พรรณษร ปฐมาภินันท์ ความสุขบนวิถีสโลว์ไลฟ์ที่สวนผึ้ง
เรื่อง ภาดนุ
เรื่อง ภาดนุ
สาวสวยอดีตดารานักแสดง เอ๋-พรรณษร ปฐมาภินันท์ เป็นอีกคนหนึ่งที่หันหลังให้กับวงการบันเทิงที่เธอเคยโลดแล่น เพื่อเลือกวิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่สร้างทั้งความสุขกายและสุขใจให้กับตัวเอง จนพูดได้ว่าเป็นการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้องดีงามสำหรับเธอ
“เดิมทีเอ๋เรียนจบปริญญาตรีด้านสื่อสารมวลชนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง จากนั้นก็เรียนต่อปริญญาโทด้านการตลาดที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี แต่พอเรียนจบแล้วเอ๋ยังไม่เคยมีโอกาสได้ทำงานประจำเลยค่ะ เพราะระหว่างที่เรียนนั้นเอ๋ก็ทำงานในวงการบันเทิงควบคู่ไปด้วย ในช่วงที่เอ๋ยังเป็นวัยรุ่นก็เคยรับทั้งงานละคร ทั้งงานภาพยนตร์เลยค่ะ ด้วยความที่เราเป็นนักแสดง เอ๋จึงไม่ค่อยชินกับการทำงานประจำ และโดยนิสัยส่วนตัวแล้วเอ๋จะไม่ชอบทำงานออฟฟิศเลยค่ะ ดังนั้น เอ๋จึงเริ่มจากการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น โดยเช่าตึกใกล้ๆ บ้าน คือตอนนั้นเอ๋ยังอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ที่จริงแล้วบ้านเกิดเอ๋อยู่ที่ จ.นครปฐม ค่ะ
ปัจจุบันนี้เอ๋ทำธุรกิจส่วนตัว โดยเปิดร้านเบเกอรี่ชื่อว่า มอร์นิ่ง กลอรี่ เดอะ เบเกอรี่ เฮาส์ (Morning Glory The Bakery House) อยู่ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี บนที่ดินของบ้านแฟน โดยเราย้ายไปอยู่ราชบุรีและไปดูที่กันตั้งแต่แรกเลย แล้วเอ๋มีความชอบส่วนตัวในการทำเบเกอรี่มาก่อนด้วย จึงเปิดร้านนี้มาได้ 5 ปีแล้ว จากนั้นก็เปิดอีกร้านชื่อว่า แกรนด์มา โอเว่น (Grandma’s Oven) ซึ่งอยู่ที่ เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม สวนผึ้ง ด้วยเช่นกัน โดยขายขนมอบเป็นหลัก ล่าสุดคนในชุมชนได้รวมตัวกันเปิดตลาดริมทางโอ๊ะป่อย (ภาษากะเหรี่ยง แปลว่า พักผ่อน) ขึ้นที่สวนผึ้งด้วยค่ะ เนื่องจากเราค้นพบว่าโลเกชั่นนี้มีความเหมาะสมกับการเปิดตลาดมาก โดยมีทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยกันส่งเสริมและโปรโมท จนที่นี่กลายเป็นตลาดชุมชนที่เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา ล่าสุดเอ๋ยังเปิดร้าน แกรนด์มา โอเว่น อิน เดอะ ฟอเรสต์ (Grandma’s Oven In The Forest) ขึ้นที่ตลาดโอ๊ะป่อยอีกด้วย”
เอ๋บอกว่า ที่ตลาดโอ๊ะป่อยแห่งนี้ เน้นขายสินค้าพื้นถิ่นที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อลูกค้า สินค้าทุกอย่างต้องผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการของตลาดและสมาคมท่องเที่ยวสวนผึ้งก่อนเสมอ ซึ่งต้องทำให้สินค้ามีคุณภาพสูงสุดถึงจะได้นำมาวางขายที่ตลาดแห่งนี้ ที่สำคัญจะไม่มีการใช้โฟมหรือถุงพลาสติกในการบรรจุสินค้าด้วย ซึ่งถือเป็นวิถีสโลว์ไลฟ์ของชาวสวนผึ้งที่น่าเลียนแบบ ซึ่งตลาดโอ๊ะป่อยนี้จะอยู่ริมลำธาร มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น โดยเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 07.00-14.00 น. มีทั้งของกิน ของใช้ และงานแฮนด์เมดขาย ปัจจุบันถือว่าเป็นตลาดที่กำลังฮิตที่สุดเลยก็ว่าได้
