การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ ผู้หญิง เซ็กซ์ และความรัก
หากไม่เคยอ่านเรื่องปริมณฑลแห่งรักมาก่อน ก็สามารถเข้าใจและทำความรู้จักกับหวนคะนึงในทุ่งฝันได้เพราะประเด็นเรื่องแยกอิสระ....
หากไม่เคยอ่านเรื่องปริมณฑลแห่งรักมาก่อน ก็สามารถเข้าใจและทำความรู้จักกับหวนคะนึงในทุ่งฝันได้เพราะประเด็นเรื่องแยกอิสระ....
โดย...มัลลิกา นามสง่า [email protected]
"การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์"เป็นนามปากกาของ "การะเกตุศรีปริญญาศิลป์" ที่มาของนามปากกาเจ้าตัวบอกว่า รำคาญ "สระอุ" เพราะใช้งานมานานนม เลยลองหันมาใช้บริการ"การันต์" กะฆ่าตัว ต. เต่าให้ตายไปเลยซึ่งก็สมใจเพราะจากชื่อที่ออกเสียงเป็นการะเกตุก็กลายมาเป็นการะเก(ต์) ซึ่งคำท้าย "เกต์" สามารถเล่นคำได้ด้วยจะให้เป็น "เกเร" ก็ได้ จะให้เป็น "เกย์"ก็ไม่เกี่ยงงอน
การะเกต์ผ่านงานในแวดวงน้ำหมึกมาไม่ว่าจะเป็น บรรณาธิการสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น บรรณาธิการนิตยสารวัยหวาน บรรณาธิการนิตยสาร AN :Another Way Magazine ทว่าทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ เป็นทั้งนักออกแบบจัดหน้าหนังสือ ดีไซน์สิ่งพิมพ์ อีกด้านหนึ่งก็เป็นงานเขียนเกี่ยวกับการพยากรณ์อ่านไพ่ยิปซี และงานที่เธอทำมาต่อเนื่องตลอดสิบกว่าปี คือ งานเขียนซึ่งมีผลงานฝากไว้ให้นักอ่านได้ติดตามหลายเรื่องด้วยกัน "เพียงให้ฉันได้แอบ
ฝันถึงคุณบ้าง" "ฝนตกเมื่อแดดหนาว" รวมเรื่องสั้นชุด"ถนนแม่น้ำ" รวมบทความและภาพเขียน "ถ้าเธอดูนมของฉัน" เป็นอาทิ ซึ่งตอนนี้ เ ธอก็ เ ป็นคอลัมนิสต์ ให้กับนิตยสารอยู่หลายหัวด้วยกัน
"ปกติทำงานเหมือนมนุษย์เงินเดือน มีคิวงาน วันจันทร์เขียนต้นฉบับวันอังคาร พุธ ทำงานออกแบบ วันพฤหัสบดีเขียนต้นฉบับ อีกวันก็ทำงานพยากรณ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นงานที่เรารักและมีความสุขกับมันอย่างการ ทำงา นพยากรณ์ต้องใช้ความคิดโดยที่เราไม่ใส่ความรู้สึก เพราะการอ่านไพ่ต้องอ่านตามความหมายของหน้าไพ่ มีความหมายเบื้องต้นที่เหลือเป็นประสบการณ์ส่วนตัวรู้ว่าไพ่มีรายละเอียดยังไง แต่งานแบบนี้ไม่เอาอารมณ์ความรู้สึกไปจับ ต้องใช้สมาธิ แต่งานเขียนเราต้องใช้ทุกอย่าง ใช้ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก สมาธิ"
"หวนคะนึง ในทุ่งฝัน"(หรืออีกนัย คือปริมณฑลแห่งรักภาค 5) นวนิยายแนวโรแมนติกผสมผสานอีโรติกของหญิงรักหญิง คือผลงานเขียนเรื่องล่าสุดของการะเกตที่ต่อเนื่องมาจากเรื่อง "ปริมณฑลแห่งรัก"(ภาค 1-4)
