ถึงเวลา ‘โบโชเลส์ นูโว’
“เมื่อได้ชัยชนะ คุณควรค่ากับแชมเปญ ส่วน ณ ขณะที่พ่ายแพ้ คุณยิ่งต้องการมัน”
“เมื่อได้ชัยชนะ คุณควรค่ากับแชมเปญ ส่วน ณ ขณะที่พ่ายแพ้ คุณยิ่งต้องการมัน”
เรื่อง เปอติ๊ต ริสลิ่ง [email protected]
“เมื่อได้ชัยชนะ คุณควรค่ากับแชมเปญ ส่วน ณ ขณะที่พ่ายแพ้ คุณยิ่งต้องการมัน”
เควิน ซราลี จากสถาบัน Windows on the World Complete Wine Course
คราใดที่คำ Le Beaujolais Nouveau est arrive (“โบโชเลส์ นูโว” มาแล้ว!) ติดอยู่บนแบนเนอร์ทั่วปารีส และเทศกาลดื่มไวน์ที่สดใหม่และมีชีวิตชีวาของฝรั่งเศสก็เริ่มต้นขึ้น
ตอนนี้แล้วสิ... เพราะตามธรรมเนียม ณ นาทีแรก หลังเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีที่ 3 ของเดือน พ.ย. คือวันที่เราจะได้ลิ้มรสชาติของ “โบโชเลส์ นูโว” (Beaujolais Noveau) เป็นประจำทุกๆ ปี หลังจากเดินทางออกมาจาก หมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่า โครมาแนชโตเคร็งส์ (RomanecheThorins) ไปยังกรุงปารีส และส่งต่อไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ไวน์โบโชเลส์ นูโว สามารถดื่มได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยปีหนึ่งๆ มี ไวน์ โบโชเลส์ นูโว ผลิตออกมาเกือบ 70 ล้านขวด ซึ่งเทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของการผลิตไวน์ทุกชนิดในแคว้นนั้นตลอดทั้งปีทีเดียว
โบโชเลส์ นูโว เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ เป็นไวน์ที่ใช้เสิร์ฟในบาร์ คาเฟ่ และร้านอาหารท้องถิ่นย่านโบโชเลส์และลียงส์ ในทุกๆ ฤดูใบไม้ร่วง ครั้นเมื่อชื่อเสียงของไวน์แห่งฤดูใบไม้ร่วงขจรขจายไป ทำให้ต้องเริ่มมีการผลิตอย่างเป็นอุตสาหกรรม จนปี ค.ศ. 1938 ทางการฝรั่งเศสเริ่มเข้ามามีบทบาทเรื่องการขนส่งขนย้ายไวน์โบโชเลส์ นูโว แต่ก็ไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบนัก กระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1951
ในท้องถิ่นโบโชเลส์ นิยมปลูกองุ่นพันธุ์กาเมย์ (Gamay) และพวกเขามีสไตล์ในการเก็บเกี่ยวและหมักบ่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างกันในแต่ละเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองลียงส์ ซึ่งมีแม่น้ำ 3 สาย (แม่น้ำโครน ซาโอน และโบโชเลส์) ไหลผ่าน
ไวน์โบโชเลส์เองนั้น แบ่งเป็น 3 ชนิดตามลักษณะของภูมิประเทศ ซึ่งความสูงและอากาศแตกต่างกัน คือ เบสิก โบโชเลส์ (พื้นที่สูง) โบโชเลส์ วิลเลจ (พื้นที่ราบ) และ ครูส์ โบโชเลส์ (พื้นที่ทางใต้แม่น้ำ) ชนิดหลังนี้นับเป็นไวน์ระดับพรีเมียม และมักจะนำมาผลิตเป็น “โบโชเลส์ นูโว” ที่ต้องดื่มกัน ณ วันพฤหัสบดีที่ 3 ของเดือน พ.ย. ของทุกปี
โบโชเลส์ นูโว นิยมดื่มกันเย็นๆ อาจด้วยเพราะลักษณะการผลิตสดๆ ด้วยการหมักบ่มไว้ไม่เกิน 3 วันหลังจากเก็บเกี่ยว ทำให้ได้กลิ่นรสที่เจือผลไม้ มีแทนนินน้อยกว่าไวน์แดงทั่วไป แต่จะคล้ายกับโรเซ่ที่เข้มข้นมากกว่า
เอกลักษณ์เฉพาะของความเป็น “โบโชเลส์ นูโว” ก็คือ ความสดใหม่ สดชื่น มีกลิ่นหอมหวาน และมีรสชาติของผลไม้ ซึ่งในฝรั่งเศสโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองโบโชเลส์และลียงส์เอง ยังคงนิยมเสิร์ฟกันในรูปแบบของเหยือกไวน์ (Carafe) เพื่อให้ได้สัมผัสความความสดใหม่ของไวน์ชนิดนี้ เนื่องเพราะจริงๆ แล้วคือไวน์ที่สมควรจะดื่มทันที อุณหภูมิที่เหมาะสมก็คือ 12 องศาเซลเซียส หรือนำออกมาจากตู้เย็นแล้วก็ดื่มทันที
ซองเต้...จ้า


