วัดไทยนาลันทาเป็นของคณะสงฆ์ไทย
รายงานข่าวที่สร้างความแปลกใจแก่ชาวพุทธและประชาชนชาวไทยคือเรื่อง เจ้าอาวาสวัดไทยนาลันทาร้องศาลสูงอินเดีย สั่งยกวัดให้ “แม่ชี” บริหาร
รายงานข่าวที่สร้างความแปลกใจแก่ชาวพุทธและประชาชนชาวไทยคือเรื่อง เจ้าอาวาสวัดไทยนาลันทาร้องศาลสูงอินเดีย สั่งยกวัดให้ “แม่ชี” บริหาร
โดย..สมานสุดโต
หัวเรื่องข้างบนนั้นเป็นคำพูดสั้นๆ ของพระเทพโพธิวิเทศ (หลวงพ่อยอด ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตไทยประจำอินเดีย-เนปาล ที่พูดกับผมเมื่อผมไปเยี่ยมที่ห้องพัก ที่ท่านรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ เมื่อบ่ายวันที่ 24 ก.พ. 2554 หลังจากทราบเรื่องว่าศาลสูงอินเดียสั่งให้แม่ชีมีสิทธิครอบครองวัดไทยนาลันทา แทนพระที่เป็นเจ้าอาวาส
ตามรายงานข่าวที่สร้างความแปลกใจแก่ชาวพุทธและประชาชนชาวไทยคือเรื่อง เจ้าอาวาสวัดไทยนาลันทาร้องศาลสูงอินเดีย สั่งยกวัดให้ “แม่ชี” บริหาร
เรื่องมีว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) ไปปฏิบัติธรรมและร่วมงานวันมาฆบูชาที่อินเดีย จากนั้นเดินทางไปวัดไทยนาลันทา รัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย พระครูปริยัติธรรมวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยนาลันทา ขอความช่วยเหลือให้ วธ.ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ช่วยหาทางออกกรณีศาลสูงเมืองปัฏนา มีคำพิพากษาให้แม่ชีอารีย์ ผ่องใส ซึ่งอยู่ที่วัดเดียวกัน เป็นผู้บริหารจัดการวัดแทนเจ้าอาวาส
พระครูปริยัติธรรมวิเทศได้เล่าเรื่องให้นายนิพิฏฐ์ฟังว่า แม่ชีคนดังกล่าวมาเรียนหนังสือที่อินเดียตั้งแต่สมัยพระมหาธารทอง กิตฺติคุโณ อดีตเจ้าอาวาส และหลังจากพระมหาธารทองมรณภาพ เมื่อเดือน ส.ค. 2550 คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งพระครูปริยัติธรรมวิเทศเป็นเจ้าอาวาส ทำให้แม่ชีอารีย์ไม่พอใจ จึงนำเอกสารที่ระบุว่า เป็นพินัยกรรมที่เจ้าอาวาสรูปก่อนเขียนไว้ไปฟ้องศาล จนในที่สุดศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2553 ให้แม่ชีอารีย์มีสิทธิในการบริหารวัดแทนเจ้าอาวาสทั้งหมด อย่างไรก็ตามศาลยังเปิดโอกาสให้พระครูปริยัติธรรมวิเทศยื่นเอกสารเข้ามาชี้แจง
ถึงขณะนี้พระครูปริยัติธรรมวิเทศ ยังหาหลักฐานได้ไม่เพียงพอที่จะยื่นไปยังศาล
ประวัติวัดไทยนาลันทา
ส่วนความเป็นมาวัดไทยนาลันทานั้น หนังสือบันทึกเรื่องงานฟื้นพระพุทธศาสนาในชมพูทวีป รัฐบาลไทย คณะสงฆ์ไทย ชาวพุทธไทย น้อมเป็นพุทธบูชาในแดนพุทธองค์ อนุสรณ์งานยกช่อฟ้าพระอุโบสถวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย วันที่ 28 ต.ค. 2519 มีบันทึกเรื่องกำเนิดวัดไทยนาลันทา ประเทศอินเดีย (2517-1975) โดย พระมหานคร เขมปาลี ป.ธ. 6 น.ธ.เอก M.A.
