เปิดมุมมองธรรมะแบบคนรุ่นใหม่ กับว่าที่ร้อยเอก ณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล
ส่องเส้นทางธรรมของเยาวรุ่นยุคใหม่ เขาเรียกผมว่า “Buddhist-Hero” คุยกับ “ไวยาวัจกร” กับภารกิจเพื่อศาสนา สุวรรณภูมิ สู่พุทธภูมิ
พระพุทธศาสนาสร้างชีวิต
ผมโตมากับบ้านที่มักจะพาผมเข้าวัดทำบุญ ก็เลยผูกพันกับศาสนาพุทธมาโดยตลอด เวลาเห็นวัดสวยๆ ก็อยากเข้าไปไหว้พระประธาน อยากไปกราบหลวงพ่อ ส่วนวัดธาตุทอง เป็นวัดที่ผมเข้าไปตั้งแต่เด็ก คุณป้าพามาบ้าง คุณแม่พามาบ้าง ผมก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเจ้าอาวาสมาตั้งแต่ท่านยังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ตอนนั้นรู้แค่ว่าต้องมาวัด ต้องมาทำบุญกับหลวงพ่อชุบ (หลวงพ่อชุบ พระราชวรญาณโสภณ เจ้าอาวาสวัดธาตุทอง) คนส่วนใหญ่โตแล้วก็จะบวชตามประเพณี แต่ของผมด้วยเหตุการณ์หลายๆ อย่าง พอจบแล้วก็เลยต้องทำงานเลย ตอนแรกได้ทุนฝึกงานที่มองโกเลีย เพราะผมไม่รู้จักประเทศมองโกเลียเลยอยากไป พอไปฝึกงาน ถือเป็นความโดดเด่นของรุ่น ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยเลยขอคุย บอกให้ผมไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอกแล้วกลับมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง
ซึ่งตอนนั้นปริญญาตรีผมเรียน วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย นอร์ท กรุงเทพฯ ไปฝึกงานที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติมองโกเลีย โดยเขาได้เทคโนโลยีต่างๆ จากเยอรมันและรัสเซีย เขาเลยมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าเรา (จบมาปี 42) กลับมาผมก็ทำโปรเจคต์จบ ซึ่งเป็นการฝังอุปกรณ์ตัวหนึ่งเข้าไป สมมุติขับผ่านวัดธาตุทอง มันก็จะมีเสียงบอกว่า วัดธาตุทอง จริงๆ แล้วมันก็คือ ระบบ จีพีเอส (ระบบแสดงผลนำทางผ่านดาวเทียม) ตอนส่งโปรเจคต์จบ เนคเทค เรียกคุย เพื่อที่จะพัฒนาต่อยอดระบบนี้ ในขณะที่ทางมหาวิทยาลัย ก็มอบทุนเรียนต่อให้จนจบปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยอิลินอยด์ สเตท เพื่อที่จะให้กลับมาเป็นอาจารย์ที่นี่ บวกลบคูณหารต้องใช้เวลากว่า 15 ปีถึงจะคืนทุน และตอนที่ผมทำงานอยู่ 1 เทอม ผมไม่มีอิสระในชีวิตเลย ผมเดินลงมาเพื่อที่จะขับรถไปซื้อหมากฝรั่งกิน พอขับรถออกไป ฝ่ายบุคคลก็โทรมาทันที แล้วบอกว่า ระหว่างทำงานห้ามขับรถออกข้างนอกนะคะ ผมอึดอัดมาก และรู้สึกว่าถ้าอยู่ในวงการวิชาการ น่าจะแคบ ระหว่างนั้นคือจุดเปลี่ยนของชีวิต อาทิตย์ถัดไปต้องเซ็นสัญญาเพื่อเรียนต่อ แต่สุดท้ายผมก็ทิ้งทุนนั้นไป เพราะมีนักการเมืองมาทาบทามให้ไปช่วยงาน ในตำแหน่ง ผู้ช่วยดำเนินงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำงานทางการเมืองเหนื่อยแต่สนุก มันทำอะไรก็ได้ มันคือความท้าทายใหม่ ๆ แต่ก็อยู่ได้แป๊บเดียว เพราะว่าสุดท้ายก็มีแอคซิเดนทางการเมือง การเมืองก็ล่มสลายไป
มีทางเลือกหลายทางแต่สุดท้ายก็เลือกทางธรรมเพราะอะไร?
