ซูเปอร์สตาร์ หรือ ซุปตา

กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์ที่เที่ยงตรงว่าเขาหรือเธอจะเป็น “ซูเปอร์สตาร์” หรือเป็นได้แค่ “ซุปตา” สีสันของวงการบันเทิงเพียงชั่วยามเท่านั้น

โดย...นกขุนทอง

ดี๋ยวนี้ใครเข้ามาในวงการบันเทิง ได้รับเสียงกรี๊ดดังหน่อย งานมะรุมมะตุ้มเข้ามา ได้รับการกล่าวขวัญ ก็อวยกันไปว่าเป็นซูเปอร์สตาร์แล้ว บางคนก็ได้ใจเหลิงกับคำคำนี้และชื่อเสียงเงินทอง บางคนก็แค่ยิ้มรับแต่ยังไม่กล้ารับตำแหน่งนี้เพราะมันขลังเกิน(ตัว)ไป แต่กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์ที่เที่ยงตรงว่าเขาหรือเธอจะเป็น “ซูเปอร์สตาร์” หรือเป็นได้แค่ “ซุปตา” สีสันของวงการบันเทิงเพียงชั่วยามเท่านั้น

ซูเปอร์สตาร์ เสียงจากมหาชน

คำว่าซูเปอร์สตาร์อาจจะใช้เกลื่อนไปนิ้ดส์ แจกเยอะไปหน่อย คนสวยคนหล่อในวงการบันเทิงจึงคิดว่าเป็นกันได้ง่ายๆ ทว่าการจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงเสียงจริง ไม่ได้มีแค่หน้าตาสะสวย หล่อขั้นเทพเท่านั้น แต่ยังมีองค์ประกอบอีกมาก เช่น ไม่ว่าจะอยู่ในวงการนานแค่ไหนเรตติ้งไม่มีตก เปรียบเสมือนดาวค้างฟ้า ไม่ใช่ดาวรุ่งพุ่งแรงแล้วหล่นวูบดับไป หรือได้รับเสียงจากมหาชนยกย่องให้เป็นซูเปอร์สตาร์ เห็นได้ชัดก็คือ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” “สุรพล สมบัติเจริญ” ที่ถูกยกย่องให้เป็นราชินีราชาเพลงลูกทุ่ง “มิตร ชัยบัญชา” พระเอกตลอดกาล (เอ๊ะ! ทำไมซูเปอร์สตาร์ล่วงลับดับไปแล้วทั้งน้านเนี่ย...) และอีกหลายคนในอดีตที่ต้องจากลาวงการไปด้วยเหตุการณ์อื่นๆ ไม่ใช่การอับแสง เช่น “เพชรา เชาวราษฎร์”

หรือจะมีคุณภาพฝีมือที่ยิ่งเก่ายิ่งเก๋า ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงพลังในการแสดงของเขาและเธอไม่ใช่มาทำเหลาะแหละเก๊กสวยหล่อกันไปตามบทบาทหัวโขน แม้ว่าซูเปอร์สตาร์บางคนอาจจะมีมุมติดลบอยู่บ้าง ทว่าอันไหนที่เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรมเกินไป เราไม่เอามานับรวม ในเมื่อพิสูจน์ที่ความสามารถแล้วผ่านฉิว มุมลบก็กลบได้ด้วยฝีมือที่ใครๆ ก็พร้อมปรบมือให้ดังๆ และนอกจากคุณภาพคับแก้วยังคงมีมูลค่า นั่นแสดงให้เห็นว่า เขาและเธอยังเป็นที่ต้องการ และสิ่งที่ทำอยู่นั้นมีพลังพอคุ้มกับการจ่ายค่าตัวด้วยเม็ดเงินที่สูง

