posttoday

ลูลู่ & ลาล่า คู่ซี้สายฮา‘รักล้วนๆ แต่กวนนะ’

02 กุมภาพันธ์ 2562

หากเอ่ยชื่อ ดวงฤดี บุญบำรุง กับ ขวัญนภา เรืองศรี

โดย วราภรณ์ ภาพ : ทวีชัย ธวัชปกรณ์ 

หากเอ่ยชื่อ ดวงฤดี บุญบำรุง กับ ขวัญนภา เรืองศรี คนต้องสงสัย แต่ถ้าเป็นลูลู่ กับ ลาล่า อาร์สยาม คนต้องร้อง อ้อ! พร้อมมีใบหน้าเปื้อนยิ้มนิดๆ เพราะค่าที่ทั้งสองเป็นคู่หูดูโอสายฮาตลอดระยะเวลาที่เข้าวงการบันเทิงมานานกว่า 15 ปี

ลูลู่เจ้าของชื่อจริงว่า ดวงฤดี ส่วนลาล่า คือ ขวัญนภา ล่าสุดผลงานลูกทุ่งแบบม่วนๆ โจ๊ะๆ สไตล์ลำเต้ยผสมดิสโก้กับซิงเกิ้ลที่ 4 “ไผกะได้” ภายใต้ค่ายอาร์สยาม เนื้อหาพูดถึงสาวที่ไม่สมหวังในความรัก จมปลักอยู่กับความโสด จึงอยากมีหนุ่มที่มีจิตใจสักคนมาอยู่เป็นคู่ชีวิตกันตลอดไป

ทั้งสองประสานเสียงเล่าถึงผลงานชิ้นล่าสุดของพวกเธอที่เติบโตมาอีกขั้นหนึ่ง ภาพลักษณ์ที่ออกมาจึงเป็นสาวที่เซ็กซี่อยู่สักหน่อยว่า เพลงนี้เป็นสไตล์วาไรตี้สนุกสนาน ซึ่งเป็นแนวที่ไม่เคยทำแนวหมอลำมาก่อน แม้ทั้งคู่เป็นคนอีสานแท้ๆ แต่ร้องหมอลำไม่เป็น และไม่เคยร้องเลย แต่ชอบฟังชอบเต้น

ลูลู่ เล่าว่า แม้เธอเป็นเด็กเรียนนาฏศิลป์ทั้งคู่ แต่ไม่เคยร้องหมอลำเลย เมื่อต้องทำผลงานชิ้นที่ท้าทาย พวกเธอจึงต้องฝึกทั้งร้องและฟังเพลงหมอลำให้มากขึ้น โดยได้ครูเพลงอย่างแม่เดือนเพ็ญ หนึ่งในศิลปินอาร์สยามและครูเพลงด้านหมอลำมาติวเข้มด้านการร้องอย่างเข้มข้น

“เหตุที่ทั้งสองต้องเปลี่ยนแนวบ้าง เนื่องจากต้องทำเพลงตามยุคสมัย เพราะการเสพของคนเปลี่ยนไป อีกทั้งเพลงหมอลำเป็นเพลงที่ติดหูคนง่าย เพราะธรรมชาติของคนฟังชอบเพลงสนุกๆ สังเกตเวลาทั้งสองออกงานคอนเสิร์ตที่ไหน หากเพลงหมอลำขึ้นมา คนจะลุกขึ้นเซิ้งทันที (หัวเราะ) คนสามารถลุกขึ้นเต้นกันอย่างสนุกสนานมากที่สุด”

ลูลู่ & ลาล่า คู่ซี้สายฮา‘รักล้วนๆ แต่กวนนะ’

พวกเธอได้ เพชร สหรัตน์ หรือสหสหเจริญพาณิชย์ มาช่วยแต่งเพลงให้ ถือเป็นโจทย์ที่ยากจริงๆ เพราะศิลปะของการร้องหมอลำคือลูกคอมีหลายชั้นมาก แม้ทำการบ้านมาดีแล้ว แต่พอเข้าห้องอัดเสียงจริงๆ พวกเธอยังไม่เชื่อตัวเองว่า ร้องดีแล้วจริงเหรอ เพราะอยากทำผลงานเพลงออกมาให้ดีที่สุด

