ดำน้ำผูกทุ่น ... อาสาฯอนุรักษ์ทะเลไทย ก่อนไฮซีซัน
“พวกเราไม่คิดว่าเป็นผู้ทำลาย ... แต่จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาความจริงพวกเราคือผู้ทำลาย”
“พวกเราไม่คิดว่าเป็นผู้ทำลาย ... แต่จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาความจริงพวกเราคือผู้ทำลาย”
เรื่องภาพ : ณัฏฐ์ฐิติ อำไพวรรณ
“พวกเราไม่คิดว่าเป็นผู้ทำลาย ... แต่จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาความจริงพวกเราคือผู้ทำลาย”
คำพูดประโยคนี้เคยได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่หลายปีก่อนที่ปัญหาด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังถูกพูดถึงอยู่แค่ในวงจำกัด ในยุคนั้นคำว่า “อนุรักษ์” ดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
แต่มาถึงยุคสมัยนี้คงไม่ใช่แล้ว ... ยิ่งในช่วงปีที่ผ่านมาเรื่องโลกร้อน เรื่องอากาศเป็นพิษ เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ เลยไปจนถึงเรื่องโลกแตก กลายเป็นความคิดกระแสหลักที่ใครๆ ล้วนพูดถึงกัน
พูดถึงกันมากแต่ก็ไม่ค่อยมีใครทำ – ไม่ค่อยมีใครทำแต่ใช่ว่าจะไม่มีคนทำ ... มากบ้างน้อยบ้าง แต่เราจะเห็นว่าหลายๆ หน่วยงานเริ่มหันมาทำโครงการดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น
อย่างเมื่อช่วงวันหยุดยาว 2325 ต.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ทรู วิชั่นส์ เค เบิ้ล ร่วมกับกองทัพเรือ จ.พังงา และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันจัดโครงการ “อาสาฯ อนุรักษ์ทะเลไทย 2553” โดยนำนักดำน้ำอาสาสมัครกว่า 200 คน ทำกิจกรรมผูกทุ่นจอดเรือ 70 ทุ่น ทำความสะอาดแนวปะการัง เก็บขยะในทะเล ปล่อยหอยมือเสือ และปล่อยเต่าเพื่อให้มีการขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ก่อนที่จะมีการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลแถบอันดามัน ในช่วงเดือน พ.ย.เม.ย.
หลายคนคงสงสัยว่า แล้วทำไมต้องผูกทุ่น ...?
นายสุวรรณ พิทักษ์สินธร นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ศูนย์ศึกษาการพัฒนาการจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเล เล่าให้ฟังว่า ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาในเขตหมู่เกาะสุรินทร์มากถึง 3 หมื่นคน ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากขนาดนั้น ทางอุทยานฯ จึงจำเป็นต้องมีการจัดการที่ดี
การผูกทุ่นจอดเรือ ช่วยในเรื่องการจัดการได้มากตรงที่เรือที่เข้ามาจอดไม่ต้องทอดสมอ (ซึ่งการทอดสมออาจทำให้แนวปะการังเสียหาย) และยังมีประโยชน์ในการกำหนดจุดจอดเรือให้อยู่ห่างจากพื้นที่ที่มีความเปราะบางทางธรรมชาติ มีสิ่งมีชีวิตที่ควรอนุรักษ์เอาไว้ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยทุ่นที่ทำการผูกจะแบ่งออกเป็น 3 ขนาด 3 สี ตามความเล็กใหญ่ ของฐานคอนกรีตที่มีการนำไปวางทิ้งไว้ใต้ผิวน้ำอยู่แล้ว