“ในส่วนของร้าน มอร์นิ่ง กลอรี่ เดอะ เบเกอรี่ เฮาส์ ของเอ๋นั้น (เปิดมาได้ 5 ปี) จะเป็นทั้งร้านขนมและร้านกาแฟ เบเกอรี่ในร้านเอ๋จะทำเองทั้งหมดเลย ทั้งขนมสไตล์อังกฤษ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ส่วนแกรนด์มา โอเว่น (เปิดได้ 2 ปี) จะเน้นขนมอบ โดยเป็นร้านที่อยู่ห่างจากร้านเดิมไป 7-8 กม. นอกจากนี้เอ๋จะนำขนมอบจากร้านแกรนด์มา โอเว่น ไปขายที่ร้านแกรนด์มา โอเว่น อิน เดอะ ฟอเรสต์ ที่ตลาดโอ๊ะป่อยด้วยค่ะ
เหตุผลที่เอ๋เลือกใช้วิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบนี้มาตั้งแต่แรก น่าจะเกิดจากพื้นฐานความชอบส่วนตัวของเอ๋เอง เพราะเอ๋เติบโตที่ต่างจังหวัด ชอบธรรมชาติ ชอบอากาศบริสุทธิ์ ไม่ชอบความวุ่นวาย ชอบเดินเล่นในช่วงเวลาค่ำๆ พอมองท้องฟ้าแล้วเห็นดาว เห็นพระจันทร์ได้ชัดเจน เพราะอยู่ในเมืองมันจะไม่ค่อยเห็น อีกอย่างเอ๋ชอบต้นไม้ ลำธาร และภูเขามาก จึงตั้งใจมาใช้ชีวิตที่สวนผึ้งเพราะมีทุกอย่างที่เราชอบเลยค่ะ อีกอย่างสวนผึ้งยังอยู่ใกล้นครปฐมและใกล้กรุงเทพฯ ด้วย ขับรถไม่นานก็ถึงแล้ว”
เอ๋เสริมว่า การได้มาอยู่ที่สวนผึ้งและมีจังหวะชีวิตที่ช้าๆ หน่อย ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระหรือพูดง่ายๆ ว่าสามารถออกแบบชีวิตของตัวเองได้ แถมยังสามารถแบ่งเวลาทำเรื่องที่ตัวเองชอบเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ได้อีกด้วย
“ทุกวันนี้พอตื่นนอน เอ๋มักจะออกกำลังกายด้วยการวิ่ง 5 กม. แถวๆ บ้าน ซึ่งมันช่วยส่งเสริมสุขภาพเราให้แข็งแรงด้วย ปัจจุบันนี้คนจะรู้จักเอ๋ในฐานะนักปั่นจักรยาน ซึ่งอยู่ในกลุ่มนางฟ้านักปั่น (Team Angel) โดยเอ๋เป็นคนตั้งกลุ่มนางฟ้านักปั่นนี้ขึ้นมา ซึ่งมีที่มาจากการที่เอ๋และเพื่อนๆ ทั้งหมด 5 คน ชอบออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และเมื่อผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อยากจะทำเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวของผู้หญิงโดยการปั่นจักรยานเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ของภาคกลาง พวกเราทั้ง 5 สาวจึงถูกเรียกมาถ่ายคลิปวิดีโอโปรโมทชุดนั้นและถูกเผยแพร่ไปทั่ว คลิปวิดีโอชุดนั้นชื่อว่า ‘นางฟ้าพาปั่น’ แม้จะชื่อทีมแองเจิล แต่บอกเลยว่าพวกเราปั่นกันจริงหรือปั่นแบบโหดๆ เลยค่ะ ตั้งแต่ปั่นจักรยานมา ปีนี้ก็เป็นปีที่ 6 แล้ว พูดได้ว่าสวนผึ้งกลายเป็นสถานที่ปั่นจักรยานแห่งใหม่ในราชบุรีไปแล้ว เนื่องจากอากาศดี แถมรถยังไม่ค่อยเยอะด้วย
มาถึงพาร์ตของการดูแลสุขภาพเรื่องการกินบ้าง ปัจจุบันเอ๋จะปลูกพืชผักสวนครัวกินเองด้วย มันเริ่มต้นมาจากตอนที่เอ๋วิ่งออกกำลังกายแล้วได้ไปเห็น ตำลึง ดอกอัญชัน ดอกขจร ฯลฯ ขึ้นตามธรรมชาติเยอะแยะมากมาย แรกๆ เอ๋ก็เก็บมาทำกับข้าวกินด้วย เพราะเป็นผักที่ปลอดภัย เก็บมาจากธรรมชาติ ไม่มีสารพิษและยาฆ่าแมลงเจือปน จากนั้นเอ๋ก็พัฒนาไปสู่ผักสวนครัวบางชนิดที่สามารถปลูกบนพื้นที่รอบๆ บ้านได้ โดยช่วยกันขุดแปลงผักกับแม่บ้าน แล้วนำเมล็ดพืชมาช่วยกันปลูก เช่น กะเพรา โหระพา รวมทั้งพริก และมะนาว ซึ่งส่วนใหญ่มันจะขึ้นเองเพราะเราโยนเมล็ดทิ้งไว้ นอกจากนี้ยังมีใบยี่หร่าและสะระแหน่อีกด้วย เรียกว่าแทบไม่ต้องซื้อผักกินเลยละ ดอกไม้ที่เราปลูกไว้ เช่น กุหลาบ ก็นำมาตกแต่งจานขนมในร้าน หรือนำมาทำแยมกุหลาบ เป็นต้น ทุกอย่างจะรดน้ำอย่างเดียว จะไม่ใส่ปุ๋ยหรือสารเคมีเลยค่ะ”