ถึงจุดหนึ่ง คนเราอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำอะไรตามตัวเอง ทำตามความฝัน บางคนเปิดร้านกาแฟ บางคนเปิดร้านอาหาร ผมไปชอบดื่มเบียร์ก็เลยตามฝันไปเปิดร้านอาหาร และมีขายเบียร์อย่างที่เราชอบ ก็ขายดี แต่พอมีรัฐประหารทำให้มีกฎระเบียบมาก ผู้บริโภคก็น้อยลง และด้วยความที่เป็นคนไปซื้อของเอง ทำให้ผมไม่มีอิสระในชีวิต ก็ทำไปเรื่อย ๆ จนมาช่วงที่ ในหลวงเสด็จสวรรคต ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กลับมาเข้าวัด ทำบุญ และมีการพูดคุยกับหลวงพ่อ หลวงพ่อก็บอกว่าวัดอย่างไรก็ห้ามทิ้ง ช่วงนั้นก็ติดๆ ขัดๆ เรียกได้ว่า เส้นทางทางโลกไม่สะดวก แต่พอประสานงานทางธรรม โล่งไปหมด ก็เลยคิดว่าเราอาจจะเกิดมาเพื่อทำงานให้พระพุทธศาสนา หลังจากที่หลวงพ่อบอกมาว่าให้ช่วยงานวัดเถอะ ผมก็ตัดสินใจขายกิจการทั้งหมด ได้เงินมาก้อนหนึ่ง อยู่กับเงินก้อนนี้สักพักใหญ่ กระทั่งได้ไปอินเดีย ผมก็เลยตั้งใจว่าทำอะไรก็ตามที่มีความสุข ไม่เดือดร้อนคนอื่น มีเงินมีอะไรใช้ ไม่หวือหวา ตอนนี้ก็ผ่านมา 6 ปีแล้วก็มีความสุขดี
ธรรมะกับคนรุ่นใหม่ ธรรมะล่มสลาย ความคลาสสิคของหลักธรรมคำสอน
ผมได้เรียนรู้ในสิ่งที่น้อยคนจะได้เรียนรู้ คือบทเรียนการล่มสลายของศาสนาในประเทศอินเดีย ถามว่าศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ ทำไมถึงล่มสลายไป มันเกิดจากการล่าอาณาจักรโดยชนชาติศาสนาอื่น จนศาสนาพุทธได้เสื่อมสลายหายไปจากประเทศอันเป็นต้นกำเนิด
ประเด็นที่สองคือยุคหลังของศาสนาพุทธในอินเดีย พระภิกษุเริ่มกลับมาค้นหาตัวเองมากขึ้น มุ่งนิพพาน ทั้งที่พระพุทธองค์ได้ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้ บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" หลักการนี้ยุคสุดท้ายของอินเดีย ไม่ได้ถูกใช้ เหล่านักบวชเริ่มมุ่งเน้นเรื่องนิพพาน ปิดช่องทางการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ทำให้ศาสนาเล็กลง ๆ เรื่อยๆ อีกอย่างหนึ่งคือการรับเอาศาสนาอื่นมาผสมกับศาสนาพุทธ เกิด ตันตระวัชรญาณ (คือมุ่งเน้นอย่างอื่นด้วยไม่ใช่แค่หลักธรรม) ขึ้นมา ซึ่งมีอะไรหลายๆ อย่างมามิกซ์กัน แต่เราไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนั้น เราก็เลยไม่รู้ แต่นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้สุดท้าย ศาสนาพุทธล่มสลายลง ซึ่งผมมองว่าถ้าวันนี้ไม่มีการเผยแพร่ศาสนาออกไป ต่อไปมันก็จะน้อยลงๆ และเสื่อมสลายไปในที่สุด
