วัตถุ-อาคารและชีวิตเมืองนนท์ทุกแห่งหน น่ายลดังพิพิธภัณฑ์
โดย...ตาแหลม
โดย...ตาแหลม
จ.นนทบุรี เป็นจังหวัดที่อยู่ในปริมณฑล เหมาะแก่ชาวกรุงที่ต้องการใช้เวลาเดินทางสั้นๆ แต่สามารถเที่ยวดูและชมสิ่งเจริญตา เจริญใจ ได้ง่ายๆ ทางน้ำมีลำคลองให้นั่งเรือชมวิถีชีวิตชาวคลองได้ทุกเวลา เช่น คลองบางกอกน้อย จะชมตลาดน้ำก็มี เช่น ตลาดน้ำไทรน้อย จะชมวิถีชีวิตชาวสวนเกษตร เช่น สวนทุเรียนเมืองนนท์ ที่ยังอนุรักษ์ไว้ก็จัดให้ได้ ต้องการชมวัดวาอารามโบราณ วัดก็มีมากมาย อายุแต่ละวัดนับร้อยปี จะชมเครื่องปั้นดินเผาลือชื่อต้องไปเกาะเกร็ด จะพบสิ่งนั้นและประเพณีวัฒนธรรม รวมทั้งวัดมอญ
แต่หากจะดูแบบสรุป ไม่ต้องเดินทางก็เชิญที่พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี ที่ทางราชการแปลงอาคารไม้สักขนาดใหญ่ที่เป็นศาลากลางจังหวัดหลังเก่ามาเป็นพิพิธภัณฑ์ท้าทายผู้สนใจเข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์อังคาร เพราะมีทุกอย่างที่ จ.นนทบุรี อยากให้ชม รวมทั้งบ้านโสมส่องแสงของอาจารย์มนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติด้วย
ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรีแจกจ่ายและพาเที่ยวช่วงจัดทัศนานนท์วันที่ 19 ธ.ค. 2552 มีสิ่งประทับใจมากมาย พิพิธภัณฑ์ที่น่าดูตั้งแต่ตัวอาคารขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้สัก ในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นอาคารทรงคุณค่าทางด้านสถาปัตยกรรม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของ จ.นนทบุรี เคยเป็นโรงเรียนราชวิทยาลัย ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี และวิทยาลัยมหาดไทยอายุนับร้อยปี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่าศตวรรษ แต่อยู่ในสภาพดี เพราะได้รับการดูแลรักษาอย่างดีเลิศ
อาคารหลังนี้จึงมิใช่อาคารที่อัศจรรย์แค่โครงสร้างและสถาปัตยกรรมภายนอก หากแต่ทั้งหมดเป็นประจักษ์พยานบอกเล่าอดีตและปัจจุบันของเมืองนนท์ได้เป็นอย่างดี
บริษัท รักลูก ที่รับหน้าที่ดูแลพิพิธภัณฑ์ พาชมในอาคารที่จัดนิทรรศการไว้ 2 ชั้น แต่ละชั้นจัดแสดง 4 ห้อง เพื่อให้เห็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของชาวนนทบุรี รวมถึงงานวิจิตรศิลป์ชั้นเยี่ยม ประติมากรรมดินเผา และภาพอดีตในยุคทองของการค้าเครื่องปั้นดินเผาที่เกาะเกร็ด ซึ่งกลับคืนชีวิตด้วยเทคนิคพิเศษ
ห้องที่ 1 รู้จักนนทบุรีวันนี้จากแผนที่ดาวเทียม แสดงความเป็นไปของชีวิตประจำวันจากวีดิทัศน์ รวมถึงคำขวัญ สัญลักษณ์ และต้นไม้ประจำ จ.นนทบุรี
ห้องที่ 2 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า จะเห็นภาพรวมของอาคารจากหุ่นจำลอง ก่อนศึกษาองค์ประกอบสถาปัตยกรรม แล้วแกะรอยความเปลี่ยนแปลงในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาจากภาพถ่ายเก่าหายาก
ห้องที่ 3 ภาพอดีตนนทบุรี เมืองสวนผลไม้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา นับแต่กำเนิดขึ้นจากแม่น้ำ จนกระทั่งกลายเป็นเมืองสวนผลไม้ลือชื่อ
ห้องที่ 4 วิจิตรศิลป์ถิ่นนนท์/เกียรติยศ ศิลปวัฒนธรรม ภาพจิตรกรรมฝาผนังชิ้นเยี่ยม รวมทั้งบุคคลสำคัญของเมืองนนท์ที่มีชื่อระดับชาติ
