6 ขบวน เตรียมเดินงาน BANGKOK PRIDE สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ปังกว่าเดิม!!
เตรียมพร้อมกับงาน BANGKOK PRIDE 2023 ที่จะกลับมาสร้างพาเหรดสุดอลัง เพื่อขับเคลื่อนสิทธิความเท่าเทียมของกลุ่ม LGBTQIA+ กันอีกครั้ง โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘BEYOND GENDER’
จากความสำเร็จของงานปีที่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ‘สมรสเท่าเทียม’ ให้เข้าไปเป็นวาระที่ถูกพูดถึงในสภา ทำให้สาธารณชนหันมาเปิดกว้างและยอมรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ รวมไปถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ทำให้สื่อทั้งไทยและเทศต่างปรบมือกันเกรียวกราวในฐานะประเทศที่มี ‘ความเฟรนด์ลี่’ กับกลุ่ม LGBTQIA+ มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ในปีนี้ BANGKOK PRIDE จึงกลับมาจัดอีกครั้งภายใต้แนวคิด ‘BEYOND GENDER ประเด็นความไม่เท่าเทียมทางเพศใดที่คุณอยากก้าวข้าม’ ภายใต้ความร่วมมือของบริษัท นฤมิตไพรด์ จำกัด ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ภาคประชาสังคมและภาคเอกชน... สำหรับแนวคิดในปีนี้จะเน้นไปที่การเรียกร้องในเรื่องของการยืนยันเพศ (Gender Recognition ) สมรสเท่าเทียม (Marriage Equality) และ สิทธิของ Sex Worker รวมไปถึงมาตรฐานการจัดงานที่จะมีการยกระดับให้ปังกว่าเดิมเพื่อเตรียมตัวมุ่งสู่การเป็นเจ้าภาพจัดงาน WorldPride ในปี 2028
จัดเต็ม 6 ขบวนพาเหรด ‘สีสันและสื่อสาร’
นอกจากสีสันแล้วทั้งหมดคือการสื่อสาร ... สารสำคัญที่งาน BANGKOK PRIDE ใส่ลงไปในขบวนปีนี้แบ่งออกเป็น 6 ขบวน 6 ความหมายและ 6 แนวเพลง (ซึ่งเป็นแนวเพลงที่มีต้นกำเนิดจากความขบถของค่านิยมในสังคมทั้งหมด)
1.Gender X กับเพลง POP ขบวนนี้จะเน้นแนวคิดที่ต้องการเสนอเรื่องสิทธิการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศที่รวมไปถึงกลุ่ม Intersex Trans และ Non-binary ของชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย
2. My Body My Choice กับเพลง HIPHOP ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘อีกี้’ ขบวนนี้จะรณรงค์ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีเพื่อคืนสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพให้กับพนักงานบริการและ Sex Creator รวมถึงสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Sex ให้ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ยังสนับสนุนการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาในโรงเรียน และไม่พลาดที่จะรณรงค์เรื่องสิทธิในร่างกายเพื่อยุติการถูกคุกคามและข่มขืน รวมถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว
3. Chosen Family ขบวนนี้มาพร้อมกับแนวเพลงหมอลำบ้านๆ พูดถึงความสัมพันธ์ที่อยากให้สังคมเปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะนิยามของครอบครัวที่ไม่จำกัดแค่เพศสภาพ เพื่อนำไปสู่เรื่องของกฏหมายสมรสเท่าเทียม ที่ปีนี้ BANGKOK PRIDE ก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอประเด็นนี้และหวังจะให้ขับเคลื่อนไปไกลกว่าเดิม
4. Peace & Earth กับแนวเพลงแบบ JAZZ และ Blue เน้นการพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางผู้จัดงานต้องการรณรงค์เพื่อปกป้องและคุ้มครองสิทธิของโลกและทรัพยากรธรรมชาติ เพราะหากมีการคุ้มครอง ปกป้องก็จะทำให้อนาคตมีทรัพยากรธรรมชาติสำหรับลูกหลานได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม
