ผลบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล บุกชนะ แมนซิตี้ 2-0 "หงส์" เส้นทางแชมป์สดใส
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกทั้งยิงทั้งจ่าย พาลิเวอร์พูล บุกย้ำค้นชนะ แมนซิตี้ 2-0 เส้นทางแชมป์สดใส นำห่างอาร์เซน่อล 01 คะแนน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซุเปอร์ซันเดย์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านพบกับ ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงที่กำลังกระหายชัยชนะในนัดนี้หลังจากอาร์เซน่อลทีมอันดับ 2 แพ้ไปเมื่อวันเสาร์
เริ่มเกมมาช่วง 10 นาทีแรกเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลได้มากกว่าแต่ยังไม่สามารถทำประตูได้
นาที 14 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 จากลูกสูตรเตะมุม อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ส่งมาให้ โดมินิค โซบอสซ์ไล ก่อนจะวางมาที่ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ซัดด้วยซ้ายบอลแฉลบ เจเรมี่ โดกู เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้ ดาวยิงอียิตป์ ครองดาวซัลโว 25 ประตู และ 15 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และยังเป็นการยิงแมนซิตี้หนที่ 13 ในอาชีพของเจ้าตัวอีกด้วย
จากนั้นแมนซิตี้ดาหน้าบุกแหลกและเน้นขึ้นเกมทางฝั่งเจเรมี่ โดกู และน่าจะได้ในนาทีที่ 30 ที่ โอมาร์ มาร์มูช หลุดไปซัดด้วยขวาเข้าไปแต่โดนจับล้ำหน้า
นาที 38 ลิเวอร์พูล นำห่าง 2-0 จากจังหวะ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ลากขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนไหลบอลมาให้ โดมินิค โซบอสซ์ไล ยิงด้วยซ้ายตรงกลางเขตโทษบอลลอดขา อับดูโกดีร์ คูซานอฟ เข้าประตูไป
จบครึ่งแรก หงส์แดงนำ 2-0
ครึ่งหลังแมนซิตี้ยังมาแบบเดิม และครองบอลได้เหนือกว่า คุมจังหวะบุกได้มากกว่า แต่ไม่มีประสิทธิภาพเมื่อเน้นขึ้นทางริวเน้า และเจอแนวรับลิเวอร์พูลขึงบอลคุมเกมรับได้หมด
จบเกมลิเวอร์พูล ชนะ 2-0 เป็น 3 คะแนนใหญ่ ลิเวอร์พูลชนะแมนซิตี้ทั้งไปและกับในฤดูกาลนี้
ทำให้ "หงส์แดง" จ่าฝูง แข่ง 27 นัด ชนะ 19 เสมอ 7 แพ้ 1 นัด มีเพิ่ม 64 แต้ม ขยับคะแนนทิ้งห่าง อาร์เซน่อล 11 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 1 นัด ส่วน แมนซิตี้ แข่ง 26 นัด ชนะ 13 เสมอ 5 แพ้ 8 นัด มี 44 แต้มเท่าเดิม อยู่อันดับ 4 ของตาราง
ทั้งนี้ครั้งท้ายที่ ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีกที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2015
แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ริโก้ ลูอิส, อับดูโกดีร์ คูซานอฟ, นาธาน อเก้, ยอสโก้ กวาดิโอล - นิโก้ กอนซาเลซ, เควิน เดอ บรอยน์ - ซาวินโญ่, ฟิล โฟเดน, เจเรมี่ โดคู - โอมาร์ มาร์มูช
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โคนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก - เคอร์ติส โจนส์, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โดมินิค โซบอสซ์ไล -หลุยส์ ดิอาซ