ห้องที่ 5 เครื่องปั้นดินเผา สัญลักษณ์แห่งนนทบุรี ชมประติมากรรมดินเผาขนาดใหญ่ รูปตราประจำจังหวัดนนทบุรี สืบหาต้นกำเนิดและแกะรอยการเดินทางของ “หม้อน้ำลายวิจิตร” สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
ห้องที่ 6-7-8 เครื่องปั้นดินเผาบ้านเกาะเกร็ดและบ้านบางตะนาวศรี ชมความงามของหม้อน้ำลายวิจิตรแบบต่างๆ และศึกษารูปแบบอันหลากหลายของเครื่องปั้นดินเผานนทบุรีในอดีตจากแหล่งผลิตใหญ่ 2 แห่ง ซึ่งเคยผลิตสินค้าส่งขายทั่วประเทศ
วัดไทรใหญ่
เมื่อชมอาคารและพิพิธภัณฑ์หนำใจ เจ้าหน้าที่บริษัท รักลูก พาไปชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนนทบุรี ซึ่งบางแห่งเหมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต เริ่มจากวัดไทรใหญ่ ถนนไทรน้อยต้นเชือก อ.ไทรน้อย ซึ่งกำลังโด่งดังเรื่องสั่งซื้อต้นตะเคียนเก่าอายุประมาณ 200 ปี สูงยาวประมาณ 14 เมตรเศษ จากสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ในราคา 2 แสนบาท ถามว่าทำไมต้องซื้อต้นตะเคียนมาตั้งไว้ที่วัด ประสิทธิ์ บุญเฉย คนวัดไทรใหญ่ บอกว่า หลวงพ่อเจ้าอาวาสต้องการรักษาของโบราณไว้ และช่วยสำนักสงฆ์ที่ขาดแคลนปัจจัยสร้างศาลา แต่ขึ้นชื่อว่าตะเคียนแล้วมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอ เพียงวันแรกที่มาถึงคือวันที่ 14 ธ.ค. คอหวยก็เอาไปตีเป็นเลขเพื่อซื้อหวย ในงวดต่อมาก็ถูกกันอีก โดยคุณประสิทธิ์บอกว่าคนมาขอหวยเป็นพันคนก็ต้องมีเลขให้ถูกบ้าง แต่ไม่ใช่ถูกทุกคน
ประสิทธิ์ บุญเฉย มีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมชาวนาไทยด้วย ได้ก่อตั้งตลาดน้ำไทรน้อยที่หน้าวัดไทรใหญ่ เพื่อเป็นที่ขายผลผลิตจากสวนและชาวบ้านเมืองนนท์ให้แก่ประชาชนทั่วๆ ไปโดยตรงมา 67 ปีแล้ว ผู้คนจากทุกสารทิศจึงมากันแน่นวัดในวันเสาร์อาทิตย์
ในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องไปกราบไหว้ คือพระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยอู่ทอง นอกจากนี้ ยังมีทางเดินลอดใต้อุโบสถเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย
วันเวลาเยี่ยมชมตลาด : วันเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
การเดินทาง
รถยนต์ สายบางบัวทองตลิ่งชัน แยกซ้ายมือเข้าสู่ถนนบางกรวยไทรน้อย ประมาณ 13 กิโลเมตร เข้าตลาดน้ำไทรน้อย ข้างที่ว่าการอำเภอไทรน้อย
รถโดยสารประจำทาง ปอ.528 (ไทรน้อยพระราม 9) รถจอดหน้าตลาดฝั่งตรงข้ามตลาดน้ำไทรน้อย
‘เกาะเกร็ด’
จากตลาดน้ำไทรน้อย มาที่พิพิธภัณฑ์ชีวิตที่เกาะเกร็ด ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ ชาวบ้านยังคงรักษาศิลปะการปั้นและแกะสลักลวดลายที่ประณีตและเป็นเอกลักษณ์ไว้อย่างดี ความโดดเด่นเครื่องปั้นดินเผา ที่นี่จึงได้รับเกียรติให้นำหม้อน้ำแกะสลักงามตาไปเป็นตราสัญลักษณ์ประจำ จ.นนทบุรี
บนเกาะเกร็ดยังมีวัดมอญ ร้านจำหน่ายขนมหวานให้ชมให้ซื้อกันด้วย หรืออยากจะเที่ยวให้รอบเกาะก็มีจักรยานให้เช่าอีกต่างหาก