5. Equal Rights to Healths กับแนวเพลง K-POP T-POP และ J-POP โดยแนวคิดหลักของขบวนคือการเรียนร้องให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างเท่าเทียม รวมไปถึงเรียกร้องสวัสดิการการยืนยันทางเพศ (Gender-affirming care) สำหรับบุคคลข้ามเพศ
6.I’m My Own Home กับเพลง Rock ที่มาพร้อมกับแนวคิดการยืนยันถึงสิทธิความปลอดภัยสำหรับชีวิตของ LGBTQIA+ โดยเรียกร้องการสร้างความสงบสันติจากทุกภาคส่วน รวมถึงสนับสนุนเสรีภาพในการแสวงหาความสงบสุขทางจิตวิญญาณของแต่ละบุคคลล และรณรงค์ให้มีการเปิดกว้างทางศาสนาสำหรับทุกเพศ
กรุงเทพมหานคร เดินหน้าเป็นเจ้าภาพร่วม และผลักดันให้กรุงเทพมหานครสู่ World Pride ในปี 2028
ทางด้านผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้กล่าวถึงความร่วมมือของกรุงเทพมหานครในงานแถลงข่าว ‘BANGKOK PRIDE 2023’ ว่า นโยบายของกรุงเทพมหานคร คือเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ... เราต้องโอบกอดทุกคนไว้ พร้อมเข้าใจความแตกต่างเพราะความแตกต่างไม่ใช่ความขัดแย้งแต่คือพลังที่มีคุณค่า สำหรับเพศนั้น ไม่ได้มีแค่ 2 สี 2 เฉด แต่เพศคือสเปคตรัมที่มีเฉดสีมากมาย และไม่ใช่แค่ความแตกต่างหลากหลายทางเพศเท่านั้น ทั้งความคิด พื้นฐานชีวิต และอีกมากมาย หากเราเข้าใจกันสังคมเราก็จะน่าอยู่ และกทม.พร้อมที่จะเดินไปด้วยกันกับทุกคน
พร้อมกันนี้ รองผู้ว่าฯ ศานนท์ได้กล่าวชื่นชมงานที่จะเกิดขึ้น ว่างานที่จะเกิดขึ้นนี้เป็นการส่งเสียงในเรื่องความเท่าเทียม ความหลากหลาย และรณรงค์ส่งเสริมให้เกิดการแก้ไขกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการร่วมมือกันระหว่างเครือข่ายต่างๆ และก่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลากอุตสาหกรรม เช่น ท่องเที่ยว ภาพยนตร์ ดนตรี บันเทิง รวมไปถึงอุตสาหกรรมการแพทย์ ... และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่างานบางกอกไพรด์ปีนี้จะยิ่งใหญ่ และพร้อมมุ่งสู่การพากรุงเทพฯ เป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Pride ในปี 2028 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ภายในขบวนยังมีการเข้าร่วมจาก Miss Grand Thailand พรรคการเมือง นักธุรกิจ รวมไปถึงมีทูตนฤมิต ซึ่งเป็นตัวแทนของชุมชน 6 คน ในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคุกคามทางเพศ, Transgender, Sexworker, Feminism ฯลฯ เข้าร่วมและเดินภายในงาน นอกจากนี้ยังมี Pride Stage ซึ่งจะจัดขึ้นบริเวณหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกิจกรรมบนเวทีมากมาย อาทิ การกล่าวถ้อยแถลงของชุมชนเพศหลากหลาย การกล่าวถ้อยแถลงของกรุงเทพมหานคร การแสดงจากชุมชน Drag ที่สร้างสรรค์โชว์สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน LGBTQIA+
หากใครอยากที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์บนถนนสายสีรุ้ง ที่จะพาประเทศไทยคว้า WorldPride ระดับโลกครั้งนี้ ขบวนพาเหรดเริ่มตั้งแต่บริเวณแยกปทุมวัน ถนนพระราม 1 ฝั่งสยามพิวรรธน์ จนถึงแยกราชประสงค์ บริเวณลานเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมด้วยธงสีรุ้งยาวที่สุดในประเทศไทย พร้อมทั้งไฮไลท์กิจกรรมงานตลอดเส้นทาง ในวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2566 ตั้งแต่เวลา 14:00 - 20:00 น.


