ศักดิ์ศรีไม่มีวันตาย
ศักดิ์ศรีไม่มีวันตาย
ศักดิ์ศรีไม่มีวันตาย
Gnomeo & Juliet
ประเภท การ์ตูน/ครอบครัว/รัก/ตื่นเต้น
ประเทศ อังกฤษ/สหรัฐอเมริกา
ความยาว 84 นาที
กำกับ เคลลี แอสบิวรี
แสดงนำ (เสียง) เจมส์ แมกอะวอย/เอมิลี บลันต์/แอชลีย์ เจนเซน/ไมเคิล เคน/เจสัน สเตแธม/จูลี วอลเตอร์ส
จากบทละครโศกนาฏกรรมก้องโลก Romeo & Juliet สู่แอนิเมชันตุ๊กตาดินเผาประดับสวน Gnomeo & Juliet
ถือเป็นการตีความใหม่ที่คนส่วนใหญ่ ค่อนข้างแปลกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อสิ่งที่ผู้กำกับและทีมงาน (ริ) หาญกล้านั้น เรียกว่าท้าทายสิ้นดี
แน่นอนคำถามตามมาคือ แล้วหน้าตา เนื้อหา ตลอดจนความคลาสสิกของบทประพันธ์จะดำเนินไปในทิศทางไหน
เศร้าสะเทือนใจ น้ำตาไหลพราก ซึ้งสุดเกินบรรยาย เน้นรักหวานน้ำตาลเรียกพี่หรือจะตลกบ้าๆ บวมๆ
“เคลลี แอสบิวรี” ผู้ผ่านงานแอนิเมชันดังๆ และคอยผลักดันแอนิเมชันลูกเล่นแพรวพราวจนเปรี้ยงปร้างทะลุฟ้า (The Little Mermaid, Beauty and the Beast, Toy Story, Shrek, Shrek 2 โชว์ฝีมือกำกับ)ตอบโจทย์โคตรหินนี้ได้อย่างปรุโปร่ง
มันเป็น โรมิโอ & จูเลียต ที่แฝงไว้ซึ่งอารมณ์เสียดสี เย้ยหยัน ขำก๊าก โดยที่ไม่ลืมรสชาติความบันเทิงจ๋าน่ารักน่าหยิกเข้าไปแบบไม่มียั้ง
ขณะเดียวกัน หลักประกันที่ทำให้บทละครโศกนาฏกรรมยังคงคลาสสิก นั่นก็เพราะกลิ่นอายความโรแมนติกที่หาได้จากตัวตนเจ้าของผลงาน (วิลเลียมส์ เชกสเปียร์) ไม่เคยจางหายไปจากแอนิเมชันเรื่องนี้
ด้วยความที่รีเมกมาอยู่ในเวอร์ชันแอนิเมชันนี่เอง จึงทำให้อีกด้านหนึ่งของชะตากรรมความรัก การไม่ลงรอยกัน รวมถึงวังวนแห่งการชิงชัง อันเป็นจุดเริ่มต้นการแก้แค้นระหว่างสองครอบครัวนั้นดูฉลาดคมคายมากๆ
ในแง่ที่ดูเอาเพลินและไม่ยึดติดกับขนบการเล่าเรื่องเดิมๆ กระทั่งอยากถอยห่างจากบทประพันธ์ต้นฉบับที่มีแต่ความรุนแรง (เซ็กซ์ ยาเสพติด การฆ่าตัวตาย การล้างแค้น) นับว่าไม่เลวนักที่หนังออกมาในบรรยากาศชวนหวือหวา ประดังใส่ความโอเวอร์เข้าไป แถมเจือด้วยความน่ารักสไตล์เอเชียนอีกเล็กน้อย
ความกลมกล่อมส่วนหนึ่งก็มาจากคาแรกเตอร์ตัวละครที่ถูกขยายความเพื่อให้คนดูได้รู้จักบทประพันธ์มากยิ่งขึ้น โรมิโอกับโนมิโอย่อมเหมือนและต่างกัน เช่นเดียวกับจูเลียต เวอร์ชันแอนิเมชัน อาจจะมีบางมุมที่คล้ายจูเลียต เวอร์ชันคนแสดง
จุดน่าสนใจที่มองข้ามไม่ได้ คือการใช้สีเป็นสัญลักษณ์ บ้านน้ำเงิน (ฝ่ายโนมิโอ)บ้านแดง (ฝ่ายจูเลียต) บอกชัดๆ ไปเลยว่า ใครสีอะไร ใครอยู่ข้างไหน ผู้กำกับและทีมงานคงไม่มีเจตนาจะเลือกสีให้ตรงกับมุมน้ำเงิน มุมแดง (เหมือนกีฬามวยไทย)
แต่สำหรับคนไทย น่าจะเข้าใจดีว่า นี่คือการเผชิญหน้าบนเวที ทันทีที่ระฆังลั่น คู่มวยก็ต้องเตรียมปะทะกันกลางผืนผ้าใบ ลีลาแม่ไม้มวยไทยชุดใหญ่งัดมาเป็นอาวุธ ใครเด็ด ใครอยู่
ไม่ต่างอะไรกับสองครอบครัวตุ๊กตาประดับสวยของตาเฒ่าขี้บ่นและคุณป้าขาวีน ที่ทำการเปิดศึกกันหลังจากเจ้าของไม่อยู่ สู้เพื่อรักษาเกียรติ สู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี โดยลืมไปว่าการต่อสู้อันยาวนานนั้น แท้จริงก็ไม่ก่อประโยชน์ใดๆ หรอก ที่สุดแล้ว คนต่อสู้ก็เหนื่อย คนรับมือก็หน่าย
จะว่าไปก็คงคล้ายการต่อสู้ของสองสีการเมืองไทย แดงกับเหลือง ที่ห้ำหั่นกันถึงเลือดถึงเนื้อระหว่างคนในชาติ เพียงเพื่อหวังสัมผัสคำว่า “ชัยชนะของฝ่ายข้า” แม้รู้ทั้งรู้ว่าการเดิมพันครั้งนี้ต้องเดิมพันด้วยชีวิต แต่เพราะศักดิ์ศรีไม่มีวันตาย ต่างสีต่างขั้วไม่ยอมลดละแรงทิฐิในใจ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเหลือแค่เศษซากของความสูญเสีย