ในช่วงเช้าผมได้มีโอกาสเกาะไปกับกลุ่มนักดำน้ำจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี มุดน้ำลงไปดูการทำงานติดตั้งทุ่นใต้ท้องทะเล
เมื่อลงไปอยู่ใต้น้ำการทำอะไรๆ ก็ดูเป็นเรื่องยากกว่าการทำบนบก เช่น จากเชือกเส้นโตเท่าข้อมือที่เวลาอยู่บนบกมันมีน้ำหนักมาก แต่พอลงไปอยู่ในน้ำเชือกพวกนั้นมันกลับลอยน้ำ ซึ่งพอมันลอยน้ำการที่จะลากเชือกเส้นโตนั้นลงสู่ใต้น้ำมันก็ยิ่งต้องใช้เรี่ยวแรงในการลากที่มากกว่าการตัดเชือกเส้นเก่าที่มีขนาดใหญ่และมีหอยเพรียงเกาะอยู่เต็มเส้นเชือกก็ทำได้ยาก เพราะถ้าไม่ระวังหอยที่มีความคมเหล่านั้นก็จะบาดมือ
การติดตั้งทุ่นขนาดใหญ่ 1 อัน จึงต้องใช้กำลังทหาร (ที่มีความชำนาญในการดำน้ำ) ไม่ต่ำกว่า 6 คน ... 2 คนแรกลากเชือกลงไปจนถึงแท่งคอนกรีตใต้น้ำ ระดับความลึกประมาณ 2025 เมตร 2 คนอยู่ตรงกลางน้ำคอยต่อเชือกเส้นแรกกับอีกเส้น อีก 2 คนดำรออยู่ใกล้ผิวน้ำเพื่อผูกเชือกให้ยึดติดแน่นกับทุ่นขนาดใหญ่
ช่วงบ่ายได้มีโอกาสมุดน้ำลงไปอีกรอบพร้อมๆ กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ซึ่งมาร่วมงานในฐานะอาสาสมัครกิตติมศักดิ์ เพื่อนำหอยมือเสือลงไปปล่อยยังแหล่งที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และง่ายแก่การขยายพันธุ์ ส่วนนักน้ำดำอาสาฯ คนอื่นๆ ที่เสร็จภารกิจก็แยกย้ายกันลงน้ำเก็บขยะใต้น้ำ ทำความสะอาดแนวปะการัง
เมื่อขึ้นมาจากน้ำ หลายคนที่ไม่ได้มีโอกาสลงไปใต้น้ำ ถามผมคล้ายๆ กันว่า ข้างใต้น้ำสวยไหม ... ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะเท่าที่เห็นแหล่งดำน้ำที่ว่ากันว่าเป็นแนวปะการังที่สมบูรณ์ที่สุด ใหญ่ที่สุด และสวยที่สุด ของท้องทะเลไทย มันกลับดูไม่ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไหร่
ปะการังฟอกขาว เศษซากปะการังที่แตกหัก อวนผืนใหญ่ติดอยู่ตรงกองหินใต้น้ำปกคลุมทับปะการังอ่อนและที่อยู่อาศัยของปลา ฯลฯ ... เหล่านี้คือเรื่องน่าเศร้าที่นำมาบอกเล่าให้คนบนบกฟัง
รู้ข้อมูลนักวิชาการที่คุ้นเคยกับท้องทะเลย่านนี้มานานว่า ความสมบูรณ์ของธรรมชาติใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นแนวปะการัง หรือสัตว์น้ำหายาก ในขณะนี้เหลือไม่ถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วง 15 ปีก่อน ในสมัยที่เขาลงน้ำสำรวจในยุคแรกๆ
...
“นักท่องเที่ยวแทบทุกคน ที่เดินทางมาหมู่เกาะสุรินทร์ ล้วนปรารถนามาดำน้ำ ชมความสวยงาม และความมหัศจรรย์ของโลกใต้ทะเล ... แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่พวกเขาอาจเป็นผู้ทำลายธรรมชาติใต้ท้องทะเลไม่ทางตรงก็ทางอ้อม”
นี่คือคำพูดทิ้งท้ายของอาสาสมัครวัยเกือบ 70 ปี ผู้ที่มีความรักในท้องทะเลไทย อยากฝากบอกให้นักท่องเที่ยวรักและหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น
เขาบอกกับผมในค่ำวันนั้น ... หลังจากลงดำน้ำไปเป็นประธานปล่อยหอยมือเสือ