นักศึกษาชั้นปริญญาเอก สถาบันนวนาลันทา มหาวิทยาลัยมคธ 1 บทความ คำสั่งศาลพิหารซารีฟ จังหวัดนาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย วันที่ 6 มี.ค. 2517 (ค.ศ. 1974 ) เรื่องการรับมอบโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์สิน สร้างวัดไทยนาลันทา พระมหาเถระ ดร.เจ กัสสปะ สังฆนายกอินเดีย ผู้มอบถวายกรรมสิทธิ์ พระธรรมมหาวีรานุวัตร ในนามวัดไทยพุทธคยา ผู้รับมอบกรรมสิทธิ์ 1 ชิ้น และบันทึกเรื่อง วัดไทยนาลันทา โดยภิกขุวิเวกนันทะ 1 ชิ้น
สังฆนายกอินเดียถวายให้สงฆ์ไทย
ท่านมหานคร เขมปาลี เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดไทยนาลันทารูปแรก (ต่อมาเป็นเจ้าคุณราชรัตนโมลี วัดมหาธาตุ มรณภาพปี 2553) เล่าเรื่องการเกิดวัดไทยนาลันทาแปลกกว่าวัดไทยในต่างประเทศอื่นๆ เพราะวัดไทยนาลันทาเกิดขึ้นมาเป็นวัดสมบูรณ์โดยทันทีเหมือนกับอุบัติเทพ ทั้งยังตั้งอยู่ในดินแดนที่เคยเป็นบ้านเกิดของพระสารีบุตรและพระโมคัลลานะ พระมหาเถระอัครสาวกขวา-ซ้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ที่ทำให้เกิดวัดนี้คือพระมหาเถระ ดร.เจ กัสสปะ ผู้อำนวยการและก่อตั้งสถาบันนวนาลันทา ที่สร้างศูนย์วิปัสสนาบนที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน ต่อมาได้ตัดสินใจมอบถวายที่ดินพร้อมอาคารก่อสร้างให้คณะสงฆ์ไทยเพื่อเป็นสมบัติพระพุทธศาสนาสืบไป ดำริที่จะถวายมีมาตั้งแต่ปี 2514 แต่ตัวท่านมหานคร เขมปาลี ได้ทุ่มเทกับการเรียนจึงไม่ได้สานต่อ แต่ท่าน ดร.เจ กัสสปะ ก็เตือนหลายครั้งพร้อมกับมีหนังสือแสดงความจำนงถวายที่ดินให้คณะสงฆ์ไทย ท่านจึงนำเรื่องเสนอพระธรรมมหาวีรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา และหัวหน้าพระธรรมทูตต่างประเทศ พระธรรมมหาวีรานุวัตรจึงเสนอเรื่องไปยังคณะสงฆ์ไทยและรัฐบาลไทย โดยผ่านสถานทูตไทยประจำอินเดีย กว่าจะทราบว่าทางการไทยตกลงรับเรื่อง ก็ใช้เวลา 2 ปี
จากนั้นจึงได้ทำการจดทะเบียนโอนทรัพย์สินเป็นสมบัติของวัดไทยพุทธคยา เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2517 ตามคำสั่งศาลพิหารซารีฟ ที่แปลเป็นภาษาไทยดังนี้
คำสั่งศาล
(คำแปล)
เอกสารการโอนมอบที่ดินวัดไทยนาลันทา
ชื่อผู้บริจาค ภิกษุชคดิช กัสสปะ บุตรของศรีชยัม นารายัน ศิษย์ของภิกษุธัมมานันทะ แห่งนครโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา
ชื่อผู้รับบริจาค พระธรรมมหาวีรานุวัตร ในนามของวัดไทยพุทธคยา อินเดีย
ชื่อเอกสาร เป็นการบริจาคเพื่อการกุศลในพุทธศาสนาด้วยศรัทธา ความเลื่อมใส มูลค่าของทรัพย์สินที่บริจาคครั้งนี้
