป่ายามนี้เหรอ จะส่องสัตว์ดูนก หนู แมลง แล้วจะเห็นอะไร คิดไปต่างๆ นานา “มิสเตอร์คาร์เมลาแมน...เงียบ มิสเตอร์ยังแมน...เยส” คุณดูไรย์เรียกอีกแล้ว ผมต้องรีบเดินจ้ำไปตามเสียงนั้น เพราะคุณดูไรย์มีอะไรจะให้ดู ตามผมมาซิครับ
เฟรเซอร์ฮิลล์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียของผมกับคณะในครั้งนี้ เฟรเซอร์ฮิลล์อยู่ในรัฐปะหัง ขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์กว่า 100 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะเขาจำกัดความเร็วรถเก๋ง รถตู้ รถ 4 ล้อ ไว้ที่ไม่เกิน 110 กม./ชม. ส่วนรถใหญ่ประเภทรถบัส รถบรรทุก ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ผมนั่งแล้วรู้สึกปลอดภัยดีครับ ที่มาเลเซียคงไม่มีรถขาดสองท่อนหรือรถตกทางด่วนให้เห็นบ่อยๆ เหมือนเมืองไทย ที่ผู้คนไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎ แต่ชอบทำตามใจคือไทยแลนด์จริงๆ เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายก็ทำงานตามกำลังศรัทธา คือถ้าจ่ายมากก็ทำน้อย ถ้าให้น้อยก็ทำมากเป็นพิเศษ คือตรวจละเอียดยิบ
ในช่วงสุดท้ายของการเดินทางก่อนถึงจุดหมายเป็นทางขึ้นเขาระยะทาง 8 กม. ถนนบางช่วงแคบมาก ขนาดรถเล็กๆ ยังไม่สามารถสวนกันได้ ถนนคดโค้งไปมาเหมือนงูเลื้อย แต่ทว่ากับร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ เพราะป่ายังอุดมสมบูรณ์ ทางการมาเลเซียจึงต้องจัดระบบการจราจรให้มีการขึ้นลง เป็นเวลา คล้ายๆ กับการขึ้นพะเนินทุ่งที่แก่งกระจานบ้านเรา แต่สำหรับผมแล้วกลับมีความรู้สึกว่า ถนนเส้นนี้เหมาะแก่การปั่นจักรยานขึ้นไปเที่ยวมากกว่า คงต้องหาเวลากลับไปขี่เสือภูเขาที่นี่อีกสักครั้ง เพื่อนๆ นักปั่นเตรียมตัวไว้นะครับ
ถึงแล้วครับหมู่บ้าน Fraser ที่เป็นบ้านโบราณสไตล์อังกฤษ ก่อด้วยหินเรียงกันสวยงาม มรดกตกทอดในยุคล่าอาณานิคมที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1919 จากประวัติ Fraser’s Hill ตั้งชื่อตาม Louis James Fraser นักเดินทางชาวอังกฤษที่เดินทางมาถึงที่นี่ราวๆ ศตวรรษที่ 19 เขาเข้ามาบุกเบิกเส้นทางโดยใช้ล่อเป็นรถลากจูง ค้าขายแร่ดีบุกจนร่ำรวย และได้สร้างอาณาจักรขึ้นที่นี่ ต่อมาเขาก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย หลังจากนั้นราวศตวรรษที่ 20 Bishop Ferguson Davie ที่เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์เพื่อตามหา Louis James Fraser แต่ไม่พบ Bishop Ferguson Davie กลับหลงใหลชื่นชอบบรรยากาศและภูมิประเทศที่สวยงามแห่งนี้ หลังจากนั้นอาณาจักรแห่งเฟรเซอร์ก็ได้ขยายตัว