ในแง่ความเป็นเพื่อนจึงต้องช่วยกันประคับประคองเวลาทำผลงานที่มีความยาก เวลาออกคอนเสิร์ตคู่กันหากใครไม่สบาย อีกคนก็ต้องช่วยกันประคองปีกดูแลกันและกัน

ไม่ใช่เพียงแนวเพลงที่เปลี่ยนไปเท่านั้น การแต่งกายก็ต้องให้ดูโตตามวัยด้วย ซึ่งเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่พักใหญ่

“แต่งตัวแนวน่ารักแบบเดิมๆ เราเคยแล้ว การแต่งตัวในซิงเกิ้ลใหม่นี้ เราตีโจทย์ว่า เพลงของเราไร้ขีดจำกัด ดังนั้นการแต่งตัวจากเดิมแฟนๆ เป็นวัยเด็กกับครอบครัว พอเราโตขึ้น ไม่จำเป็นต้องเรียบร้อยแล้ว เพราะเราโตมาอีกสเต็ปหนึ่ง และเป็นสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ แฟนๆ จึงได้เห็นนิวลาล่า นิว
ลูลู่มาในฟอร์มใหม่ๆ คนเห็นต้องร้อง ว้าว!คือภาพเซ็กซี่เราก็ทำได้นะ” ลูลู่ กล่าว

ส่วนลาล่าเล่าเสริมว่า พวกเธอตั้งใจมากๆ อยากให้แฟนๆ ให้กำลังใจพวกเธอทั้งสองคนด้วย เพราะเตรียมงานกันนานครึ่งปี ในการเลือกเพลง เฟ้นหานักแต่งเพลง โชคดีที่ได้เพชรมาช่วยแนะว่า พวกเธอจะเป็นหมอลำแนวไหน จนออกมาเป็นหมอลำดิสโก้ ซึ่งเหมาะกับเทศกาลเฉลิมฉลองนี้มาก

ลาล่า : “ทุกอย่างต้องปรับจูน”

ลูลู่ & ลาล่า คู่ซี้สายฮา‘รักล้วนๆ แต่กวนนะ’

แม้ลูลู่จะอายุมากกว่าลาล่า 2 ปี ถือเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสาขานาฏศิลป์ไทย มหาวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ สมัยเรียนก็เจอกันบ้างในงานแสดงโชว์บ้าง เจอกันตามที่ต่างๆ ก็สวัสดีทักทายแต่ไม่ได้สนิทกันมาก แต่มาสนิทกันสุดๆ ตอน อี๊ด โปงลางสะออน ชวนมาอยู่ร่วมวง ต้องกินอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นคู่ซี้ที่ห่างกันไม่ได้ และไม่น่าเชื่อว่าทั้งคู่แม้อุปนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จนไม่น่าเชื่อว่าจะกลายมาเป็นคู่หูกันได้

“เราสนิทกันมาก เพราะเรากินนอนด้วยกัน เหมือนเป็นบัดดี้กัน แต่หนูห่วงเรื่องนอน แรกๆ ถ้าหนูเลือกได้ หนูไม่อยากนอนกับพี่ลูลู่ เพราะพี่ลูลู่ต้องนอนมืดมากๆ แต่หนูต้องนอนสว่าง อุปนิสัยการนอนเราต่างกันโดยสิ้นเชิง จนลูกวงแต่งงานแยกวง ไม่มีใครแล้ว เราก็ต้องนอนด้วยกัน

หนูจะเปิดไฟนอน แต่พี่ลูลู่ไม่ยอมเลยต้องปิดไฟมืดหมด ทำให้หนูนอนไม่หลับ จนตกลงพี่ลูลู่พบกันครึ่งทางคือ ตั้งเวลาเปิดทีวี เพื่อรอให้หนูนอนหลับก่อน เมื่อหนูหลับ แสงต่างๆ ก็มืดพอดีพี่ลูลู่จึงหลับได้”

นอกจากนอนมืดกับนอนสว่างแล้วลาล่ายังเมาท์ว่า

“พี่ลูลู่ขี้หนาวมาก นอนคลุมโปงมิดหมด แต่ลาล่ากลับขี้ร้อน เรียกว่ากว่าจะเป็นบัดดี้กันได้ต้องปรับจูนกันอย่างหนัก แต่ก็ยังมีความฮาซ่อนอยู่”