ตอนนี้กำลังจะถึงจุดนั้น เพราะศาสนามันน้อยลง เยาวชนห่างธรรมะมากขึ้น ถามว่าธรรมะเข้าใจยาก หรือการถ่ายทอดวิชาพุทธศาสนามันน่าเบื่อมากหรือเปล่า อย่างผมตอนนั้นเรียนวิชาพระพุทธศาสนา ได้อะไรบ้าง หลับ เพราะวิชา พุทธศาสนา คือวิชาที่ง่วงนอนที่สุด การเรียนพระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องสนุก หรือน่าสนใจอีกต่อไป เป็นสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่ห่างเหินศาสนา
ทั้งที่ความคลาสสิคสุดๆ คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ สองพันหกร้อยปี สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาต่างๆ ในปัจจุบันได้หมด ถ้าไปเปิดพระไตรปิฎกมีคำตอบทั้งหมด ไปอ่านได้เลยพระพุทธเจ้าท่านได้มอบแนวทางไว้ให้หมดแล้ว และยังใช้ได้ถึงทุกวันนี้ เพียงแค่เปลี่ยนบริบท อย่างเช่น หลักอริยสัจ4 เอาเข้าจริงทุกอย่างที่เราจะแก้ไขปัญหาได้ เราสามารถใช้หลักอริยสัจสี่ไปใช้ได้หมด โดยการนำไปประยุกต์ใช้ สามารถใช้ได้หมด
เป็นไปได้ไหมว่า พุทธพาณิชย์ที่มากขึ้น ทำให้ศาสนาเสื่อมลง?
ถ้าพูดกันตามหลักการ ศาสนาพุทธในประเทศไทย ไม่ใช่ศาสนาพุทธเพียว100 เปอร์เซ็นต์ ยุคแรกของประเทศไทยไม่มีศาสนา สมัยก่อนเขานับถือผี ผีปู่ ผีย่า ผีบรรพชน นับถือดินฟ้าอากาศ ยุคต่อมาของสุวรรณภูมิ ก็คือซึมซับเอาฮินดูเข้ามา อินดูคือเทพเจ้า พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ การปกครองก็เป็นแบบให้องค์กษัตริย์คือองค์สมมติเทพ ที่เรียกกษัตริย์พระรามาธิบดีที่ 1 ก็คือ พระราม นั่นเอง ต่อมาศาสนาพุทธก็ได้แผ่กระจายเข้าสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งสุดท้ายทั้ง 3 ความเชื่อก็ถูกเบรนด์ ผสมรวมกันเป็นวิถีพุทธแบบที่ไม่เหมือนใคร คือปนกันไปหมด กลายเป็นว่า วันนี้ในบ้านชาวพุทธ ก็จะมี 2 ศาลคือ ศาลพระภูมิ เป็นศาสนาอินดู มีศาลตายาย ซึ่งป็นความเชื่อศาสนาผี
ส่วนคำว่าพุทธพาณิชย์นั้น ถ้าหมายถึงเหล่าบรรดาวัตถุมงคลนั้น ส่วนตัวผมมองว่าสิ่งเหล่านี้คืองานศิลปะ เป็นพุทธศิลป์ ที่บอกเล่าเรื่องราว วิถี วัฒนธรรม ของแต่ละยุคแต่ละสมัย บ้างก็สะสมเก็บเพราะความเพื่อในพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์ หรือเพื่อรำลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ และมีแม้กระทั่งที่ทำเป็นธุรกิจเป็นเรื่องเป็นราว เรื่องนี้มีหลายมุมมอง อยู่ที่เราจะมองด้านไหนมากกว่าครับ
การได้รับรางวัล "ผู้นำโลกรุ่นใหม่ สาขาสันติภาพ" ที่เนปาล
