เดียวดายกลางโตรกธาร
ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างเผินๆ แต่เพราะมีจุดประสงค์เดียวกัน "เงิน" พวกเธอจึงจำเป็นต้องเสี่ยงดวงกับงานที่ท้าทายและผิดกฎหมาย
ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างเผินๆ แต่เพราะมีจุดประสงค์เดียวกัน "เงิน" พวกเธอจึงจำเป็นต้องเสี่ยงดวงกับงานที่ท้าทายและผิดกฎหมาย
โดย...อัคร เกียรติอาจิณ
ณ พรมแดนระหว่างอเมริกากับแคนาดา ยามดึกของทุกวัน รถคันหนึ่งกำลังวิ่งฝ่าธารน้ำแข็งไปอย่างเงียบเหงา แสงไฟตามเสาฉายภาพให้เห็นใบหน้าของผู้หญิง 2 คน ที่ตกอยู่ในอาการหวาดวิตก นั่นจึงเป็นพิรุธที่พอจะเดาได้ว่าพวกเธอไม่ใช่ผู้สัญจรบนถนนธรรมดาๆ
ไม่นาน เมื่อรถวิ่งผ่านด่านตรวจของตำรวจ พวกเธอก็เปิดฝากระโปรงรถออก พร้อมกับลากคนอีก 2-3 คน ที่แอบซุกซ่อนไว้ส่งให้นายหน้าที่มารับช่วงต่ออีกที
ลักลอบค้าคนเถื่อนเข้าเมือง นี่ละคืองานประจำของพวกเธอ "เรย์ เอ็ดดี" อเมริกันชนที่มีบ้านติดพรมแดน และเธอก็มีรถ "ไลลา" อินเดียนแดงตั้งกระต๊อบอยู่ในเขตสงวน และเธอก็มีเส้นสายกับพวกนายหน้าค้าคน
ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างเผินๆ แต่เพราะมีจุดประสงค์เดียวกัน "เงิน" พวกเธอจึงจำเป็นต้องเสี่ยงดวงกับงานที่ท้าทายและผิดกฎหมาย
เรย์ เอ็ดดี กับไลลา เป็นตัวแทนของผู้หญิงในโลกความจริงที่ผู้ชายไร้น้ำยาและขาดความรับผิดชอบ เรย์ เอ็ดดี ถูกสามีทิ้ง แถมยังขโมยเงินไปจนเกลี้ยง ไลลาต้องทนเป็นอินเดียนแดงอย่างโดดเดี่ยวหลังสามีเสียชีวิตและโดนแม่สามีขโมยลูกไป
พวกเธอตกเป็นฝ่ายถูกกระทำจากสังคม ที่บีบรัดและกดดัน จนต้องดิ้นรนด้วยวิถีทางสกปรก โดยเอาตัวเองแลกกับงานเสี่ยงคุก ทว่า ไม่ทำก็อดตาย ไม่ใช่แค่เธอ แต่หมายรวมถึงลูกๆ ที่กำลังรอความหิวความหวังสำหรับวันใหม่
สองตัวละครสะท้อนค่า "การต่อสู้" ของ "เพศแม่" อย่างอ้างว้าง ไม่ต่างอะไรกับเวิ้งธารน้ำแข็งที่มองเห็นสุดลูกหูลูกตาและน่าหวาดหวั่น ขณะเดียวกันก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า นี่เป็น "ความเข้มแข็ง" ในแบบฉบับ "เฟมินิสต์" ซึ่ง ผู้ชายต้องยกย่องให้
ถึงกระนั้น ทั้ง "การต่อสู้" และ "ความเข้มแข็ง" ของพวกเธอ ดูเหมือนจะเปราะบางอยู่มาก ช่างคล้ายน้ำที่จับตัวกันจนกลายเป็นของแข็ง มันพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อหากโดนกระทบแรงๆ หรือไม่ยามที่แสงแดดแผดเผาธารน้ำแข็งนั้น ก็สามารถละลายแปรเปลี่ยนรูปเป็นของเหลวทันควัน