ลาล่ายังสะท้อนอุปนิสัยลูลู่อีกว่า เป็นคนอารมณ์ค่อยๆ ไต่ขึ้นตามลำดับ หากถึงจุดที่ลูลู่โมโห ต้องถอยให้ห่าง

“อย่างเราทำธุรกิจร่วมกัน เวลาคุยงาน ลาล่าจะเป็นคนอะลุ่มอล่วย ใครขออะไรก็ให้ จนพี่ลูลู่มองหน้า คือในแง่การเจรจาพี่ลูลู่จะเป๊ะมากกว่า เจรจาแล้วจบ แต่ล่าจบไม่ได้ (หัวเราะ) ถ้าคุยกันสามคนแล้วหนูพูดไม่เข้าหู พี่จะหันมามองหน้า จนหนูต้องหยุดพูด นี่แหละคือการให้เกียรติพี่ของหนู”

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ลาล่าเป็นห่วงพี่ก็คือ เรื่องสุขภาพที่สามวันดีสี่วันไข้ อยากให้ดูแลรักษาสุขภาพบ้าง

“พี่ลูลู่ไม่ค่อยแข็งแรงแม้พ่อแม่จะเป็นชาวนา (หัวเราะ) โดนลมก็ไอ แต่เวลาเขาป่วยเขาจะไม่บอกหนู ให้หนูรู้จากคนอื่นตลอด แต่หนูรู้ว่าพี่เกรงใจ บางทีพี่ลูลู่ป่วยไปนอนโรงพยาบาลแต่หนูรู้ช้ามาก หนูก็ไปโวยวาย พี่คิดได้ไงพาตัวเองมาส่งโรงพยาบาล

พี่ป่วยทำไมไม่บอกหนู บางครั้งเขาป่วยกินยาแต่ต้องขับรถพาตัวเองไปหาหมอ ถ้ากินยาแล้วเป็นลมขณะขับรถจะทำไง คือบางครั้งพี่ไม่ต้องสตรองขนาดนั้นก็ได้ คือพี่ลูลู่จะรั้นในการดูแลตัวเอง ไม่ยอมพึ่งคนอื่น เพราะความเกรงใจ”

ลูลู่ : “เป็นกระจกส่องกันและกัน”

ลูลู่ & ลาล่า คู่ซี้สายฮา‘รักล้วนๆ แต่กวนนะ’

กว่า 15 ปีที่ ลูลู่ กับ ลาล่า ขวัญนภา คบกันฉันพี่น้อง เรียกว่าทั้งคู่สนิทกันมากกว่าพี่น้องแท้ๆ ที่คลอดและคลานตามกันมาเสียอีก

“เราทำงานด้วยกัน คุยปรึกษากันตลอด จึงเหมือนมีกระจกส่อง เวลาหนูโกรธใครมา หน้าจะบึ้ง เวลาเจอแฟนคลับแล้วหนูหน้าบึ้ง ลาล่าจะสะกิดเตือนกัน เราจึงมีกันและกันที่เป็นกระจกเงาส่องสะท้อนให้เราปรับอะไรบางอย่าง เราจึงรับฟังและกล้าที่จะพูดเตือนกัน จะเตือนสติกันโดยไม่ทะเลาะกัน มีอะไรไม่เข้าใจกัน พูดกันและฟังกัน จากนั้นเราจะเหมือนเดิม

เพราะเราไม่ได้ทำงานคนเดียว ทำงานกันสองคน อย่างที่ลาล่าบอกว่าเราไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นต้องจูนกัน ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก (หัวเราะ) แต่ลาล่าเป็นน้องที่ตื่นตัวตลอดเวลาเหมือนเขากินยาม้า คือเขามีความสุขตลอดเวลา ไม่เคยเห็นเขามีความทุกข์เลย น้อยมากที่เขาจะทุกข์