หลังจากที่ผมเปิดตัวว่าเป็นนักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางพุทธศาสนา คือคำว่า นักกิจกรรมทางพุทธศาสนา นั้นมันกว้างมากเพราะรวมถึงการเคลื่อนไหว การฟื้นฟู กิจกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาทั้งหมดโดยไม่มีวาระแอบแฝงนั่นคืองานที่ผมอยากทำ แต่ต้องทำด้วยการเต็มใจ อย่างเช่นไปทำกิจกรรมที่อินเดีย ทางอินเดียก็ต้องเต็มใจ ไม่ใช่เป็นการยัดเยียด หรือไปหลอกใคร ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้สึกแฮปปี้ ซึ่งคนอินเดียเขาต้องรู้สึกแฮปปี้ เขาต้องได้ประโยชน์และอยากให้เรากลับไปทำอีก ตอนหลังกลับมา คนอินเดียก็เรียกร้องให้ผมไปทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอีก มีพระองค์หนึ่งในอินเดียถามว่า ณัฏฐกิตติ์เป็นใคร มีคนตอบว่าณัฏฐกิตติ์ คือฮีโร่ของพวกเรา เขาเรียกว่าผมเป็น Buddhist-Hero ซึ่งผมไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนตอบแบบนี้ แต่คนไทยที่ไปกับผมกลับมาพูดต่อว่าณัฏฐกิตติ์ เป็นฮีโร่ของชาวพุทธในอินเดียเลยนะ ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกลึกๆ ที่เราภูมิใจ
นั่นเป็นจุดเริ่มต้น แต่ต่อมาซึ่งผมเชื่อว่าเป็นสาเหตุ คือ โดยปกติเวลาทำกิจกรรมอะไรผมก็จะโพสต์ไปเรื่อยๆ ก็ทำให้มีเครือข่ายคนพุทธมากขึ้นทั้งเมืองไทย เนปาล ศรีลังกา ฯลฯ ซึ่งเครือข่ายเหล่านี้ก็จะรู้จักกัน จนมันเชื่อมโยงไปกับสภาเยาวชนโลก ซึ่งที่เนปาลเขาก็จัดฟอรัมนี้ขึ้นมา เกี่ยวกับการประชุมผู้นำรุ่นใหม่ โดยให้แต่ละประเทศส่งรายชื่อไป ซึ่งก็จะมีหลายคน ปรากฎว่าตัวแทนจากประเทศไทย เพื่อนผมบอกว่า ไอเห็นยูเด่นมาก มันก็แล้วแต่ยูว่าจะอยู่หัวข้อไหน ซึ่งผมก็เป็นหัวข้อ สันติภาพ ศาสนาพุทธคือศาสนาของสันติ ปรากฎว่าก็ได้รับเลือกมา
มิตรสหายเครือข่ายสหายธรรมในประเทศไทย มันเริ่มต้นอย่างไร?
จริงๆ ผมมีความผูกพันกับศาสนาพุทธมาตั้งแต่เด็ก ผมเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ พระเดชพระคุณท่านเจ้าอาวาสตั้งแต่เด็ก ตอนหลังผมก็หันมาทำธุรกิจส่วนตัว พอพักจากงานธุรกิจส่วนตัว ผมก็ไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านพุทธศาสนา(วิชาสันติศึกษา) และด้วยความที่เราชอบทำกิจกรรมทางด้านศาสนาพุทธอยู่แล้ว ประกอบกับการมาเรียนปริญญาโท ต่อด้วยปริญญาเอกที่ มจร. ตรงนี้ ทำให้เรามีเครือข่ายคนที่ใจบุญ เกี่ยวข้องเยอะ ทั้งพระและฆราวาส ทำให้เกิดความเชื่อมโยงกัน ระหว่างเครือข่ายเรา ซึ่งเครือข่ายค่อนข้างใหญ่ และก่อนที่ผมจะเรียนทางด้านพุทธศาสนา ผมก็เป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว ประกอบกับก่อนที่ตัดสินใจเรียนปริญญาโทไม่นาน ผมก็ได้รู้จัก พระอโสโกภิกฺขุ (กากัน มาลิค) จึงได้เข้าไปสัมผัสพุทธศาสนาที่ไม่ใช่พุทธศาสนาในเมืองไทย ไปดูวิถีของคนอินเดีย
ได้รับการขนามนามให้เป็น Buddhist-Hero ?
