เสฐียร พันธรังษี นักวิชาการศาสนาและนักหนังสือพิมพ์
เกียรติประวัติของ "เสฐียร พันธรังษี" ได้รับการยกย่องไว้ที่ หอบูรพาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย เพราะท่านนั้น ตัวตาย แต่ชื่อยัง
เกียรติประวัติของ "เสฐียร พันธรังษี" ได้รับการยกย่องไว้ที่ หอบูรพาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย เพราะท่านนั้น ตัวตาย แต่ชื่อยัง
โดย...สมาน สุดโต
วันศุกร์ที่ 3 มิ.ย. 2554 เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 100 ปี ของศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียร พันธรังษี อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และอดีตเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มูลนิธิเสฐียรพันธรังษี และคณะศิษย์ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียร พันธรังษี ได้จัดงานวัน เสฐียร พันธรังษี เพื่อรำลึกถึง ณ ตึกมหาธาตุวิทยาลัย วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
ชีวิตและผลงานอาจารย์เสฐียร พันธรังษี ราชบัณฑิต มีอะไรที่พิเศษและอัศจรรย์ จากเด็กต่างจังหวัดเกิดที่พระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2454 เมื่ออายุ 9 ขวบ มาอยู่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ บรรพชาอุปสมบท และเรียนหนังสือทั้งธรรมะและบาลีเป็นมหาเปรียญ 5 ประโยค ในสำนักวัดมหาธาตุ จากนั้นสึกหาลาเพศไปใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่น ร่ำเรียนด้านศาสนาจากสำนักที่มีชื่อโด่งดัง คือมหาวิทยาลัยโอตานิ ขณะที่เรียนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 กลับไม่ได้ จึงใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสเรียนปริญญาโทจนจบ เมื่อกลับเมืองไทยใช้ชีวิตเป็นประโยชน์สูงสุดต่อศาสนา สื่อมวลชน สังคมประเทศชาติในฐานะต่างๆ ท่านเป็นผู้เปิดมุมมองและการศึกษาพระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทยจนเป็นที่ยอมรับนับว่ามีคุณค่าต่อพระพุทธศาสนายิ่ง
ศาสตราจารย์พิเศษ จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต ได้กล่าวถึงคุณูปการ ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียร พันธรังษี ราชบัณฑิต ว่า เป็นบุคคลที่ให้ความรู้ทางศาสนาเปรียบเทียบ พุทธศาสนามหายานแก่วงการนักศึกษาพุทธศาสนาอย่างประมาณค่ามิได้ และเป็นคนหนึ่งที่รักสถาบันมหาจุฬาฯ มาก (สอนที่มหาจุฬาฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490) เห็นได้จากการที่เกิดวิกฤตกับอดีตพระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถระ) อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ พ.ศ. 2504-2505 ซึ่งมีผลต่อมหาจุฬาฯ ด้วย อาจารย์เสฐียรที่เกี่ยวข้องทั้งสองสถาบัน มีความวิตกกังวล ชักชวนผู้ที่มีความรู้ความสามารถมานั่งปรึกษาหาทางออกในเรื่องนี้อย่างเคร่งเครียดที่หน้าพระมณฑปในเขตพุทธาวาส วัดมหาธาตุ ตลอดเวลา
ด้วยสำนึกในคุณูปการที่อาจารย์เสฐียรมีต่อสถาบันและต่อตัวอาจารย์จำนงค์โดยตรง เมื่ออาจารย์จำนงค์ได้เป็นราชบัณฑิตและเป็นศาสตราจารย์ มาหวนรำลึกถึงอาจารย์เสฐียร ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้ ยังไม่ได้เป็นศาสตราจารย์และราชบัณฑิต จึงได้หาทางให้ท่านเข้าสู่สำนักราชบัณฑิต โดยขอให้สมัครเป็นภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถาน เมื่อสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง ตั้งตำแหน่งราชบัณฑิต ประเภทปรัชญา สาขาศาสนศาสตร์ อาจารย์เสฐียรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นราชบัณฑิตสาขานั้น จึงเป็นราชบัณฑิต ประเภทปรัชญา สาขาศาสนศาสตร์คนแรก ของราชบัณฑิตยสถาน