มีการสร้างบ้านแบบอังกฤษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามไหล่เขา ถ้าจะถามว่าเสน่ห์ของหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ที่ไหน ก็คงต้องบอกว่าอยู่ที่บ้านโบราณที่มีความคลาสสิกแบบเฉพาะตัว พวกเราเข้าพักที่ The Smokehouse Hotel and Restaurant บ้านหลังเล็กกลางหุบเขาในป่าใหญ่สไตล์แบบอังกฤษโบราณที่ดัดแปลงมาทำเป็นบ้านพัก ดูจากภายนอกอาจจะเก่าตามกาลเวลา แต่ภายในนั้นสุดจะคลาสสิก ข้าวของเครื่องใช้ 80% เป็นของเก่า มีอายุราว 90 ปี ห้องนอนมีหลายสไตล์ ทั้งแบบครอบครัวและมาเป็นคู่ เตียงตอนไม้มีเสาสี่มุม มีผ้าม่านลูกไม้ขึงสี่ด้าน มุมด้านหนึ่งมีโต๊ะกับตู้ไม้เก่าจัดวางอย่างลงตัว ส่วนห้องนั่งเล่นมีโซฟากำมะหยี่สีเขียวสดตั้งอยู่ข้างเตาผิงรับไออุ่นแก้หนาว ถัดมาอีกห้องเป็นห้องอาหารสไตล์ยุโรป มีโต๊ะไม้ชุดใหญ่ประดับด้วยเชิงเทียน ด้านบนมีโคมไฟห้อยระย้า พวกเราดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียนกับอาหารชุดแบบตะวันตก บรรยากาศดูขลัง ทำให้นึกถึงพี่โดมในละครเรื่องรักไม่มีวันตาย อารมณ์นั้นจริงๆ หลังจากมื้อค่ำแล้ว พวกเรามีโปรแกรมต้องไปเดินป่าตอนกลางคืน นัดหมายกับคนนำทางราว 2 ทุ่ม
ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่า ไปเดินป่าตอนนี้แล้วจะเห็นอะไร มีอะไรให้ดู หรือว่าจะส่องสัตว์แบบเขาใหญ่ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะที่นี่ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติถึงจะมีสัตว์มากมายขนาดนั้น เรามาถึงทางเข้าเส้นทางเดินป่า Hemmant Trail พร้อมกับคุณดูไรย์ พรานนำทางชาวมาเลเซียเชื้อสายฮินดู รูปร่างสูงใหญ่ไว้หนวด ตาโต ตัวดำ แต่ใจดี เราได้รับไฟฉายเล็กๆ คนละกระบอกไว้คอยส่องทาง แต่แสงสว่างดูจะไม่ค่อยเพียงพอกับความมืดขนาดนั้น เอ๊ะ หรือว่าเขาไม่ต้องการให้แสงไฟไปรบกวนสัตว์ นึกแล้วตื่นเต้น คุณดูไรย์เดินหายเข้าไปในความมืดพร้อมกับอธิบายเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว พี่แคท ล่ามสาวไทยที่ไปปักหลักทำมาหากินอยู่ในมาเลเซียก็ตามแปลอย่างไม่ลดละตลอดทาง ความมืดบนเส้นทางแคบๆ ที่เปียกชื้นจากน้ำค้าง ทำให้ทุกย่างก้าวที่ย่ำลงไปเป็นไปอย่างระมัดระวัง พวกเราหยุดเป็นระยะเมื่อคุณดูไรย์เรียกไปดูอะไรต่อมิอะไรตั้งแต่แมลง กิ้งกือ คางคก ที่อยู่ตามพื้นดิน ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบๆ ตัว คุณดูไรย์อธิบายอย่างมีเหตุมีผลจนน่าสนใจ จากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราคิดว่าก็เห็นกันอยู่ทุกวัน บ้านเราก็มี แต่พอฟังแล้วก็กลับมาคิดว่า เออเนอะ... มีช่วงหนึ่งเป็นทางชันขึ้นเนินสูงราว 20 เมตร แกให้พวกเราหลับตาแล้วเดินไต่ตามเชือกขึ้นไป โอ้!!! แม่เจ้า แค่ลืมตาเดินก็ลำบากพออยู่แล้ว แต่คุณดูไรย์ให้เหตุผลว่า การหลับตาแล้วใช้จินตนาการเอาหัวใจสัมผัสและซึมซับกับธรรมชาติจะให้ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง
ความจริงเส้นทางเดินป่าเส้นนี้ระยะทางแค่ 1 กม.เท่านั้น ซึ่งดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไร แต่คุณดูไรย์กลับทำให้มันมีอะไรขึ้นมาได้ ผมทึ่งมาก แกสามารถจับทุกสิ่งอย่างตลอดเส้นทางมาบอกเล่า ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า หรือแม้กระทั้งแมลงตัวเล็กๆ แกสามารถนำมาเป็นความรู้บวกกับเทคนิคการนำเสนอที่ดี พวกเราสนุกสนานเพลิดเพลินกับธรรมชาติจนลืมความยากลำบากไปเลย ผมว่าบ้านเรายังขาดสิ่งนี้นะครับ คนที่จะคอยให้ความรู้กันอย่างละเอียดยิบกับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ส่วนมากจะปล่อยให้เดินกันเองไปตามป้ายที่บอกทางไว้
เช้าวันรุ่งขึ้นคุณดูไรย์มารับพวกเราไปดูอะไรกันอีกแล้ว เจ้าอะไรที่ว่าคือ นกครับ เฟรเซอร์ฮิลล์เป็นสถานที่ที่มีชื่อในเรื่องการดูนก และถ่ายภาพนก เพราะมีนกมากถึง 250 กว่าชนิด รวมทั้งนกหายาก และยังมีการจัดการแข่งขันดูนกนานาชาติ (Internation Bird Race) ทุกปี มีนักดูนกชาวไทยและต่างชาติเข้ามาดูและร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมากทุกปีเช่นกัน จุดดูนกไม่ต้องเข้าป่าไปลึก อยู่บริเวณรอบๆ ที่พัก Jeili Resort นี่เอง คุณดูไรย์เดินผิวปากเรียนเสียงนกเหมือนกับจะร้องเรียก แค่อึดใจเดียวนกหลายตัวหลายชนิดก็บินมาเกาะต้นไม้ใกล้ๆ เรา ชนิดที่เรียกว่าคุ้นเคยกับคน ทำให้พวกเราถ่ายรูปกันได้สบาย ถึงแม้ไม่มีเลนส์ซูมยาวๆ ก็ตาม เจ้าตัวแรกที่เข้ามาทักทายและอวดโฉมคือ นกกะรางวงตาขาว และที่เป็นพระเอกมีสีสันสวยงามลำตัวสีเหลืองหัวดำแก้มขาว เจ้านี่คือกะรองทองแก้มขาว ผมแค่ยืนหันซ้ายหันขวาก็มีนกชนิดต่างๆ บินเข้ามาให้ถ่ายรูปกันเพลินจำเริญใจเลยทีเดียว โดยส่วนตัวผมคิดว่าอาณาจักรแห่งเฟรเซอร์เหมาะแก่การมาท่องเที่ยวพักผ่อน หรือจะมาเป็นแบบครอบครัวมากกว่า เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งที่พักโรงแรม ร้านอาหาร สนามกอล์ฟขนาดใหญ่ น้ำตกขนาดเล็ก ทะเลสาบ อีกทั้งมีเส้นทางเดินป่าหลายเส้นทาง ทั้งกลางวันและกลางคืน อากาศเย็นสบายตลอดปี มาที่นี่เหมือนได้มาเที่ยวยุโรปยังไงไม่รู้
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวมาเลเซีย ที่ทำให้เรารู้จักและหลงรักคุณมากขึ้น
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sawasdeemalaysia.com, www.tourismmalaysia.gov.my