ในยุคนี้ที่ซูเปอร์สตาร์ล้นวงการบันเทิง (ประชด) จะมีสักกี่คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นซูเปอร์สตาร์โดยเสียงมหาชนอย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับศิลปินรุ่นเก่าในอดีต ที่วันนี้ยังเป็นดาวค้างฟ้าที่ไม่เคยร่วงหล่นดิน แต่กลับเจิดจรัส ยกตัวอย่าง “สินจัย เปล่งพานิช” และ “พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” ที่อยู่ในวงการมาเกือบ 3 ทศวรรษ ทุกบทบาทที่แสดงไว้ไม่มีครั้งไหนจะไม่ได้รับการยอมรับ คนร่วมวงการต่างยกให้เป็นดาวค้างฟ้า และผู้ชมยังยินดีดีใจที่ได้ชมผลงาน รุ่นใหญ่ขึ้นมาหน่อยต้องยกให้ “สรพงศ์ ชาตรี” ที่ไม่ได้นับแค่จำนวนปีที่อยู่ในวงการบันเทิงนานมากเท่านั้นแต่ผลงานก็ฝากไว้มากเป็นทวีคูณ และยังครองความเป็นขวัญใจของมหาชนอยู่

เบิร์ด ธงไชย ง่ายๆ แบบซูเปอร์สตาร์ตัวจริง

เริ่มต้นด้วยงานแสดงก่อนผันมาสู่เส้นทางดนตรี ที่ชื่อเสียงของ “เบิร์ดธงไชย แมคอินไตย์” เริ่มรุ่งพุ่งแรง ต้นสังกัดแกรมมี่หมายมาดปลุกปั้นให้เป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย แม้ไม่ง่าย ทว่าประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้นอกจากคุณภาพแล้ว เบิร์ด ธงไชย ยังมีมูลค่าในวงการบันเทิงแพงลิบลิ่วเหนือซูเปอร์สตาร์ และซุปตาคนอื่นๆ หลายช่วงตัว

เบิร์ดอยู่นานและมีผลงานออกมาต่อเนื่อง ซ้ำยังได้รับการต้อนรับไม่ตกหล่น ท่ามกลางศิลปินหน้าใสที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ล่าสุดกับซิงเกิล “อยู่คนเดียว” ยิ่งช่วยเปล่งบัลลังก์ซูเปอร์สตาร์ด้วยจำนวนโหลดที่มากที่สุด มิวสิกวิดีโอที่ลงในยูทูปมียอดคนดูกว่า 1 ล้านคน ภายใน 3 สัปดาห์ เป็นอันดับที่ 36 ที่คนเข้ามาดูเยอะที่สุดของโลก หนำซ้ำกับโครงการอาสาสนุกที่ชวนแฟนๆ มาถ่ายคลิปวิดีโอร้องเพลงอยู่คนเดียวแล้วโพสต์ลงในเว็บไซต์อาสาสนุกดอทคอม ก็ได้รับการร่วมอาสาสนุกจากแฟนๆ อย่างถล่มทลาย ถ้าไม่ใช่คำเชิญจากเบิร์ดคงไม่มีพลังมากอย่างนี้

แม้จะถูกย่องยกให้เป็นซูเปอร์สตาร์ แต่เบิร์ดก็ยังไม่เคยชิน ยังตื่นเต้นทุกๆ ครั้งที่คนบอกเช่นนั้น เขายังสนุกกับการทำงาน และยังทำตัวเฟรชตลอดเวลา ที่สำคัญ เขารู้ตัวว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ และรู้วิธีที่จะรักษาคำคำนี้ไว้ได้อย่างที่ไม่มีใครแย่งชิงและทวงคืน

“อยากทำไปหมด เล่นละคร หนัง ละครเวที ทุกครั้งที่ทำงานจะเอนจอย สนุกกับงาน ตื่นเต้น เห็นไมค์ก็อยากร้องเพลง เห็นนักข่าวก็อยากเล่า อัดรายการก็สนุก อยากเล่นซน แต่เราไม่ได้ทำตลอดไง เพราะต้องเอาเวลาไว้อ้วนด้วย (หัวเราะ)”