ต่อมาปี พ.ศ. 2532 ที่ประชุมใหญ่ราชบัณฑิตเสนอให้ท่านรับตำแหน่งเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน เมื่อมีการเสนอชื่อให้รับตำแหน่งนั้นในสมัยที่ 2 ในปี พ.ศ. 2534 ท่านปฏิเสธอ้างว่าแก่แล้ว แต่อาจารย์จำนงค์บอกว่าให้รับ มีอะไรจะให้ช่วยเหลือก็ยินดีทำให้ พร้อมกับบอกว่าหากจะตายก็ขอให้ตายในตำแหน่ง จะได้เป็นเกียรติประวัติ ซึ่งท่านก็รับและถึงอนิจกรรมในตำแหน่งเลขาธิการ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2534 สิริอายุ 79 ปี 11 เดือน 11 วัน
ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียร พันธรังษี เกิดวันที่ 3 มิ.ย. 2454 ที่ ต.วัดยม (บ้านขอม) อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พ่อชื่อเล็ก แม่ชื่อจันทร์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 6 คน โดยอาจารย์เสฐียรเป็นคนที่ 4
ศาสตราจารย์พิเศษ อดิศักดิ์ ทองบุญ วิเคราะห์ประวัติและผลงาน ศาสตราจารย์พิเศษ เสถียร ว่าเป็นคนวัดที่มีหัวก้าวหน้า คิดนอกกรอบ มุ่งมั่นศึกษาทั้งในกรอบและนอกกรอบ จนได้รับยกย่องเป็นนักการศาสนาชั้นแนวหน้า เป็นนักพูด นักบรรยาย นักอภิปรายในเวทีต่างๆ เป็นอาจารย์พิเศษสอนศาสนาเปรียบเทียบ พุทธศาสนามหายาน ศาสนาโบราณในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เขียนหนังสือที่เป็นตำรา เอกสารการสอน หนังสืออ้างอิงทางวิชาการจำนวนมาก เป็นผู้มีใจรักงานหนังสือพิมพ์ จนได้รับยกย่องให้เป็นนักหนังสือพิมพ์ชั้นแนวหน้า เป็นนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นผู้บุกเบิกร่างกฎเกณฑ์ด้านจริยธรรมของหนังสือพิมพ์ และเป็นศาสตราจารย์พิเศษคนแรกของคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังมีส่วนในการตั้งองค์กรศาสนาเพื่อสันติภาพโลกและรับเชิญเข้าประชุมอย่างต่อเนื่อง
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปาฐกถาพิเศษ 100 ปีชาตกาล ศาสตราจารย์เสฐียร พันธรังษี ชีวิตและผลงาน ว่า เป็นเพราะอาจารย์เสฐียร คนวัดคิดนอกกรอบ เหมือนกับ พล.ต.หลวงวิจิตรวาทการ จึงมีชีวิตที่รุ่งเรือง ทำประโยชน์ต่อสังคมประเทศชาติและศาสนา ทั้งสองล้วนแต่เป็นศิษย์สำนักวัดมหาธาตุ อาจารย์เสฐียรอยู่ญี่ปุ่นในฐานะนักศึกษา แต่หลวงวิจิตรวาทการอยู่ในฐานะเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
การที่อาจารย์เสฐียรคิดนอกกรอบ จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิต ในการปฏิบัติงานท่านเป็นคนมีความเที่ยงธรรม เขียนหนังสือไม่เยิ่นเย้อ ตรงไปตรงมา เน้นความง่าย คาดว่าท่านคงได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่น พระธรรมโกศาจารย์เคยถามวิธีการเขียนจากท่าน
ท่านบอกว่าเขียนแล้วให้อ่านก่อน เจอคำที่เยิ่นเย้อให้ตัดออกหากไม่เสียความ เน้นเขียนให้อ่านง่ายๆ
ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียร พันธรังษี ราชบัณฑิตทางปรัชญาและวิชาการหนังสือพิมพ์ ฝากผลงานทางด้านวิชาการ ทั้งศาสนา ประวัติศาสตร์ สื่อสารมวลชน และสารคดีอื่นๆ ไว้มาก เกียรติประวัติของท่านจึงได้รับการยกย่องไว้ที่ หอบูรพาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย เพราะท่านนั้น ตัวตาย แต่ชื่อยัง


