posttoday

เธอไม่ใช่มัน มันก็ไม่ใช่เธอ

12 ธันวาคม 2553

มนุษย์เกิดมาจากกิเลสก็จริง แต่มนุษย์ก็สามารถฝึกตนให้ลอยพ้นกิเลสได้ อุปมาดั่งบัว ที่เกิดแต่ตม แต่ก็สามารถลอยพ้นจากตมได้....

มนุษย์เกิดมาจากกิเลสก็จริง แต่มนุษย์ก็สามารถฝึกตนให้ลอยพ้นกิเลสได้ อุปมาดั่งบัว ที่เกิดแต่ตม แต่ก็สามารถลอยพ้นจากตมได้....

เรื่อง : ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

ในพระไตรปิฎก มีข้อความแห่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

“จิตเดิมแท้นั้นผ่องใส แต่เศร้าหมองไปเพราะกิเลสที่จรมา”

พระพุทธวัจนะนี้ ชี้ให้เห็นความจริง 2 ประการ

หนึ่ง คือ ความจริงอันว่าด้วยธรรมชาติของจิต ที่มีความสว่างกระจ่างใสเป็นเจ้าเรือน

เธอไม่ใช่มัน มันก็ไม่ใช่เธอ

หนึ่ง คือ ความจริงอันว่าด้วยธรรมชาติของกิเลส ที่ไม่ได้มี “ตัวตน” อย่างถาวรอยู่ในจิต หากแต่เป็นเพียง “อาคันตุกะ” หรือแขกที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็แตกดับไป เหมือนกับแขกที่มาเยี่ยมบ้านเราที่นานๆ มาที แล้วก็ต้องลากลับ

เพราะธรรมชาติเดิมแท้ของจิตนั้นมีความผ่องใส ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านจึงไม่เน้นให้ผู้ปฏิบัติธรรมทำอะไรมาก เพียงแต่ “เฝ้าสังเกต” สภาพของจิตเฉยๆ ด้วยความรู้สึกตัวเท่านั้น จิตก็จะเผยธรรมชาติเดิมแท้ให้เห็นเอง

ธรรมชาติของจิตนั้น เปรียบไปก็เหมือนตะวันที่ส่องแสงเจิดจ้าอยู่ตลอด อาจมีบ้างในบางวันที่เรารู้สึกว่าตะวันไม่สาดแสงจ้า ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะตะวันราแสง หรืออ่อนแรงลงไป แต่เป็นเพราะมีเมฆหมอก หรือฝน มาบดบังต่างหาก แต่เมื่อเมฆหมอก หรือฝน ผ่านไปแล้ว แสงตะวันอันเจิดจ้าก็จะปรากฏตัวเผยให้เห็นธรรมชาติเดิมแท้อันสว่าง กระจ่างอยู่อย่างนั้นมาโดยตลอด

สำนวนจีนเคยกล่าวข้อความในลักษณะที่ชี้ชวนให้เห็นถึงธรรมชาติเดิมแท้ของตะวันเอาไว้ว่า “แหวกเมฆเห็นตะวัน”

ตะวันยังคงอยู่ตรงนั้น ขอเพียงรู้จักที่จะแหวกเมฆ

ธรรมชาติของกิเลสนั้น ไม่มีตัวตน ไม่มีตำแหน่งแห่งที่ที่ชัดเจน แต่เกิดขึ้นมาก็เพราะมี “เหตุปัจจัย” (เงื่อนไข) ให้เกิด เมื่อหมดเหตุปัจจัย กิเลสนั้นก็ดับไป

คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจธรรมชาติของกิเลส จึงพูดว่า ตัวเขาเกิดมาพร้อมกับกิเลส และคิดต่อไปว่า ไม่มีทางสลัดตนให้พ้นจากกิเลส จึงยอมเป็นทาสของกิเลสอยู่อย่างนั้นชั่วนาตาปี

พระพุทธองค์ตรัสถึงความจริงของกิเลสว่า มนุษย์เกิดมาจากกิเลสก็จริง แต่มนุษย์ก็สามารถฝึกตนให้ลอยพ้นกิเลสได้ อุปมาดั่งบัว ที่เกิดแต่ตม แต่ก็สามารถลอยพ้นจากตมได้