เริ่มแรกผมไปกับกากัน ที่อินเดียก็จะเริ่มจำผมได้ ว่า กัปตันณัฏฐกิตติ์ อยู่ประเทศไทย เป็นชาวพุทธที่เลื่อมใสในศาสนาพุทธมาก แต่ผมไม่ได้คาดหวังเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง เราแค่รู้สึกว่าเราเป็นนักกิจกรรมมาโดยตลอด อย่างพระท่านอยากได้ผ้าไตรจีวรเพื่อนำไปบรรพชาสามเณรสัก 100 ชุด กลับมาเมืองไทยเราก็เป็นสะพานบุญคุยกับเพื่อนที่ไทยว่า ที่อินเดียเขาจะบรรพชาเณรไม่ทราบว่าคนไทยสนใจไหม? ปรากฎว่าในเวลาอันรวดเร็วเราสามารถรวบรวมผ้าไตรร้อยผืนได้ตามที่เขาต้องการ และเราก็สามารถส่งให้เขาได้เลย เขารู้สึกว่านี่คือสะพานบุญที่ดีมาก และนี่คือวัฒนธรรมของคนอินเดียคือมองคนต่างชาติที่เป็นคนพุทธ หลายๆ ประเทศที่เป็นพุทธ เขาสามารถขอความช่วยเหลือได้ ตอนหลังก็มีการทำพระพุทธรูปไปมอบให้เขาเป็นที่ระลึกบ้าง ครั้งแรกผมนำพระพุทธรูปนำไปมอบให้พระที่อินเดีย 200 องค์ ปรากฏว่ามันเป็นความนิยมของเขาด้วย และเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าประเทศไทย ช่วยเหลือทางศาสนาให้เขา เพราะพระพุทธรูปที่เราส่งไป เป็นพุทธศิลป์แบบไทย แจกไปสักพักคนจำภาพผมว่าผมมอบพระพุทธรูป บังเอิญมีโครงการกำลังใจขององค์ภาฯ (โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ) สอนให้นักโทษที่มีโทษสูง มีกิจกรรมทำ หนึ่งในนั้นคืองานปั้นพระพุทธรูปเป็นโครงการฯ ปั้นพระพุทธรูปจากนักโทษอุกฉกรรจ์ โดยมีนัยยะเพื่อช่วยขัดเกลาจิตใจพวกเขาด้วย บางคนปั้นไปน้ำตาไหลไป บางคนได้รับโทษประหารชีวิตแต่ปั้นพระพุทธรูปออกมาได้สวยงาม ชื่อโครงการว่า “ปั้นดินให้เป็นบุญ” โดยการนำของ อาจารย์อรสม สุทธิสาคร นักเขียน และศิลปินแห่งชาติ ซึ่งนักโทษจะปั้นพระพุทธรูปขึ้นมา ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีการประกวดกันว่า พระพุทธรูปองค์ไหนที่สวยที่สุด แล้วเอาองค์นั้นมาหล่อเพื่อที่จะให้ประชาชนร่วมบุญ ทำบุญ สร้างพระพุทธรูปองค์นี้เพื่อนำไประดิษฐานตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ บังเอิญมีรุ่นพิเศษที่ทำไว้ 51 องค์เพื่อที่จะส่งให้ดินแดนพุทธภูมิ หรือ อินเดีย ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้ส่งมอบให้เนปาล ซึ่ง อาจารย์ อรสม สุทธิสาคร ท่านมีที่ปรึกษาคือ พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ผู้สืบทอดเชื้อสาย ศากยะ จากสายพระอานนท์ ท่านก็แนะนำว่าถ้าจะส่งพระพุทธรูปไปประเทศอินเดีย ไปที่ๆ เป็นชุมชนของชาวพุทธคนอินเดียจริงๆ ท่านแนะนำให้คุยกับผม อาจารย์อรสม เลยมาคุยกับผม ว่าโปรเจคต์นี้เป็นแบบนี้จะมีการส่งมอบส่วนหนึ่งไปประเทศอินเดีย
ความตั้งใจอันแรงกล้า บวกกับแนวคิดที่อยากส่งเสริมพระพุทธศาสนา นำมาสู่การตั้ง “มูลนิธิไตรรัตนภูมิ” ซึ่งผู้สนใจ มีอุดมการณ์เดียวกัน สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมของมูลนิธิฯ ได้ ผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/triratnabhoomi/ และที่เว็บไซต์ http://www.worldofbuddhist.com/