6 หมื่นรูปีถ้วน
รายละเอียดของทรัพย์สิน ที่ดินทั้งหมด 1 เอเคอร์ 9 ดิสมอล เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านมุซัฟฟาปุร์
ภายใต้สถานีตำรวจซีลาว จังหวัดนาลันทา
เตาลีเลขที่ 9943 ฐานะเลขที่ 402 จดทะเบียนที่ที่ดินจังหวัดนาลันทา รัฐพิหาร อินเดีย
เขตพื้นที่ทิศเหนือจดนวนาลันทามหาวิหาร ทิศใต้จดคลองระบายน้ำ ทิศตะวันออกจดที่ดินของศรีเทพจันทร์ มหโต
ทิศตะวันออกจดที่ดินของศรีกรุณากรัน จะต้องเสียค่าภาษีที่ดินปีละ 12 รูปี 50 ไปซ่า
มีอาคารตั้งอยู่ในพื้นที่ดินดังต่อไปนี้
(1) ตึกมีชื่อว่า ศูนย์วิปัสสนากรรมฐาน 1 หลัง พร้อมทั้งสวน
(2) วิหาร หรือห้องประชุม 1 หลัง
(3) กุฎีตึกที่อาศัยสองชั้น 1 หลัง
ผู้มีชื่อดังกล่าวมาแล้วข้างบนนี้ ในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์สินในที่ดินดังมีรายละเอียดข้างบนนี้ ในฐานะของผู้บริจาคมีเจตจำนงที่จะบริจาคทรัพย์สินด้วยศรัทธาความเลื่อมใส เพื่อจัดตั้งวัดพุทธศาสนา ที่ ต.นาลันทา สถานีตำรวจซีลาว จังหวัดนาลันทา รัฐบาลไทย โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอินเดีย ได้จัดตั้งวัดพุทธศาสนาขึ้นที่ ต.นาลันทา ในนามของวัดไทยพุทธคยา โดยมีพระธรรมมหาวีรานุวัตรเป็นผู้แทนก็ยินดีรับที่ดินพร้อมด้วยทรัพย์สินเหล่านี้ไว้ เพื่อก่อตั้งวัดพุทธศาสนาตามเจตจำนงที่ประกอบด้วยกุศลศรัทธาอันแรงกล้าของผู้บริจาค
นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้ถือว่าผู้บริจาคที่กล่าวนามแล้ว ได้บริจาคที่ดินพร้อมด้วยทรัพย์สินทั้งหมดในที่ดินด้วยจิตอันประกอบด้วยกุศลศรัทธาอย่างแรงกล้า ได้มอบกรรมสิทธิ์ เอกสิทธิ์ หรือสิทธิอื่นใดที่จะพึงมีในที่ดิน และทรัพย์สินดังกล่าวทั้งหมดในฐานะเป็นเจ้าของให้แก่ผู้รับบริจาคโดยเด็ดขาด ให้ผู้รับบริจาคมีกรรมสิทธิ์ เอกสิทธิ์ หรือสิทธิอื่นใดที่จะพึงมีทุกอย่างโดยสมบูรณ์
นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทายาท หรือผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือผู้มีหุ้นส่วนใดๆ ในที่ดินและทรัพย์สินของผู้บริจาค ย่อมไม่มีสิทธิใดๆ ในที่ดินและทรัพย์สินนี้โดยสิ้นเชิง