จนหนูคิดว่าชาตินี้เขาคงไม่มีความทุกข์ หรือถ้าเขาทุกข์แล้วเขาไม่คุยก็ไม่รู้นะคะ แต่เวลามีปัญหาเราคุยกันตลอด เช่น มีปัญหาครอบครัวก็คุยปรึกษากัน มันมากกว่าคำว่าพี่น้อง ยิ่งกว่าครอบครัวเพราะสัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน เราอยู่ด้วยกัน 6 วัน ขนาดวันหยุดลาล่ายังโทรมาถามว่า พี่อยู่ไหน หากับข้าวมากินด้วยกันนะ บางทีหนูก็มีไล่น้องบ้าง ล่ากลับเหอะ (ขำ)”

ไม่ใช่มีแต่เรื่องขำขัน เรื่องความประทับใจลาล่าก็ทำให้ลูลู่ซาบซึ้งน้ำตาไหลได้เหมือนกัน

ลูลู่ & ลาล่า คู่ซี้สายฮา‘รักล้วนๆ แต่กวนนะ’

“ลาล่าอยู่ทุกเหตุการณ์ที่ร้ายๆ ของหนู เช่น ตอนที่เราแยกจากพี่อี๊ดหนูจิตตกมาก เพราะกระแสโจมตีเราแรงมาก หาว่าเราเนรคุณบ้าง มีคำพูดแรงๆ และหนูก็เป็นคนเซนซิทีฟมาก จนหนูรู้สึกเศร้ามากๆ ลาล่าก็ปลอบใจด้วยคำพูด หยุดเดี๋ยวนี้นะ พี่นั่งตาลอยแล้วเราจะได้อะไรกับการที่พี่เป็นแบบนี้

เพราะเขาไม่อยากให้หนูคิดมาก เขาช่วยเติมเต็มและช่วยเอนเตอร์เทนหนูตลอด จะมีคำพูดเตือนสติหนูตลอด เช่น หนูเศร้ามากจนไม่มีสมาธิทำงาน แล้วต้องเข้าฉากแสดงละคร เขาก็พูดเตือนสติว่า เมื่อตัดสินใจทำแล้วอย่าเสียใจ เราต้องปล่อยวาง ใครจะพูดอย่างไรก็ช่าง ถ้าหนูมัวแต่คิดมาก
หนูเป็นแบบนี้แล้วงานจะเดินไหม เราได้รับงานมาแล้วเราต้องรับผิดชอบให้ดีสิ ไม่ใช่มานั่งตาลอยแบบนี้ แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา ทีมงานต้องมานั่งรอหนูเสียเวลานะ

เขาจะพูดตรงและเตือนอย่างจริงจัง ไม่มัวมานั่งพูดจาไพเราะ จะมีวิธีปลอบใจที่ไม่เหมือนใคร หรือช่วงที่แม่หนูเสียชีวิต น้องไม่พูดถึงแม่เลย เขาจะหันไปพูดเรื่องอื่น เพื่อให้เวลาให้หนูผ่านความทุกข์ๆ ไปให้ได้ นอกจากครอบครัวของหนูแล้ว ก็มีลาล่าที่ช่วยปลอบใจทุกอย่าง เวลาเราสุขเราก็อยู่ด้วยกัน แต่เวลาหนูทุกข์เขาก็ยังอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจ เวลาหนูเศร้าเขาจะมาเป็นกำลังใจให้หนูเป็นคนแรกๆ เราอยู่ด้วยกันสัมผัสกันได้”

สิ่งหนึ่งที่ลูลู่รู้สึกเป็นห่วงลาล่าก็คือ ห่วงเรื่องขับรถเร็ว หรืออย่าให้ใจใครเกินร้อย เพราะหากผิดหวังแล้วจะเสียใจมาก

สุดท้ายทั้งคู่เผยเคล็ดลับการคบกันเป็นเพื่อน พี่ น้องได้ยาวนาน ก็คือต้องอาศัยความจริงใจต่อกัน เปิดใจคุยกัน และยอมรับในตัวของกันและกัน และต้องมีความรักล้วนๆ ที่ควรมีให้กันตลอดเวลา

ข่าวล่าสุด

‘ชาติพัฒนา’ มีมติไม่ส่งผู้สมัคร สส. ชี้หลายปัจจัยไม่เอื้อพรรคเล็ก