"ก่อนหน้านี้มีปริมณฑลแห่งรัก ในเรื่องมี 4 ภาคชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อ สุดคะเนกับ หวนคะนึงซึ่งคือคนคนเดียวกัน ในปริมณฑลแห่งรักคือการเล่าเรื่องถึงอนาคตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วเวลาที่เขาคิดถึงตัวเอง ก็จะเป็นหวนคะนึงชีวิตยังอยู่บ้านนอก ถ้าพูดถึงในเรื่องปริมณฑลแห่งรัก ชีวิตผู้หญิงคนนี้เริ่มตั้งแต่ สุดคะเนอายุ 17-20 ปี ส่วนหวนคะนึง ในเรื่อง หวนคะนึงในทุ่งฝันอายุ 17 กว่าๆ ถ้าใครได้อ่านปริมณฑลแห่งรักจะรู้ว่ายาวมาก จึงแยกหวนคะนึงตอนอายุ 17 กว่าๆ ออกมาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
อย่างไรก็ตาม หากไม่เคยอ่านเรื่องปริมณฑลแห่งรักมาก่อน ก็สามารถเข้าใจและทำความรู้จักกับหวนคะนึงในทุ่งฝันได้เพราะประเด็นเรื่องแยกอิสระ "เรื่องนี้เป็นเรื่องชีวิตของหวนคะนึง เป็นความรักของวัยรุ่นคนหนึ่ง ในเรื่องปริมณฑลแห่งรักมี 4 ภาค ภาคหนึ่ง สุดคะเนกับพี่แพท ภาคสองลมเหนือปีก ภาคสาม น้ำตาลในหินผา ภาคสี่ กระต่ายในแสงดาวใต้เงาจันทร์และในเล่มนี้มีภาคสุดท้าย ชื่อตอน ไกลสุดคะเนใจยังคะนึง ตรงนี้จะเป็นชีวิตวัยเด็กจริงๆ ของสุดคะเน แค่ 12 ปีเอง ส่วนหวนคะนึงในทุ่งฝันอยู่ระหว่างภาคแรกกับภาคสอง ซึ่งภาคที่สองคือหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ซึ่งชีวิตของเด็กผู้หญิงคนนี้จะเดินทางไปเจออะไรต่างๆ มากมาย ในแต่ละช่วงจะจบกันไปเอง"
ความรักไม่มีคำนิยามที่ตายตัว เช่นเดียวกันกับยามรักไม่สามารถจำกัดเรื่องเพศได้ "เน้นเลยค่ะว่าเราเขียนผู้หญิงกับผู้หญิง ซึ่งในคำว่ารักความรู้สึกไม่ต่างจากความรักของผู้หญิงกับผู้ชาย ไม่ว่าคนเรารักกัน เสียใจ มีความปรารถนาต่อกัน สิ่งที่แตกต่างคือวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสังคมอย่างเป็นรูปธรรมตรงนี้อยากเล่าเรื่องความรักเซ็กซ์ วิถีชีวิตของคนรักเพศเดียวกัน เพื่อบอกว่าเขาไม่แตกต่าง ไม่ด้อยหรือเหนือกว่าความรักของใคร ในความเป็นคนมีเหมือนกัน เขามีปัญหาของเขา มีความรัก ความสุขของเขา แต่ในเวลาเดียวกัน ความสัมพันธ์ของคนรักเพศเดียวกันมันเปราะบางมีความเสี่ยงสูง คิดว่าเกี่ยวกับวิถีชีวิตโดยรวม เกี่ยวกับสิ่งที่นอกเหนือตัวเราออกไป อย่างถ้าเรามีแฟนผู้ชายก็สามารถแนะนำให้ใครรู้จักได้ แต่มีแฟนเพศเดียวกันไม่ง่าย พอมีปัญหาก็ไม่ง่ายที่มาเคลียร์ตัวเอง"
ธรรมชาติของความรักและเซ็กซ์ที่ถูกพันเกี่ยวกัน ระหว่างความสัมพันธ์ทางกายและทางใจ "ตั้งใจเขียนให้ดูอีโรติก ในความสัมพันธ์มันเลี่ยงไม่ได้ ที่จะมีเรื่องเซ็กซ์เป็นองค์ประกอบในชีวิต มันเป็นเรื่องจริงของชีวิต ก็อยากเล่าในสิ่งที่มันเป็นจริงและคิดว่าเซ็กซ์ส่งผลต่อชีวิตไม่น้อยกว่าความรัก ถ้าเรารักกันไม่นอนด้วยกันกับนอนด้วยกัน มันจะต่างกันไหม วันพรุ่งนี้ของคนสองคนอาจจะแตกต่างกันมันต้องดูที่ผลกระทบชีวิตมีความหลากหลายกว่านั้น กล้าให้ตัวละครเรียนรู้ความสัมพันธ์
ในฐานะนักเขียนเป็นตัวแทนของเด็กผู้หญิงที่เล่าเรื่องของเด็กผู้หญิงอีกหลายคนๆ ในชีวิตคนเรามีเรื่องราวมากมาย เชื่อว่าชีวิตที่ผู้หญิงอีกหลายคนเจอมา คิดว่าน่าจะมีความรู้สึกร่วมกันกับตรงนี้ได้ในทุกๆ ความสัมพันธ์คือการเรียนรู้ ตัวละครมีคำถามตลอดเวลา อะไรคือรัก อะไรคือใคร่ อะไรคือเซ็กซ์ เหมือนการค้นหา ยากเหมือนกันที่จะบอกว่า อะไรเรียกว่ารัก พอรักแล้วมันสอดคล้องกับชีวิตหรือเปล่า อย่างสุดคะเนเวลาที่เขาอยู่กับพี่แพทก็จะเรียนรู้ความสัมพันธ์อีกแบบหนึ่ง อยู่กับพี่เอ๋ก็มีความสัมพันธ์ในอีกรูปแบบหนึ่ง ตรงนี้เราคิดว่าความ