เอ๋เล่าอีกว่า เธอชอบบรรยากาศยามเช้าที่เวลาออกไปเดินหรือวิ่ง แล้วมักจะเห็นชาวบ้านนำข้องมาใส่ปลาที่พวกเขาจับได้ตามธรรมชาติ ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวกะเหรี่ยงที่มาตกปลาหากุ้ง ซึ่งเมื่อได้เห็นก็มีความสุขมากๆ เลยค่ะ
“ตั้งแต่ตัดสินใจมาอยู่ที่สวนผึ้ง ราชบุรี ถ้านับแบบอยู่จริงจัง ก็น่าจะไม่น้อยกว่า 8 ปีแล้วค่ะ ปัจจุบันเอ๋ก็ใช้ชีวิตอยู่กับแฟน ซึ่งเราทั้งคู่มีจุดหมายปลายทางร่วมกัน ว่าเราทั้งคู่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ โชคดีว่าได้มาเจอเพื่อนฝูงที่คอเดียวกัน ชอบวิถีสโลว์ไลฟ์เหมือนกัน ก็เลยมีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รู้จักกัน ซึ่งเรามักจะช่วยเหลือกันเสมอ เอ๋ว่ามันเป็นชีวิตที่มีความสุขมากๆ อีกอย่างการทำร้านเบเกอรี่และธุรกิจเล็กๆ อื่นๆ มันก็สามารถเลี้ยงชีพของเราได้ดี เพราะเรามีจุดแข็งตรงที่ว่าเบเกอรี่สไตล์ที่เราทำมันไม่เหมือนใคร เมื่อเราทำอะไรที่เป็นซิกเนเจอร์ของเราแล้วมีคนพูดถึง พวกเขาก็มักจะเดินทางมาชิมขนมที่ร้านทั้ง 3 ร้านของเราอยู่ตลอด
ที่จริงเอ๋ก็ไม่ได้เรียนทำเบเกอรี่มาก่อนเลยนะ แต่เอ๋จะชอบทำขนมกินเองและมักลองทำให้เพื่อนๆ กินด้วย เอ๋จึงศึกษาวิธีทำและศึกษารสชาติด้วยตัวเองจนสามารถคิดสูตรเบเกอรี่ของตัวเองได้ ระหว่างนั้นก็จะมีไปเรียนคอร์สทำขนมสั้นๆ จากเชฟฝรั่งเศสบ้าง อีกอย่างเอ๋ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่ซึ่งเปิดร้านเบเกอรี่ที่ดอยแม่สลองด้วย ก็เลยเป็นแรงผลักดันให้เราศึกษาเรียนรู้จนสามารถเปิดร้านเบเกอรี่ของเราเองได้อย่างทุกวันนี้”
เอ๋ทิ้งท้ายว่า ความสุขที่เกิดจากการเลือกใช้วิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ สำหรับเธอแล้วอยู่ที่ความพอดีในการใช้ชีวิต ไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาเงินเยอะก็สามารถอยู่ได้แบบพอเพียง สิ่งสำคัญคือมีชีวิตที่ดีและมีความสุข ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนแข่งขันกับคนมากมาย และไม่ต้องฝ่ารถติดไปทำงานทุกวันด้วย
“กิจกรรมที่เราทำทุกวันนี้ มันกลายเป็นงานของเอ๋ไปด้วยโดยปริยาย การที่เราได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักและอยู่กับมัน ทำให้เอ๋มีความสุข ทำไปยิ้มไป สิ่งนี้แหละมันคือวิถีชีวิตที่แท้จริงของเรา ไม่ได้ถูกบังคับ ทุกวันนี้พอตื่นขึ้นมาเอ๋ก็ลุกไปวิ่งแต่เช้า วิ่งเสร็จก็กลับมาอาบน้ำ จากนั้นก็เข้ามาทำงานในครัว ทำขนม คิดสูตรขนม เลี้ยงแมว ซึ่งเอ๋คิดว่าการมีวิถีชีวิตประจำวันแบบนี้มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว รู้สึกพอใจแล้ว สังคมรอบข้าง เพื่อนฝูงก็ดี ที่สำคัญสวนผึ้งยังเป็นเมืองที่ผู้คนน่ารัก ทุกคนจะช่วยเหลือกันจริงๆ รวมทั้งคนในชุมชนของหมู่บ้านก็ช่วยเหลือกันด้วยค่ะ”
ติดตามได้ที่ IG : aehglory FB : Pannasorn Patamapinunt 


