posttoday

เปิดมุมคิดทางธุรกิจของ เดวิด เบ็คแฮม อดีตนักฟุตบอลกับความสำเร็จทางการเงิน

11 ตุลาคม 2566

ช่วงนี้ซีรีย์ NETFLIX ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือสารคดี เดวิด เบ็คแฮม ตำนานนักเตะ แมนเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ เรื่องราวในสนามของเขาทราบกันดีแล้วว่าประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่นอกสนามเขาคือเจ้าของทีมฟุตบอลที่มีรายได้เข้ากระเป๋าเกือบ 4 หมื่นล้านบาทต่อปี

หากเอ่ย ชื่อของเดวิด เบ็คแฮม แฟนบอลทั่วโลกยุคกลางเก่ากลางใหม่ย่อมรู้จักเขาดี ในฐานะนักฟุตบอลฝีเท้าเยี่ยมและหน้าตาตี ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,เรอัล มาดริด รวมถึง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง 

ถึงวันนี้เบ็คแฮมในวัย 48 ปี เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพครบ 10 ปีพอดี แต่เขายังมีรายได้หลังเกษียณจากการเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นกอบเป็นกำอยู่ เพราะจากการจัดอันดับนักกีฬาอาชีพที่มีรายได้สูงสุดทั้งที่เล่นอยู่และเลิกเล่นอาชีพแล้ว 

ชื่อของเดวิด เบ็คแฮม แม้จะอยู่ที่ 12 ของตาราง แต่เขามีรายได้รวมอยู่ที่ 1.28 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ 

ส่วนอันดับ 1 คือไมเคิล จอร์แดน อดีตนักบาสเก็ตบอล NBA ของชิคาโก้ บูลส์ ที่ปัจจุบันเขามีรายรับอยู่ที่ 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ 

ทำไมเบ็คแฮมถึงต่อยอดความสำเร็จทางการเงินของเขาได้ แม้จะเลิกเล่นไปแล้ว วันนี้เราหาคำตอบมาฝาก 
 

เดวิด เบ็คแฮม หลังยิงลูกเปลี่ยนชีวิตของเขาที่ยิงจากครึ่งสนามใส่วิมเบิลดันปี 1996

เดวิด เบ็คแฮม เติบโตและโด่งดังกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมัยอยู่กับทีม"ปิศาจแดง" เขายกระดัยตัวเองจากเด็กปั้นในทีมเยาวชน เลื่อนชั้นมาเป็นกำลังหลัก ขุนพลคู่ใจของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กวาดแชมป์พรีเมียร์ ลัก 6 ครั้ง เอฟเอ คัพ 2 ครั้ง ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้ง 

รายได้จากการเตะฟุตบอลของเขายืน 1 ของเกาะอังกฤษ ยังไม่รวมผู้สนับสนุนส่วนตัวที่เข้ามาใช้ภาพลักษณ์ของเบ็คแฮมเป็นตัวช่วยประชาสัมพันธ์สินค้า พวกนี้จ้องจ่ายหนักต่อปีละหลายล้านปอนด์

ช่วงปี 2003 ที่เบ็คแฮมย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด เขาได้รับค่าจ้างจากทีมราชันชุดขาวถึงปีละ 17 ล้านปอนด์ ซึ่งกลายเป็นนักฟุตบอลที่มีรายได้มากที่สุดในโลกของยุคนั้นไปทันที

ปี 2003 เบ็คแฮมย้ายร่วมทีมเรอัล มาดริด
 

เมื่อชีวิตเดินมาถึงจุดเปลี่ยน "เมเจอร์ลีกสหรัฐฯ" คือคำตอบ

ช่วงปี 2006 เดวิด เบ็คแฮมกำลังจะหมดสัญญากับเรอัล มาดริด มีข่าวลือหนาหูว่าเขาอาจจะย้ายกลับไปที่ แมนฯยูไนเต็ดบ้าง ย้ายไปเล่นในลีกอิตาลีบ้าง แต่เบ็คแฮมเวลานั้นในวัย 31 ปี เขาเลือกย้ายไปเล่นใน เมเจอร์ ลีก สหรัฐ อเมริกา !

