ทำบุญ 9 วัดไทยสุดอันซีน เสริมความปังส่งท้ายปี 65

วัดเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ ด้วยเสน่ห์ความเป็นวัดไทยที่สงบสวยงามร่มเย็น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ชีวิตประจำวันก็มักเกี่ยวข้องกับวัดอยู่เสมอ ครั้งนี้เราจะชวนไปชม 9 วัด อะเมซิ่งไทยแลนด์ เอาใจทั้งสายเที่ยว สายบุญ แวะไปเที่ยว ไหว้พระ และทำบุญครบจบในทริปเดียวเลยละ จะมีวัดไหนบ้าง และอยู่ในเส้นทางแผนเที่ยวปลายปีของหลายคนหรือไม่ ไปดูกันเลย

 

 

1.วัดถ้ำเอราวัณ อะเมซิ่งความสวยงามหินงอกหินย้อย จ.หนองบัวลำภู-เลย

เริ่มด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของทั้งสองจังหวัดระหว่าง จ.เลย และ จ.หนองบัวลำภู วัดถ้ำเอราวัณ หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันสั้น ๆ ว่า “ถ้ำช้าง” เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยออกมาตามธรรมชาติ มีบันได 611 ขั้นจากเชิงเขาเดินขึ้นไปถึงปากถ้ำ บริเวณปากถ้ำมีขนาดกว้างใหญ่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย และประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า “พระพุทธชัยศรีมหามุนีตรีโลกนาถ” นอกจากนี้ด้านในยังมีห้องโถงกว้างที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยและเสาหินขนาดใหญ่ รวมถึงหินขนาดใหญ่รูปร่างคล้าย “ช้างหมอบ” อยู่บนพื้น อันเป็นที่มาของชื่อถ้ำ ซึ่งเมื่อเดินต่อเนื่องทะลุไปออกที่โพรงถ้ำอีกด้าน จะพบจุดชมทิวทัศน์มองเห็นที่ราบซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมทางด้าน จ.หนองบัวลำภู ได้อย่างกว้างไกล

 

 

2.วัดพระแก้ว โบราณสถานขึ้นชื่อ ราชินีเจดีย์แห่งเอเชียอาคเนย์ จ.ชัยนาท

วัดพระแก้ว เดิมเรียกว่า วัดแก้ว หรือ วัดพบแก้ว โบราณสถานวัดที่เก่าแก่สำคัญของ ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ห่างจากตัวเมืองชัยนาทประมาณ 23 กิโลเมตร ได้รับขนานนามให้เป็น “ราชินีเจดีย์แห่งเอเซียอาคเนย์” ด้วยความโดดเด่นขององค์เจดีย์สี่เหลี่ยมที่มีความงดงามแบบละโว้ทรงสูงผสมกับ เจดีย์ทวาราวดีตอนปลาย ฐานเรือนธาตุแบบลดท้องไม้ เป็นศิลปะสมัยสุโขทัยกับสมัยศรีวิชัยผสมผสานกัน บริเวณด้านหน้าเจดีย์มีวิหาร “หลวงพ่อฉาย” ด้านหลังองค์หลวงพ่อฉายมี “ทับหลัง” แกะสลักติดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับสาวกสายพญานาค ไม่ควรพลาดชมรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่โอบล้อมรอบอุโบสถที่บรรจงออกแบบงดงาม และผู้ศรัทธายังสามารถเดินลอดท้องพญานาค เพื่อเป็นสิริมงคลกลับไปพร้อมรูปถ่ายสวยๆ อีกด้วย

 

 

3.วัดหินหมากเป้ง แลนด์มาร์คเหนือแม่น้ำโขง จ.หนองคาย

วัดหินหมากเป้ง บ้านไทยเจริญ ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ,หนองคาย นอกเหนือความโด่งดังจากบารมีหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่ชาวบ้านพื้นที่ และนักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมากราบสักการะขอพร และสถานที่ที่พุทธศาสนิกชนเดินทางมาปฏิบัติธรรมแล้ว ที่นี่ยังเป็นแลนด์มาร์คสกายวอล์คสถานที่ยอดนิยมของหนองคาย ด้วยความสูงที่ยกขึ้นเหนือแม่น้ำโขง มีทางเดินพื้นกระจก มองเห็นแม่น้ำโขงงดงาม นับเป็นจุดอันซีนซึ่งเหมาะทั้งยืนชมวิวหรือถ่ายภาพก็ได้ความประทับใจไม่แพ้กัน

 

 

4.วัดภูทอก หรือวัดเจติยาคีรีวิหาร จ.บึงกาฬ

วัดภูทอก ตั้งอยู่ใน จ.บึงกาฬ ในภาษาอีสาน คำว่า ภูทอก แปลว่า ภูเขาโดดเดี่ยว ที่นี่จะมีภูเขาอยู่ 2 ลูก ด้วยกัน คือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย โดยวัดตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ล้อมรอบด้วยสะพานไม้เดินวน 360 องศา 7 ชั้น โดยชั้นที่ 3-6 สามารถเดินเวียนรอบเขาได้ รวมทั้งชมบรรยากาศสุดอันซีนได้รอบทิศแบบ 360 องศา แอบกระซิบว่าจุดที่ประทับใจสุดคือชั้นที่ 6 ด้วยหน้าผาหินที่ยื่นออกมา จึงเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด โดยเฉพาะช่วงปลายปีหน้าหนาว ภูทอกจะมีทะเลหมอกอยู่รอบๆ เสมือนว่าเดินอยู่บนสวรรค์เลยทีเดียว 