ทั้งๆ ที่กิเลสไม่ใช่ธาตุแท้ของคน แต่ทำไมคนจึงตกเป็นทาสของกิเลส ดังหนึ่งว่า กิเลสนั้น ประจำการอยู่ตลอดเวลาในจิตของคน
วิสัชนา ก็คือ เพราะคนไม่รู้กระบวนการแห่งการเกิดขึ้นของกิเลสว่า เป็นไปอย่างไร ถ้าเข้าใจถึงกระบวนการของกิเลสเมื่อไหร่ ก็จะสามารถเป็นฝ่าย “จัดการ” กิเลสได้ทันที

ในพระไตรปิฎกอีกเช่นกัน พระพุทธองค์เคยตรัสว่า “กามารมณ์เกิดจากความคิด เมื่อไม่มีความคิดในเชิงกามารมณ์เสียแล้ว ตัวกามารมณ์ (ที่ทำให้เป็นทุกข์) ก็หามีอยู่จริงไม่”

ลองคิดตามดูก็จะเห็นจริง หากหญิงเห็นชาย หากชายเห็นหญิง โดยไม่เติมจินตนาการ (ความคิด) ลงไป การเห็นระหว่างเพศตรงนั้น ก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาแต่อย่างใด แต่เมื่อมีการเติมจินตนาการลงไปเท่านั้น แม้จะเห็นกันและกันเพียงครั้งเดียว ก็สามารถ “จินตนาการ” ต่ออย่างวิจิตรเพริศพรายเช่นไรก็ได้

เพราะธรรมชาติของกิเลสเกิดขึ้นจากจิตที่ “ขาดสติ” พุทธศาสนาจึงสอนให้เราฝึก “เจริญสติ” กันให้มาก เพราะเมื่อมีสติเสียแล้ว กิเลสก็หายไป ที่ใดมีสติ ที่นั่นจึงไม่มีกิเลส ที่ใดมีกิเลสปรากฏตัวอยู่ ก็แสดงว่าที่นั่นกำลังขาดสติ

กิเลส พื้นฐานที่กัดกินและเกาะกุมใจคนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจนกล่าวกันว่าเป็น “อกุศลมูล” หรือ “รากเหง้าของความทุกข์” ก็ได้แก่ความโลภ ความโกรธ ความหลง

แม้กิเลสสามตัวนี้ ก็ไม่มีตัวตนถาวร แต่เกิดขึ้นมาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวตามเหตุปัจจัย

ถ้าเรารู้ทันธรรมชาติของกิเลส และธรรมชาติของจิตอย่างที่กล่าวมา การจะประกาศตนเป็นอิสระเหนือกิเลสก็ไม่ใช่เรื่องเหนือสามัญวิสัยของมนุษย์

รู้ความลับของจิตและของกิเลสอย่างนี้แล้ว หากใครยังยินดีปล่อยตนให้เป็นทาสของกิเลสต่อไปก็ช่วยไม่ได้

*************************

นักศึกษาเซนคนหนึ่ง กำลังกลัดกลุ้มเพราะถูกโทสะกลุ้มรุม จึงไปถามอาจารย์บันไก

“อาจารย์ครับ ผมเป็นคนโมโหร้าย ระงับอย่างไรก็ไม่ค่อยอยู่ ผมต้องทำอย่างไร จึงจะจัดการกับเจ้าความโมโหร้ายนี้ได้ละครับ”

“โอ้! เธอมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตัวมากเชียวนะนี่ ไหนลองเอาเจ้าสิ่งที่ว่านี้ออกมาให้ฉันดูหน่อยซิ”

“ผมเอาออกมาให้ท่านดูเดี๋ยวนี้ไม่ได้หรอกครับ”

“อ้าว! แล้วเมื่อไหร่กัน เธอจะเอาเจ้าความโมโหร้ายนั่นออกมาให้ฉันดูได้”

“เอ่อ- - คือ ก็มันเกิดไม่เป็นเวลานี่ครับ”

“อืม - - ถ้าเช่นนั้น เจ้าความโมโหร้ายนั่น ต้องไม่ใช่ธาตุแท้ของเธอแน่ๆ เพราะถ้ามันเป็นธาตุแท้ของเธอจริงละก็ เธอต้องเอาออกมาให้ฉันดูได้ตลอดเวลา นี่แสดงว่า มันไม่ได้ติดตัวเธอมาแต่กำเนิด ทั้งพ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้มอบให้แก่เธอมา เธอลองคิดให้ดีสิ แล้วจะเข้าใจธรรมชาติของสิ่งนี้เอง”

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568