เรื่องปลวกๆ

บ้าน คือที่ที่เรารู้สึกปลอดภัยมีความสุขและสามารถผ่อนคลายได้

โดย...ปู โลกเบี้ยว

บ้าน คือที่ที่เรารู้สึกปลอดภัยมีความสุขและสามารถผ่อนคลายได้ เป็นที่ให้เราได้หลบลี้หนีความวุ่นวายปกปักรักษาจากโลกภายนอก

กลับมาบ้าน บ้านก็จะกลายเป็นโลกส่วนตัวที่สุขสงบ แต่ถ้ามีสิ่งมีชีวิตแปลกหน้าเข้ามาทำลายบ้านอันเป็นวิมานของเราล่ะ จะทำยังไง ก็ต้องกำจัดมันออกไปซิจ๊ะ

ปูกำลังจะพูดถึงเจ้าปลวกตัวน้อยนั้นแหละค่ะ ให้จัดฮวงจุ้ยดีแค่ไหน เจอเจ้านี่เข้าไปยังไงก็อยู่ไม่เป็นสุขแน่ ปูซื้อบ้านจัดสรรที่เขาสร้างไว้เสร็จแล้ว เป็นบ้านตัวอย่างซะด้วยซิ ก็เลยไม่รู้ว่าก่อนที่เขาจะสร้างบ้าน ได้มีการลงน้ำยากำจัดปลวกไว้ใต้ดินรึเปล่า

แรกๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรจน กระทั่งอยู่ๆ ก็มีแมลงเม่าบินให้ว่อนเลย เปิดไฟไม่ได้ ดูทีวียังไม่ได้เลย ต้องอยู่กันมืดๆ แล้วหากะละมังใส่น้ำวางไว้ใต้ไฟที่เปิดทิ้งไว้นอกบ้าน ไม่ได้มาจากที่ไหนหรอก มันมาจากเสาต้นหนึ่งในบ้านปูนี่แหละ

จนเพื่อนบ้านชื่อเฮียจุ้ยแนะนำว่า ควรจะให้บริษัทกำจัดปลวกเข้ามาดูแลได้แล้ว ไม่งั้นพอเจ้าแมลงเม่ามันสลัดปีกทิ้งเมื่อไร ก็จะกลายเป็นปลวกกินบ้านเราทันทีเลยน่ะซิ

ไม่รอช้าค่ะ ปูรีบจัดการทันที เพราะที่บ้านปูดันมีส่วนที่เป็นไม้เยอะซะด้วย บ้านอื่นๆ เขาปรับจากไม้กลายเป็นราดปูนกันหมดแล้ว ด้วยความที่อยากซอฟต์ๆ ให้ดูมีธรรมชาติบ้าง และแล้วเดี๋ยวนี้สู้ไม่ไหวจริงๆ จำใจต้องเปลี่ยนจากพื้นไม้จริงให้กลายเป็นไม้เทียมสบายใจไปเปลาะหนึ่งแล้ว แต่ยังไงบ้านก็ยังคงมีส่วนของความเป็นไม้รวมอยู่ด้วย

การกำจัดปลวกมีหลากหลายวิธี ทั้งซื้อสารเคมีมากำจัดเองด้วยการโรยผงพิษ ไม่ว่าเจ้าแมลงสาป หนู มด ปลวก หรือแม้แต่เด็กน้อยซัดเข้าไปก็คงซี้แหงแก๋ หรือจะจ้างบริษัทผู้ชำนาญเข้ามากำจัดปลวกจะทุกเดือน หรือว่า 3 เดือนให้เขามาเจาะพื้นอัดสาร ฉีดพ่นรมควัน หรือจะใช้สมุนไพรเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามากำจัดก็ได้ โอ๊ย! หลากหลายวิธีที่จะคิดกำจัดมัน

ด้วยความที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดรักชีวิตกันทั้งนั้น ต่างก็จะเรียนรู้วิธีปรับตัวเพื่อความอยู่รอด แล้วเจ้าปลวกน่ะมีมากมายเป็นร้อยๆ ชนิดเชียวนะ จึงต้องมีการคิดค้นวิธีกำจัดพวกมันให้หลากหลาย ขนาดเจ้าหนอนผักน่ะ พวกมันยังพัฒนาเลย อย่างผักคะน้า ถั่วฝักยาว พวกชาวสวนบ่นกันตรึม ต้องฉีดพ่นยากันตั้งแต่หว่านเมล็ด พอได้ที่ก็ต้องฉีดยากันเหี่ยว เพราะต้องใช้เวลาในการขนส่งไปทั่วประเทศกว่าจะถึงปากคนกิน เดี๋ยวจะไม่สดเอา อันนี้เพื่อนที่เป็นชาวสวนเล่าให้ฟังเองเลย อีกหน่อยคนกินผักที่มีสารเคมีมากๆ เข้าไป คงกลายเป็นศพไม่เน่าแน่เลย เพราะสารเคมีเข้าไปเยอะ แฮะ แฮะ! ล้อเล่นจ้า

ถ้าเราไม่คิดที่จะป้องกันเจ้าปลวกเลย วิมานที่สงบสุขและปลอดภัยของคุณก็อาจจะไม่สามารถสงบสุขได้อีก พี่ที่มากำจัดปลวกที่บ้านปูเล่าให้ฟังว่า เคยมีบ้านทาวน์เฮาส์ทะเลาะตีกันถึงโรงพักเลยนะ เพราะบ้านหนึ่งจ้างบริษัทกำจัดปลวกมาจัดการ แต่บ้านติดกันไม่ได้ใส่ใจ เห็นว่าข้างบ้านทำการกำจัดปลวกไปแล้วคงไม่ต้อง กำแพงบ้านก็ติดกันอยู่ แต่ปรากฏว่าเจ้าปลวกน่ะมันหนีจากบ้านนี้ไปบ้านโน้นน่ะซิ มันคงหนีน้ำยาจากบ้านข้างๆ แล้ววกแทรกตัวตามรอยแตกของปูนเข้าไปอาศัยอีกบ้านนะ เป็นเรื่องเลย

จึงไม่ควรนิ่งนอนใจว่าใกล้กันมันจะไม่มา โดยเฉพาะบ้านที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ บ้านที่อับชื้นมืดๆ หรือบ้านที่ชอบบิวต์อินติดผนัง หรือมีฝ้าที่เป็นกระดาษอัด มันกินไม้ทุกชนิดแหละ นอกจากไม้สัก ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้เนื้อแข็งเนื้อแก่ หรือไม้หมอนทางรถไฟ มันจะไม่เอาเลย มันชอบไม้อร่อยๆ พวกไม้เนื้ออ่อนนิ่มหอม ไม้ที่เขาเอามาทำบิวต์อินนั่นแหละ ถึงจะเป็นบ้านตึกยังไงก็ต้องมีวงกบเป็นไม้ใช่มั้ยล่ะ

ยิ่งหน้าฝนน่ะจะชื้น ปลวกมันจะผสมพันธุ์กันได้ดีทีเดียวเชียว มันไม่ได้กินไม้อย่างเดียวนะ มันกินดินด้วย เพราะพวกมันขยันกันมาก ทำงานกันทั้งวันทั้งคืนเลย พี่กำจัดปลวกเขาว่าให้เราสังเกตที่สีไม้ว่าเปลี่ยนไปมั้ย จะมีรอยเป็นทางเดิน หรือจะคอยฟังเสียง จะมีเสียงเหมือนบีบถุงก๊อปแก๊ป ให้ลองปิดทีวีเงียบๆ จะได้ยินชัดเลย พี่เขาเล่าว่ามันก็เป็นเรื่องแปลกนะครับ ใครที่เคยเจอปลวกขึ้นบ้านมาแล้ว มันมักจะชอบตามคนนั้นไป บางคนอุตส่าห์หนีแทบตาย ขายบ้านหนีปลวกขึ้นไปอยู่คอนโดชั้น 20 แล้วเชียว เจ้าปลวกมันก็ยังตามไปรังควานเลย แต่ปูคิดว่าเป็นเพราะลักษณะนิสัยของคนคนนั้นที่ชอบเปิดแอร์เย็นๆ ปิดบ้านหรือห้องมืดๆ ทำให้บ้านไม่มีการระบายอากาศ บ้านหรือห้องก็จะอับชื้น ปลวกมันชอบความชื้นอยู่แล้ว ยิ่งมีไม้ให้กินด้วยแล้ว ปลวกมันก็เลยขึ้นบ้านหรือห้องนั้นนะซิ

ชอบอากาศเย็นๆ ไม่ผิดหรอก แต่เมื่อวันไหนอากาศภายนอกดีๆ แดด ok ก็ควรจะเปิดบ้านหรือห้องรับลมจากภายนอกเข้ามาบ้างเพื่อให้บ้านได้มีการระบายอากาศ ถ้าบ้านไม่ได้รับลมหรือแสงแดดบ้าง ผนังบ้านก็จะชื้นราขึ้นเป็นธรรมดานั่นแหละ...เนอะ