ผู้รับบริจาคจะต้องจดทะเบียนที่ดินและทรัพย์สินดังกล่าวมานี้ต่อเจ้าพนักงานที่ดินประจำท้องถิ่นในรัฐพิหารให้เป็นที่เรียบร้อย ในฐานะเป็นเจ้าของที่ดิน และจะต้องเสียภาษีที่ดินและรับใบรับเงินจากเจ้าพนักงานให้เป็นที่เรียบร้อย ผู้บริจาคจะพ้นจากความรับผิดชอบในการเสียภาษีที่ดิน หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดอีกต่อไป และผู้บริจาคขอรับรองว่าที่ดินพร้อมทั้งทรัพย์สินในที่ดินนี้ ปลอดจากอุปสรรคขัดขวางด้วยประการทั้งปวง ในการที่จะขัดขวางมิให้ผู้รับบริจาคเข้าครอบครองที่ดินและทรัพย์สิน และไม่มีความเสียหายใดๆ อันเนื่องมาจากอุปสรรคการขัดขวางหรือความผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากพบว่ามีกรณีที่เป็นอุปสรรค หรือความผิดพลาดใดๆ อันจะทำให้ผู้รับบริจาคไม่สามารถจะเข้าครอบครองที่ดิน และทรัพย์สินดังกล่าวได้โดยสงบแล้ว ผู้บริจาคจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นทุกประการ
ที่ดินพร้อมทั้งทรัพย์สินเหล่านี้ ผู้บริจาคได้จัดการถวายด้วยจิตศรัทธาความเลื่อมใสอย่างแรงกล้า เพื่อจัดตั้งวัดพุทธศาสนา และได้จัดมอบให้แก่ผู้รับบริจาคต่อหน้าพยานบุคคลเพื่อแสดงว่าผู้บริจาคได้ทำการมอบถวายด้วยศรัทธาความเลื่อมใสอย่างเต็มใจยิ่ง และผู้รับบริจาคเล่าก็ได้รับมอบด้วยความยินดีและเต็มใจรับด้วยจิตอนุโมทนายิ่ง
ทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาคได้ลงลายมือชื่อในเอกสารการมอบโอนนี้ทั้งสองฝ่าย พร้อมด้วยพยานบุคคลเป็นที่เรียบร้อยทุกประการ
ภิกษุชคดิช กัสสปะ ผู้บริจาค 6-3-1974 พระธรรมมหาวีรานุวัตร ผู้รับบริจาค 6-3-1974
ภิกขุวิเวกนันทะ พยาน
นายสุนทร เต็มเปี่ยม พยาน
ศรีชิเทนดรา ปราสาทผู้พิมพ์ ที่ ปณ.ตุงคิ พิหารซารีฟ (นาลันทา) ในบริเวณศาลแห่งพิหารซารีฟ (นาลันทา) 6/3/74
(อนึ่ง ในการโอนมอบนี้ต้องจ่ายค่าภาษีเป็นเงิน 3,161 รูปี)
มูลค่า 1 แสนรูปี
บันทึกเรื่อง วัดไทยนาลันทา โดยภิกขุวิเวกนันทะ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือฉบับเดียวกัน เล่าว่า มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นตึก 6 หลัง ราคาประมาณ 1 แสนรูปี (พ.ศ. 2517) ท่านผู้ถวายจึงเป็นผู้เสียสละจริงๆ แต่กว่าทางการไทยจะรับนั้นกินเวลาถึง 2 ปี นับว่าใช้เวลามาก ส่วนท่าน ดร.เจ กัสสปะ ผู้ตั้งใจถวายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้สงฆ์ไทยก็ใจร้อน ติดตามตลอด เมื่อล่าช้าก็ทุกข์ใจ เข้าทำนองกว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้