ไปเล่นในลีกที่ไม่ใหญ่และระดับชั้นต่ำกว่าในยุโรปไม่พอ เบ็คแฮมยังเลือกจะลดค่าเหนื่อยจากที่เขาเคยรับมหาศาลที่เรอัล มาดริด ลงไปถึง 70% จนหลายคนสงสัยและแอบขำกับการเลือกแบบบนั้นของอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ 

แต่ด้วยมุมคิดแบบนักธุรกิจของเขากับ วิคตอเรีย ภรรยา ครอบครัวเบ็คแฮม เลือกที่จะไปกระโดดในบ่อเงินบ่อทองใหม่ ในประเทศใหม่ในตลาดที่ใหญ่กว่า อย่างสหรัฐ อเมริกา กับสโมสร แอลเอ แกแล็กซี่  (LA Galaxy)

เบ็คแฮมหั่นค่าเหนื่อย 70% แลกกัยสิทธิ์ซื้อทีมในสหรัฐฯ

จากข้อมูลของ Forbes พบว่าเขารวบรวมรายได้รวม 255 ล้านดอลลาร์ ตลอด 5 ปีที่เล่นที่นั้น มันไม่ได้มีแค่ค่าจ้างอย่างเดียว แต่ชัดเจนว่ารายได้นั้นรวมทุกอย่างจากสินค้า ตั๋ว และการสนับสนุน เช่นเดียวกับฮอทดอก เบียร์ ที่ขายในเกม


แต่มันมีข้อตกลงของเขารวมเงื่อนไขสัญญา 2 ข้อที่ไม่เพิ่งมีการเปิดเผย ซึ่งกลายเป็นผลประโยชน์มากที่สุดของเขานั่นคือ เบ็คแฮม ได้สิทธิ์เจรจาเพื่อฃซื้อแฟรนไชส์ ทีมในเมเจอร์ ลีก (MLS) ในราคา 25 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสิทธิ์ตรงนี้เขาและครอบครัวทดไว้ในใจ เพระาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาเขาจะสามารถซื้อมันได้

จนกระทั้งปี 2018 หลังเบ็คแฮมเลิกเล่นฟุตบอลได้ 5 ปี เขาใช้เงิน 25 ล้านดอลลาร์ไปซื้อสโมสร อินเตอร์ ไมอามี และเขาใช้เวลาไม่กี่ปีในการบริหารทีม จนทีม อินเตอร์ ไมอามี่ มีมูลค่าขยับขึ้นไป 600 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ซึ่งมากกว่าหลายสโมสีในเมเจอร์ ลีก สหรัฐ ที่มีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 582 ล้านดอลลาร์

วิคตอเรีย เบ็คแฮม ภรรยาผู้เคียงข้างและช่วยคิดในมุมธุรกิจ

นอกจากนี้เขายังถือหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์ในซัลฟอร์ด ซิตี้ ทีมจากลีกทู ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมคลาส 92 อย่างแกรี่และฟิล เนวิลล์, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์และไรอัน กิ๊กส์ที่มีส่วนร่วมกับสโมสร

จากค่าเหนื่อยก้อนแรกที่เขาได้รับกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ 27.50 ปอนด์ จนปัจจุบันเขานอนตีพุงกินนิ่มจากหุ้นของทีมอินเตอร์ ไมอามี ที่มีแต่พุ่งขึ้นๆ ยิ่งได้ลิโอเนล เมสซี่ มาร่วมทีม หุ้นของสโมสรพุ่งทะลุเกือบแตะ 1,000 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว

ซึ่งการย้ายไปยังเล่นกับ แอลเอ แกแล็กซี่ นั้นเบ็คแฮมยอมรับว่าเป็น ‘หนึ่งในข้อตกลงธุรกิจกีฬาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา’

“ผมอยากจะสร้างมรดก ซื้อที่ให้ลูกๆ การซื้อสโมสร อินเตอร์ ไมอามี ทำให้ลูกๆสามารถย้อนกลับไปได้ภายใน 20 ปี และพูดว่า 'พ่อของฉันสร้างสโมสรนี้' มันจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาได้มองเห็นในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้" 

นั่นคือหนึ่งในเรื่องราวนอกสนามของเดวิด เบ็คแฮม ซึ่งหัวทางธุรกิจของเขาไปไกลและล้ำลึกเกินกว่าที่คนทั่วไปจะคิดทัน และการซื้อทีมอินเตอร์ ไมอามี คือการปูทางให้ลิโอเนล เมสซี่ ย้ายเข้ามาและได้สิทธิ์แบบเดียวกับที่เบ็คแฮมเคยทำได้จนรวยไม่รู้เรื่องมาแล้ว 

เซ็นสัญญานำลิโอเนล เมสซี่ สตาร์เบอร์ 1 โลกมาร่วมทีม