สถานการณ์หมอกควันจากไปป่าภาคเหนือแรง นกแอร์ลงแม่สอดไม่ได้

หมอกควันไฟป่าปกคลุมหนาแน่นหลายพื้นที่ในภาคเหนือ โดยค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งแตะระดับสีแดง 13 จังหวัด ส่วนอีก 4 จังหวัด อยู่ในระดับสีส้มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยยังมีไฟป่ายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผืนป่าเหนือเขื่อนภูมิพล แม้เจ้าหน้าที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์ พยามยามตักน้ำโปรยดับไฟอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่เขาสูง จึงยังไม่สามารถดับไฟที่ลุกลามได้ ทำให้กลุ่มควันไฟสะสมเพิ่มมากขึ้น ลอยเข้าปกคลุมหลายพื้นที่

ขณะที่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 1 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน จำนวน 3,265 จุด ตามด้วย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จำนวน 2,691 จุด สปป.ลาว 2,345 จุด กัมพูชา 1,965 จุด และเวียดนาม 413 จุด

.สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1,810 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 840 จุด, พื้นที่เกษตร 240 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 195 จุด, พื้นที่เขต สปก. 168 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 12 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 5 อันดับคือ กาญจนบุรี 498 จุด, ตาก 367 จุด อุตรดิตถ์ 200 จุด น่าน 188 จุด และ เพชรบูรณ์ 174 จุด ตามลำดับ

ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 9:00 น. พบว่าในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ อาทิ น่าน พะเยา เชียงราย แพร่ ตาก ลำพูน ลำปาง ลำปาง เชียงใหม่ อยู่ระดับสีแดงที่มากกว่า 90 ไมโครกรัม ซึ่งมีผลต่อสุขภาพแล้ว ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อยู่ระดับสีส้มที่เริ่มจะมีผลต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา

ล่าสุด สถานการณ์หมอกควันเริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบิน เมื่อตรวจสอบจากแอพพลิเคชั่น flight radar 24 พบว่า เครื่องบินของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD190 เส้นทางดอนเมือง-แม่สอด ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปลงที่สนามบินพิษณุโลก หลังหมอกควันที่แม่สอดวิกฤตหนัก  ส่งผลต่อทัศนวิสัย ในการลงจอด แม้เครื่องบินวนอยู่นานจนต้องนักบินตัดสินใจ Divert ไปสนามบินสำรองแทนแล้ว