posttoday

ศตวรรษรำลึก...ตึกยาวแห่งความทรงจำ

17 เมษายน 2554

สยามอัศจรรย์ขอพาไปรู้จักกับ “ตึกยาว” หรือ “อาคารสวนกุหลาบ” อันเป็นที่หลอมรวมดวงใจของผู้คนที่มีความผูกพันกับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมาหลายชั่วอายุคน

สยามอัศจรรย์ขอพาไปรู้จักกับ “ตึกยาว” หรือ “อาคารสวนกุหลาบ” อันเป็นที่หลอมรวมดวงใจของผู้คนที่มีความผูกพันกับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมาหลายชั่วอายุคน

โดย...ปราฎา เหมทิวากร

ไม่เพียงได้รับสมญานามว่าเป็นอาคารที่ยาวที่สุดในประเทศไทยเท่านั้น แต่ “ตึกยาว” หรือ “อาคารสวนกุหลาบ” ยังเป็นที่หลอมรวมดวงใจของผู้คนที่มีความผูกพันกับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมาหลายชั่วอายุคน

ด้วยรูปแบบก่อสร้างที่ขนานไปกับถนนตรีเพชร ความยาวถึง 198.33 เมตร และรูปลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรมโบราณในยุคนีโอคลาสสิก ทำให้บรรดาผู้คนที่ผ่านไปมาแถบพาหุรัดไม่กล้าที่จะละสายตาไปจากอาคารหลังยาวตระหง่านแห่งนี้

 

ศตวรรษรำลึก...ตึกยาวแห่งความทรงจำ ห้องที่เคยใช้เรียนในตึกยาว ปัจจุบันได้รับการบูรณะเป็นพิพิธภัณฑ์การศึกษา

หากเปรียบกับวิถีชีวิตของผู้คน ตึกยาวได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบมานานถึง 100 ปี โอบล้อมชีวิตของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเอาไว้รุ่นแล้วรุ่นเล่า ด้วยหัตถ์ที่อ่อนน้อมถ่อมตน และดวงใจของการให้โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ

ไม่เพียงระหว่างวันเท่านั้นที่ตึกยาวแห่งนี้จะมีชีวิต แต่ในช่วงค่ำของทุกคืน พ่อค้าแม่ค้าในย่าน ปากคลองตลาดก็อาศัยชายคาของตึกยาวในการหาเลี้ยงชีวิตด้วย ดอกไม้หลากสีสัน

แสงไฟสลัวจากนีออนที่เรียงรายไปกับฟุตปาทข้างทาง เป็นอีกภาพที่คุณจะเห็นตึกยาวในมุมมองที่แปลกออกไป เหมือนภาพเขียนอันวิจิตรที่คุณจะสัมผัสได้ในยามค่ำคืนเท่านั้น

ตึกยาวเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2453 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริให้รวมโรงเรียนสวนกุหลาบที่ในขณะนั้นกระจัดพลัดพรายอยู่หลายแห่ง มาอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน

พร้อมปรับรูปแบบการศึกษาจากโรงเรียนที่มุ่งเน้นแต่เฉพาะกลุ่มมหาดเล็กและผู้คนในรั้วในวัง มาเป็นโรงเรียนแผนใหม่ที่เปิดให้บุตรหลานข้าราชการและประชาชนทั่วไปได้มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน

พระองค์ทรงมอบให้กรมโยธาธิการเป็นผู้ออกแบบอาคาร โดยการก่อสร้างทั้งหมดจะใช้เงินของวัดราชบูรณะ ซึ่งแต่เดิมทางวัดจะสร้างตึกให้ชาวบ้านเช่าอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนมาเป็นสร้างอาคารให้โรงเรียนหลวงเช่าแทน

โดยขณะนั้น หลวงราชายาสาธก มรรคนายกวัดราชบุรณราชวรวิหาร เป็นผู้ลงนามในสัญญาจ้าง และมีนายเอียง เลียงหลง เป็นผู้รับเหมา ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 30,110 บาท และโรงเรียนสวนกุหลาบทำสัญญาเช่าในอัตรา 2,258.25 บาทต่อปี

ระหว่างการก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ให้กำเนิดโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เสด็จฯ มาทอดพระเนตรความก้าวหน้าด้วยพระองค์เอง ก่อนสวรรคตในปี 2453

จากนั้น ม.ร.ว.เปีย มาลากุล เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ซึ่งก็คือกระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน ได้เป็นประธานในพิธีเปิดและทำบุญโรงเรียนเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2454 ซึ่งแน่นอนว่าความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งของยุคสมัยแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง

ความสวยงามของอาคารเต็มไปด้วยรายละเอียด ไม่ว่าจะมองตัวตึกในระยะไกล หรือระยะใกล้ แนวทางเดินที่ดารดาษไปด้วยซุ้มโค้งทั้งสองชั้น สลับด้วยช่องบันไดที่ดูคล้ายปูนปั้น

ศตวรรษรำลึก...ตึกยาวแห่งความทรงจำ ภาพมุมสูงของตึกยาวที่โอบล้อมโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

ภายในตัวตึกมีห้องรวมกัน 37 ห้อง แบ่งเป็นชั้นล่าง 18 ห้อง และชั้นบน 19 ห้อง และด้วยความยาวของอาคารที่ออกแบบพิเศษ ทำให้จำนวนของประตูมีสูงมากถึง 164 บาน และหน้าต่างอีก 166 บาน มีบันไดรวมกัน 12 แห่ง และช่องลูกกรงไม้ 54 แห่ง