ท่านเล่าว่าเมื่อทางการไทยรับเรื่องแล้ว เป็นขั้นตอนติดต่อประสานงาน ปรับความเข้าใจ พบเจ้าหน้าที่ พบทนายตั้งหลายครั้ง นอกจากนั้นต้องไปศาลไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเพื่อติดต่อคนเขียนโฉนด ซื้อเอกสารพร้อมด้วยอากรแสตมป์ภาษีที่ดินทั้งหมด 4,000 รูปีเศษ บางครั้งคนซื้อมาก หมดเวลาราชการซื้อไม่ได้ บางครั้งอากรแสตมป์หมดต้องคอย บางครั้งซื้อไม่ได้เพราะบอกราคาตรงเผงไม่ได้ หากซื้อเกินก็คืนไม่ได้ ซื้อขาดจำนวนโอนโฉนดไม่ได้ จะให้ตัวแทนไปซื้อก็กลัวพาเงินหายไป บางครั้งเบิกเงินมาแล้วเอาไปใช้ทางอื่นเงินขาดไปอีก จะไปเอาเงินวัดไทยก็ไกลจากพิหารซารีฟ 108 กิโลเมตร ส่วนนาลันทาไกลจากศาล 12 กิโลเมตร ไปๆ มาๆ เช่นนี้ลำบากแค่ไหน เสียทั้งค่าอาหาร เวลา และค่าพาหนะ และความอึดอัดใจในการรอคอย งานที่สำเร็จแต่ละชิ้นแต่ละอันต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เมื่อซื้อเอกสารและอากรแสตมป์ได้แล้ว ต้องเอาใบเสร็จไปแสดงที่ธนาคาร ที่แห่งนี้คนมากจนล้นเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวฟังกันไม่รู้เรื่อง คนมีเส้นเข้าประตูหลังได้ คนที่ไม่มีเส้นก็คอย หมดเวลาพรุ่งนี้มาใหม่ พรุ่งนี้มาใหม่ (ย้ำ) คนใจไม่เย็นพออกแตกตายแน่ๆ ถึงกระนั้นท่านก็หงุดหงิด หัวเสีย อ่อนเพลีย จะเป็นโรคประสาทเอา
เมื่อโอนโฉนดได้โล่งใจทุกฝ่ายทั้งผู้ให้ ท่าน ดร.เจ กัสสปะ และ ผู้รับพระธรรมมหาวีรานุวัตร ในนามคณะสงฆ์ไทย เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา รวมทั้งผู้ร่วมงานที่ท่านภิกขุวิเวกนันทะบันทึกไว้ได้แก่ พระมหานคร เขมปาลี (มรณภาพแล้ว ตัวภิกขุวิเวกนันทะ (มรณภาพที่สหรัฐอเมริกา) พระมหาบุญมา มหาวีโร และพระสงฆ์ไทยวัดไทยพุทธคยา
วัดไทยวัดที่ 2 ในอินเดีย
พระธรรมมหาวีรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา (ล่าสุดเป็นพระสุเมธาธิบดี และมรณภาพแล้ว) บันทึกเรื่องวัดไทยนาลันทา ว่า วัดนี้เป็นวัดไทยแห่งที่ 2 ในประเทศอินเดีย พร้อมกับเล่าว่าการมีวัดแห่งที่ 2 ที่ชาวอินเดียถวายเป็นเรื่องอัศจรรย์ เพราะเป็นที่รู้กันว่าการจะได้อะไรจากชาวอินเดียนั้นแสนยาก ที่คณะสงฆ์ไทยได้วัดไทยนาลันทา เป็นเพราะบุญญาธิการยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธศาสนาโดยแท้ ผู้ถวายคือ ท่าน ดร.เจ กัสสปะ นั้นถือว่าท่านเป็นผู้เสียสละ เพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง แบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
สุดท้ายท่านชมเชยผู้ถวายพระ 2 รูป (พระมหานคร เขมปาลี และภิกขุวิเวกนันทะ) ที่เสียสละแรงกายในการทำงานจนสำเร็จเป็นวัดไทยนาลันทา ซึ่งเป็นสมบัติแห่งพระพุทธศาสนาและของคณะสงฆ์ไทย เป็นสิ่งสูงส่งควรค่าแก่การภาคภูมิใจยิ่งนัก
นี่คือที่มาแห่งวัดไทยนาลันทาของคณะสงฆ์ไทย ที่ศาลสูงอินเดียตัดสินให้แม่ชี เป็นเจ้าอาวาสแทนพระไทยเสียแล้วในเวลานี้