สัมพันธ์เป็นพื้นฐานของมนุษย์ เวลาที่คนเรามีความรัก ความใคร่ ความรู้สึกไม่ต่างกัน สิ่งที่แตกต่างคือการกระทำ แอ็กชันที่ออกมาในแต่ละคนระหว่างคู่ไม่เหมือนกัน มันจะมีรายละเอียดของแต่ละคู่ พอมาเป็นหวนคะนึง เขาก็มีการเดินทางเหมือนกัน มีการเรียนรู้เหมือนกัน แต่สุดคะเนเดินไปข้างหน้า หวนคะนึงคือการย้อนกลับซึ่งในการกระทำของหวนคะนึงมีผลกับสุดคะเน สิ่งที่เขาเลือกทำในวาระต่อไป มันโยงมาจากอดีตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
หลายคนอาจเป็นห่วงว่างานเขียนของการะเกต์จะล่อแหลมต่อเยาวชนหรือไม่เพราะมีทั้งเรื่องรักเพศเดียวกันและเรื่องเซ็กซ์ อย่างไรก็ตาม เจ้าของผลงานได้ยืนยันว่า "ไม่กังวลในเรื่องนี้ ไม่ใช่หนังสืออ่านปลุกใจ คิดว่าวัยรุ่นอ่านได้เพราะเวลาเขียนงานอย่างหนึ่งที่จะไม่มีเลยคือเราไม่ใช้ภาษาที่หยาบคาย ไม่ได้เป็นการเขียนเพื่อปลุกอารมณ์ แต่เป็นการเขียนถึงเซ็กซ์ให้คนได้เรียนรู้มากกว่า อ่านแล้วลองกลับไปดูชีวิตตัวเอง ไม่ใช่อ่านแล้วเกิดความต้องการ เราคิดว่าไม่อยู่ในฐานะสั่งสอนไม่ได้เขียนให้เป็นบทเรียน หรือคำแนะนำใดๆ เพียงแต่เล่าให้ฟัง เล่าเรื่องชีวิตของเด็กผู้หญิงคนนี้ให้ฟัง ฟังแล้วคิดยังไงเป็นสิทธิของคนอ่านร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ถูกใจ ไม่เห็นด้วยก็ได้ แต่เราเพียงบอกเล่าไปตามชีวิตของเขา ในเรื่องจะไม่ใช่แทนคำว่าฉัน ไม่ใส่ตัวเองเข้าไป หนังสือเรื่องอื่นอาจมีสรุปข้อคิด แต่ของเราไม่มี ไม่มีการชี้นำ ไม่มีการสรุป เพียงแต่เล่าให้ฟัง"
ตอนนี้ชีวิตของสุดคะเนหรือหวนคะนึงยังไม่สิ้นสุด ทว่ายังเรียนรู้และพบเจอเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งการะเกต์ได้เล่าไว้ในคอลัมน์ "อาณาจักรใจ" นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ "ตอนนี้เขียนถึงสุดคะเนตอนอายุ 24-26 ปี จะเป็นปริมณฑลแห่งรัก ภาค 6 คือเล่าข้ามจากอายุ 20 ปีไปเลย เป็นความชอบที่เล่าเรื่องสลับไปมาบางคนคิดว่าเอาชีวิตตัวเองมาเขียน ซึ่งชีวิตจริงกับงานเขียน ประสบการณ์กับแรงบันดาลใจต้องแยกให้ออก แน่นอนว่ามีเรื่องราวของเรา แต่ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์มันมีเข้าไปเกี่ยวอยู่แล้ว มีทัศนคติ มีความรู้สึกนึกคิด มีอารมณ์ของเราเข้าไป แต่บวกสิ่งแวดล้อมผู้คนอื่นๆ ที่เราได้เรียนรู้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยากเล่าไปเรื่อยๆ เป็นมหากาพย์ส่วนตัว ในใจเราเห็นปลายทางชีวิตของสุดคะเนเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับผู้อ่านค่อยๆ อ่านกันไป ก็ทยอยไป ไม่ได้เร่งรัด"