หลายทศวรรษที่ผ่านมา อาคารหลังนี้ถูกใช้เป็นทั้งห้องเรียน ห้องพักอาจารย์ และที่ตั้งของฝ่ายบริหาร บริเวณที่ติดกับโรงเรียนเพาะช่างและตลาดพาหุรัด ยังเป็นห้องซ้อมดนตรี ช่วยให้บรรยากาศทางการศึกษาไม่เคร่งเครียดเกินไปนัก

ขณะที่ทางด้านทิศใต้บริเวณที่ติดกับสะพานพุทธยอดฟ้า ยังเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ ทำให้อาคารหลังยาวต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วงของหนังสือและชั้นวางจำนวนมาก ไม่นับบรรดาเด็กนักเรียนที่มาใช้บริการตั้งแต่เช้าจรดเย็น

สุดท้ายตึกยาวที่เคยสง่างามก็เกิดอาการทรุดตัวลงตามกาลเวลา

หลังจากเคยบูรณะซ่อมแซมไปแล้วครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2488 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งตัวอาคารถูกทิ้งระเบิดเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณสองห้องสุดท้ายที่ติดกับโรงเรียนเพาะช่าง ต้องเสียหายยับเยิน

อาคารเริ่มมาทรุดตัวในยุคสมัยที่นายสุวรรณ จันทร์สม เป็นผู้อำนวยการ มีการปรับฐานรากอาคารโดยใช้ทรายถมแทนซุง และได้เชิญ ดร.รชฎ กาญจนวณิชย์ ศิษย์เก่าสวนกุหลาบซึ่งเป็นวิศวกรผู้ชำนาญเข้าสำรวจเพื่อซ่อมแซมและอนุรักษ์ในปี พ.ศ. 2525

ต่อมาในเดือน ก.พ. 2530 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอาคารสวนกุหลาบเป็นโบราณสถานประเภทพื้นที่อนุรักษ์ในฐานะมรดกของชาติ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้การซ่อมแซมอาคารในช่วงหลังๆ ทางโรงเรียนต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากร

มีการบูรณะใหญ่ครั้งหลังสุดในช่วงของ นางสมหมาย วัฒนะคีรี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย พ.ศ. 2538 ได้จัดงานระดมทุนร่วมกับนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริษัท แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ในฐานะศิษย์เก่า ร่วมกับศิษย์เก่ารุ่นต่างๆ ผู้ปกครอง คณาจารย์และนักเรียน ได้เงินประมาณ 10 ล้านบาท

ต่อมามีบุคคลสำคัญทางการเมืองที่เข้าร่วมเป็นหัวเรือใหญ่ในการบูรณะตึกยาว คือ นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี พ.ศ. 2540 สนับสนุนให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 136 ล้านบาท เพื่อปรับรากฐานใหม่ ด้วยการอัดคอนกรีตเพื่อดีดตัวตึกที่เริ่มแอ่นให้สามารถทรงตัวได้อย่างมั่นคงแข็งแรง

นางสมหมาย เล่าว่า ตึกยาวคือจิตวิญญาณของสวนกุหลาบวิทยาลัย และยังเป็นรากฐานของการศึกษาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้กับประเทศ ทำให้ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งอยู่นั้น นอกจากจะซ่อมแซมอาคารแล้ว ยังส่งเสริมให้มีพิพิธภัณฑ์การศึกษาอยู่ในตึกยาวด้วย

ศตวรรษรำลึก...ตึกยาวแห่งความทรงจำ ด้านนอกตึกยาวติดกับถนนตรีเพชร ซึ่งเป็นย่านธุรกิจดั้งเดิม

โดยช่วงนั้นนางสมหมายได้เข้าพบบุคคลหลากหลายสาขาเพื่อฉายภาพให้เห็นถึงความสำคัญของตึกยาว พร้อมแผนการที่จะยกระดับให้เป็นมากกว่าโบราณสถานธรรมดา ซึ่งบุคคลที่อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเดินทางเข้าพบเป็นคนสุดท้ายคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และคำตอบที่ได้รับจาก พล.อ.เปรม ก็คือ “ต้องดูแลเขา” ให้ดีที่สุด

ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์การศึกษามีทั้งหมด 14 ห้อง เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้ ประกอบด้วย ห้องสถาบันพระมหากษัตริย์ บรรจุ “จารึกศิลา” ความเป็นมาของโรงเรียนรวมทั้งลายพระหัตถ์พระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ห้องจากวังสู่วัด บอกเล่าปฐมบทของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

ห้องบูรพคณาจารย์ จัดแสดงภาพผู้บริหารตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ห้องเกียรติยศและเกียรติภูมิ เป็นรายชื่อของศิษย์เก่าที่สร้างคุณงามความดีให้แก่ประเทศ และห้องจาริกานุสรณ์ บรรจุชื่อนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาไปต่างประเทศและทุนเล่าเรียนหลวง เป็นต้น

ปี 2554 นี้ ถือเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีตึกยาวอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ในฐานะโบราณสถานเท่านั้น แต่ยังเปรียบได้กับรากฐานแห่งวงการศึกษาไทยที่มีอายุอานาม ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองอันยาวนาน

มีเยาวชนคนแล้วคนเล่าได้ย่ำผ่านทางเดินซึ่งทอดไปกับตัวอาคาร ก่อนเดินออกไปแสวงหาความรู้ในโลกที่ยาวไกลกว่า แต่เมื่อมองย้อนกลับมาเชื่อว่าทุกคนยังมีความรู้สึกที่ดีกับตึกยาวแห่งนี้...ไม่แตกต่างไปจากเดิม

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"