 

 

 

5.วัดพระธาตุจอมปิง อะเมซิ่งเงาพระธาตุกลับหัว วัดเก่าแก่สถาปัตยกรรมล้านนา จ.ลำปาง

วัดพระธาตุจอมปิง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของลำปาง โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของสถาปัตยกรรมศิลปะแบบล้านนาที่มีกลิ่นอายช่างชาวเมียนมาอยู่ด้วย พระธาตุสูง 34 เมตร สง่างามด้วยสีทองอร่ามเรืองรอง ฐานย่อมุม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ห้ามพลาดจุดอันซีนเงาพระธาตุกลับหัวผ่านบานหน้าต่างที่จะมาปรากฏบนพื้นภายในพระอุโบสถ ซึ่งเงาพระธาตุที่เห็น คาดว่าเกิดจากหลักการทางวิทยาศาสตร์ของกล้องรูเข็มนั่นเอง

 

 

6.วัดพระบรมธาตุสวี พระบรมธาตุเก่าแก่ 700 ปี คู่เมือง จ.ชุมพร

วัดพระบรมธาตุสวี เป็นที่ประดิษฐานของ พระบรมธาตุสวี ซึ่งมีอายุนานกว่า 700 ปี เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองชุมพร มีความสำคัญทั้งในพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ไทย โดดเด่นด้วยศิลปกรรมของพระบรมธาตุสวี คาดว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีการซ่อมแซมบูรณะหลายครั้ง ปัจจุบันองค์เจดีย์มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตกแต่งด้วยรูปปั้นช้างโผล่ศีรษะโดยมีขาหน้าค้ำเจดีย์อยู่ด้านละ 3 ซุ้ม สลับกับรูปยักษ์ถือกระบอง และมีเจดีย์องค์เล็กจำลองแบบจากเจดีย์องค์ใหญ่ตั้งอยู่รอบฐานทั้ง 4 มุม องค์เจดีย์มีลักษณะทรงระฆังคว่ำ ด้านบนประดับด้วยเสาหารก้านฉัตร บัวเถา ปล้องฉัตรเจ็ดชั้น ชั้นบนสุดมีปลียอดและเม็ดน้ำค้าง เรียงตามแนวระเบียงทั้ง 4 ทิศ ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

 

 

7.วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร มรดกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร หรือนิยมเรียกสั้นๆ ว่า วัดราชบพิธ เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 ตั้งอยู่บนถนนเฟื่องนคร กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและยุโรป ภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมไทย ส่วนภายในโบสถ์ออกแบบตกแต่งแบบตะวันตก ความโดดเด่นของวัดราชบพิธ คือ พระอุโบสถ วิหาร เจดีย์ และระเบียงแก้ว มีลายไทยลงรักประดับมุกที่วิจิตรสวยงาม พระเจดีย์ประดับกระเบื้องเคลือบทรงระฆัง เป็นเจดีย์ประธานองค์สุดท้าย ที่สร้างขึ้นตามแบบแผนประเพณีนิยมที่ทำกันมาแต่โบราณ

 

 

8.วัดวังคำ สถาปัตยกรรมล้านช้าง ยกเป็น “วัดเชียงทองในเมืองไทย” อันซีน จ.กาฬสินธุ์

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความงามของสถาปัตยกรรมล้านช้าง ห้ามพลาด วัดวังคำ อันซีนเมืองกาฬสินธุ์  วัดไทยเพียงวัดเดียวในกาฬสินธุ์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง ต้นแบบและแนวคิดจำลองแบบในการสร้างจากวัดเชียงทอง ในหลวงพระบาง ส่งผลให้ วัดวังคำ ได้รับการยกย่องให้เป็น “วัดเชียงทองในเมืองไทย” นอกจากความงดงามของสถาปัตยกรรม สิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชื่นชมและประทับใจ คือการแต่งกายเข้าชมวัด โดยจะต้องแต่งกายสุภาพ ผู้ชายใส่กางเกงขายาว ผู้หญิงนุ่งกระโปรงยาว ถ้านุ่งสั้น จะมีผ้าซิ่นให้ใส่ ส่วนผู้ชายจะมีผ้าขาวม้าให้ จากนั้นต้องพาดด้วยผ้าสไบเฉียงที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ แลดูสวยงามเป็นระเบียบ

 

 

9.วัดสิรินธรวราราม วัดเรืองแสงแห่งแรงศรัทธา แลนด์มาร์ค จ.อุบลราชธานี

วัดสิรินธรวราราม  ลำพังความงดงามของพุทธศิลป์และสิ่งปลูกสร้างก็สุดยอดแล้ว แต่ทันทีที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า สีเรืองแสง ที่ฉาบไว้ ก็เปล่งประกายสวยมาก เหมือนเราอยู่บนสวรรค์ ด้วยสถานที่และการวางแลนด์สเคปของวัดที่ดูลงตัวมีเสน่ห์และป็นเอกลักษณ์