ออกอัลบั้มมาชุดไหนก็โดนใจผู้ฟังไปหมด ยิ่งตอนนี้กระแสเจป๊อป เคป๊อปมาแรง ทว่าพี่เบิร์ดก็บ่ยั่น “เราไม่บอกว่าเราต้องเปลี่ยนแนวมาเป็นเจป๊อป เคป๊อป เราไม่ตามกระแส แต่เราเอาความรู้สึกที่เรามีกันมาตั้งวันแรก แบบไทยๆ ของเรา เอากลับมาให้ได้ เป็นออริจินัลของพี่เบิร์ด ออริจินัลของคนดู เรื่องแดนซ์เราก็ได้ ไม่เคยยั่น ก็แดนซ์ได้แบบพลิ้ว พี่ไม่ได้ปล่อยกายปล่อยใจไปกับสิ่งที่พี่ไม่รู้ พี่รู้จริง รักจริงตรงนี้ ก็ทำตรงนี้ มันก็เฟรชอยู่ตลอดเวลา

เรารักการร้องเพลง เราเอนเตอร์เทนคนดูได้ เราก็ทำตรงนี้ เราไม่เป็นเจ้าของบ้านจัดสรร เราไม่อยู่เบื้องหลัง เราร้องเพลง มีความสนุกที่เจอกับคนที่เขาฟังเสียงเรา เรียกชื่อเรา เขายังไม่เคยเฉาเป็นผัก นี่แหละที่ทำให้เรายังเฟรชอยู่ตลอด เหมือนเราเป็นหญ้า ไม่ได้เป็นต้นไม้ใหญ่ หญ้าอยู่กับดินไปเลย ใครฆ่าหญ้าได้ง่ายๆ ฆ่าตรงนี้ก็ไปเกิดตรงนั้น”

ศิลปินดาราสมัยนี้มีงานอีเวนต์ให้ออก แต่สำหรับ เบิร์ด ธงไชย ไม่เคยได้ย่างกรายไปแม้จะวางเงินค่าตัวสูงแค่ไหนก็ตาม “งานอีเวนต์ไม่ออก พี่เบิร์ดว่ามันเป็นความพิเศษที่เราจะพบแฟนเพลง ต้องพิเศษจริงๆ เราต้องมีการเตรียมงาน เตรียมพร้อม ต้องออกไปกับครอบครัวเราบนเวที ต้องเจอกันทีเป็นเรื่องเป็นราว เป็นวาระมากกว่า”

การเป็นซูเปอร์สตาร์ไม่ง่าย และการรักษาความเป็นซูเปอร์สตาร์ไว้ก็ยากยิ่งกว่า สำหรับเบิร์ดเองได้มีวิธีและหนทางมาสู่ความเป็นดาวที่ศิลปินดารารุ่นใหม่ดูไว้ก็ไม่เสียหลาย “โชคดีที่ได้เจอคนที่ดีหมดเลย ได้รับคำสั่งสอน และที่สำคัญคนดูสอนความซื่อสัตย์ สอนการให้เราทำไงให้เขารักเรา การจะทำให้คนคนหนึ่งรักเรายังต้องคิดตั้งสามร้อยหกสิบองศา แต่การจะทำให้คนหลายล้านคนรักเราจะต้องทำยังไง

ต้องทำให้เขารู้จักเรา แล้วจะรู้จักแง่ไหนล่ะ เราต้องกรอง กลึงให้กลม ปรับปรุงตัวอยู่ตลอดเวลา ทุกคนที่ใกล้ชิดสอนเราหมด ทุกก้าวที่ผ่านมามีค่ามาก ทุกเหตุการณ์เป็นคำสอนให้เราตลอด อันนี้ผิด อันนี้อย่าทำ อันนี้ทำเถอะดีแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามรอบๆ ตัว ถ้าเราไม่มองข้ามเป็นคัมภีร์ให้เรา ฟังว่าเขาพูดอะไรกับเรา อย่าเอาความคิดเราเป็นหลัก เรารู้ว่าเราทำอะไร เราอยู่ตรงนี้มาได้เพราะใคร มันตอกย้ำอย่างสนุกด้วยนะ ทำให้เราทำให้ทุกคนมองมา ไม่เคยชินกับที่ทุกคนเรียกว่าซูเปอร์สตาร์ เวลาทุกคนกรี๊ดยังตื่นเต้นอยู่เลย”