สิ่งที่หนังสะท้อนผ่าน 2 ตัวละคร นอกจากเรื่องการต่อสู้ของ ผู้หญิงแล้ว หนังยังหยิบประเด็นเรื่อง "ความต่างด้านชาติพันธุ์" มาบอกเล่าด้วย
เมืองอันหนาวเหน็บแห่งนี้ คือดินแดนในฝันของหลายๆ คนที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก ชาวจีน ชาวปากีสถาน ขณะเดียวกัน เมืองอันหนาวเหน็บแห่งนี้ก็กลับมีการหยามเหยียดเชื้อชาติอย่างไม่อ้อมค้อม
ผู้มาเยือนมักจะตกเป็นเบี้ยล่างของเจ้าถิ่น และเจ้าถิ่นก็มักแสดงอำนาจเหนือผู้มาเยือน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับ
Frozen River สร้างความหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะประเด็น "ผู้หญิง" ที่เปรียบเสมือนดอกไม้เหล็ก เป็นเสาหลักของครอบครัว หาเลี้ยงลูกๆ เพียงลำพัง ท่ามกลางสภาพสังคมที่ห้อมล้อมไปด้วยโตรกธารน้ำแข็งอันขาวโพลน
ความอดสูของชะตากรรมตัวละครในหนังทวีความเข้มข้นทุกขณะ ฉากที่ เรย์ เอ็ดดี ให้ลูกๆ กินป๊อปคอร์นเป็นอาหารเช้า และหยิบเศษเหรียญเป็นค่ารถไปโรงเรียน อาจดูโหดร้ายในสายตาคนภายนอก แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ต้องผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้โดยลำพัง
หรือที่อดสูไม่ด้อยกว่ากันก็ในฉากไลลาแอบเอาเงินใส่กระป๋องมันฝรั่งไปสอดไว้ใต้ประตูบ้านแม่สามี แต่แล้วสิ่งที่เธอได้รับคือ แม่สามีส่งเงินกลับคืนมาให้ ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจจะมอบเงินนี้เป็นค่าเลี้ยงดูลูก
หนังพยายามแสดงความเป็นแม่ของทั้ง เรย์ เอ็ดดี และไลลา ด้วยการเติมแต่งบรรยากาศค่อนข้างออกไปในโทนหดหู่หม่นเศร้า ตอนที่พวกเธอตัดสินใจขับรถย้อนกลับมาเก็บกระเป๋าของผัวเมียชาวปากีสถาน และเปิดดูปรากฏว่าในนั้นมีทารกน้อยนอนแน่นิ่งอยู่ ถือเป็นฉากที่สะเทือนอารมณ์เหลือเกิน
"เมลิซซา ลีโอ" รับบท เรย์ เอ็ดดี และ "มิสตี อัพแฮม" ในบท ไลลา ทั้งคู่แสดงได้สุดยอดจริงๆ ยิ่งเฉพาะคนแรกเธอเฉียบคมมาก ถ่ายทอดความเป็นนักสู้อย่างหมดเปลือก ใคร ดูแล้วไม่อินสิ่งที่เธอเล่นเห็นจะไม่มี บางที อาจเผลอเสียน้ำตาไป (หลายลิตร) กับเธอก็ เป็นได้ และสมราคาที่มีชื่อเข้าชิงออสการ์สาขาดารานำหญิง ซึ่งถ้ารางวัลตกเป็นของเธอก็ ไม่น่าเกลียดแต่ประการใด
ขณะที่การแสดงเรียบๆ เรื่อยๆ ของ มิสตี อัพแฮม ก็ทำให้หนังสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะเธอสะท้อนอารมณ์เพศแม่และเลือดการต่อสู้ได้อย่างหนาวเหน็บ เฉกเช่นโตรกธารน้ำแข็งที่แผ่ไอเย็นมาถึงเธอในแต่ละย่างก้าวบนเส้นทางอันเดียวดาย