ส่วนความเป็นมาของเกาะเกร็ดนั้น กล่าวว่าเกิดจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปี 2265 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ท้ายสระ คลองลัดดังกล่าวเรียกว่า “คลองลัดเกร็ดน้อย” หรือ “คลองเตร็ดน้อย” ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียมตอนหนึ่งว่า “...ในปีขาล จัตวาศก ทรงพระกรุณาโปรดให้พระธนบุรีเป็นแม่กอง เกณฑ์พลนิกายคนหัวเมืองปากใต้ให้ได้คน 10,000 เศษ ให้ขุดคลองเตร็ดน้อย ลัดคุ้งบางบัวทองนั้นคดอ้อมนัก ขุดลัดตัดให้ตรง พระธนบุรีรับสั่งแล้วถวายบังคมลามา ให้เกณฑ์พลนิกายในบรรดาหัวเมืองปากใต้ได้คน 10,000 เศษ ให้ขุดคลองเตร็ดน้อยนั้นลึก 6 ศอก กว้าง 3 วา ยาวทางไกลได้ 29 เส้นเศษ ขุดเดือนเศษจึ่งแล้วต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศ แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ เมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ด จึงเรียกเป็น เกาะเกร็ด”
‘บ้านโสมส่องแสง’
ผมเชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ยินชื่ออาจารย์มนตรี ตราโมท และเพลงโสมส่องแสงมาบ้างแล้ว วันนั้นเจ้าหน้าที่พาชมบ้านพิพิธภัณฑ์อาจารย์มนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) ที่มีชื่อว่าบ้านโสมส่องแสง เช่นเดียวกับชื่อซอย
อาจารย์มนตรี แต่เดิมชื่อบุญธรรม เกิดที่หลังวัดสุวรรณภูมิ ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อปี 2443 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เปลี่ยนชื่อเป็นมนตรี เมื่อปี 2485 (ยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี) ท่านมีชีวิต 5 แผ่นดิน และถึงอนิจกรรมเมื่อปี 2538
ท่านมีผลงานการประพันธ์ทำนองเพลงไทยมากกว่า 200 เพลง รวมทั้งบทร้องอีกจำนวนมาก ได้รับการยกย่องให้เป็น “ปราชญ์เมธีแห่งนาฏดุริยางคศิลป์”
บ้านโสมส่องแสงอันเป็นที่ซึ่งท่านใช้ชีวิตในบั้นปลายเป็นสถานที่ที่แสดงให้ผู้มาชมได้รับรู้ถึงความเรียบง่ายในการดำเนินชีวิตของท่านได้ดีกว่าคำบอกเล่าใดๆ รวมทั้งผลงาน เกียรติคุณ อีกทั้งยังเก็บรักษาสิ่งของเครื่องใช้ที่เป็นของอาจารย์มนตรีไว้เกือบทุกชิ้น เช่น เตียงนอนที่หัวเตียงจะมีรอยเคาะจังหวะ เมื่ออาจารย์มนตรีคิดเพลงขึ้นมา ภรรยานอนข้างเตียงจะเป็นผู้จดตามที่อาจารย์บอก
ยังมีโต๊ะอัศจรรย์ที่อาจารย์ใช้เป็นประจำ โต๊ะนี้มีเก้าอี้ 4 ตัว เมื่อดึงเก้าอี้ออกมาประกบกันจะเหมือนเปล หรือเป็นคอกสำหรับเลี้ยงทารกได้ด้วย
ปัจจุบันบ้านโสมส่องแสงดำเนินงานภายใต้การดูแลของมูลนิธิมนตรีตราโมท โดยมีคุณกชภรณ์และคุณญาณี ตราโมท สลับกันเป็นวิทยากร
คุณกชภรณ์ได้บอกเหตุผลอันน่าประทับใจในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ไว้ว่า
1.เพื่อตอบแทนบุญคุณบุพการี อันเป็นสิ่งที่บุตรควรกระทำ
2.เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน โดยสร้างแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชน
3.เพื่อดูแลพิพิธภัณฑ์นี้ในฐานะบุตร เนื่องจากทั้งคุณญาณีและคุณกชภรณ์ ตราโมท ไม่มีทายาท เป้าหมายของบ้านโสมส่องแสงมิได้ให้ผู้มาชมการประพฤติตัวแบบอาจารย์มนตรี แต่คาดหวังให้ผู้มาเยือนได้นำแนวทางไปปฏิบัติ เพื่อให้ “ได้ดีกว่า” อาจารย์มนตรี
การเดินทางเที่ยวสถานที่ต่างๆ ใน จ.นนทบุรี ในวันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดอื่นๆ สะดวกสบาย เพราะคมนาคมสะดวกทั้งบก ทางน้ำ เช่น เรือด่วนเจ้าพระยาจากวัดราชสิงขร จอดท่าน้ำนนท์ และรถประจำทางหลายสายจากสนามหลวง มาถึงท่าน้ำนนท์เช่นกัน หรือเช่าเรือหางยาวเข้าคลองบางกอกน้อย ก็จะเห็นวิถีชีวิตพร้อมทั้งวัดโบราณจำนวนมากที่ยังอยู่ท้าทายการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกตลอดเวลา


