posttoday

สุขทุกข์อยู่ที่ใจ

24 ตุลาคม 2553

พล็อตหนังพูดถึงชีวิตคนมากมาย เกี่ยวข้องกันโดยเหตุบังเอิญ ซึ่งเหตุบังเอิญนั้นก็นำไปสู่สถานการณ์ขึงขัง กดดัน กระทั่งความอาฆาต ความตาย และการให้อภัย...

พล็อตหนังพูดถึงชีวิตคนมากมาย เกี่ยวข้องกันโดยเหตุบังเอิญ ซึ่งเหตุบังเอิญนั้นก็นำไปสู่สถานการณ์ขึงขัง กดดัน กระทั่งความอาฆาต ความตาย และการให้อภัย...

เรื่อง วิชช์ญะ ยุติ

เล็กเรียบแต่ให้ความหมายยิ่งใหญ่ในเชิงการค้นหาชีวิต

เราจะหาความสุขได้เช่นไร หากหัวใจยังไร้ความสมดุล

ความทุกข์จะไม่ห่างหายไปไกล ตราบใดที่ชีวิตยังไม่เสถียรพอ

สุขทุกข์อยู่ที่ใจ

รัก โลภ โกรธ หลง ยังจะเดินคู่ขนานเคียงข้างเราตลอดกาล ยอมรับและอยู่กับมันอย่างมีสติ นั่นละคือชัยชนะอันสำคัญ เพราะไม่ว่าจะสุขี ล้นปรี่ด้วยความหรรษา หรือทุกข์ระทม ร้อนดั่งไฟเผาไหม้ ทั้งหมดล้วนอยู่ที่ใจ

เหนืออื่นใด สิ่งที่จะทำให้ชีวิตข้ามพ้นกำแพงแห่งความมืดหม่นไปได้ ต้องรู้จักเอ่ยคำว่าอภัย โลกสดใส ชีวิตสดสวย ก็เพราะอภัยมานักต่อนัก

งานกำกับเต็มตัวเรื่องยาวเรื่องแรกโดยนักเขียนบทมือทองชาวเม็กซิกัน กิลเลอร์โม อาร์เรียร์กา ที่เคยฝากผลงานขั้นเทพอย่าง Amore Perros (ก็หนังแจ้งเกิด กาเอล การ์เซีย เบอร์นัล ไงจ๊ะ) 21 Grams และ Babel จนเป็นที่โจษขานฐานะหนังน้ำดี (ทั้ง 3 เรื่องกำกับโดย อาเลคันโดร กอนซาเลซ อีนาร์ริตู)

พล็อตหนังพูดถึงชีวิตคนมากมาย เกี่ยวข้องกันโดยเหตุบังเอิญ ซึ่งเหตุบังเอิญนั้นก็นำไปสู่สถานการณ์ขึงขัง กดดัน กระทั่งความอาฆาต ความตาย และการให้อภัย

การเล่าเรื่องนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน ตัดสลับไปมาระหว่างตัวละครและฉากต่างที่ จึงได้ความตื่นตา เพราะคาดไม่ถึงของภาพที่จะปรากฏ

หนังค่อนข้างสื่อความหมายด้านภาพได้ดี มุมกล้อง ระยะไกลใกล้ รวมทั้งรายละเอียดที่อยู่ในฉาก ช่วยสร้างบรรยากาศและความน่าเชื่อถือระดับที่น่าพอใจ

ใครที่ชอบหนังภาพสวย เรื่องนี้ไม่ผิดหวัง เพราะโลเกชันทุกที่สวยหมด ยิ่งเฉพาะป่าแล้งกลางทะเลทราย สวยจับจิตจริงๆ

สุขทุกข์อยู่ที่ใจ

จะว่าไป The Burning Plain มีความละม้ายคล้ายงานเขียนบทเรื่องก่อนๆ ของกิลเลอร์โมอยู่ไม่น้อย อิทธิพลจากความถนัดการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของผู้คนย่อมลามมาถึงงานกำกับตัวเอง และที่น่าจะเป็นจุดแข็งในหนัง ก็คือตัวละครมีความชิดใกล้กับคนดู พวกเขาเป็นคนธรรมดาที่ชีวิตเป๋ไปเป๋มาเมื่อเจอแรงปะทะ ดีชั่วปะปนกัน มีกิเลสตัณหา เฉกเช่นมนุษย์เดินดิน

นี่เองจึงอดคิดไม่ได้ที่จะบอกว่าบางทีคุณอาจจะ (กำลัง) เป็นหนึ่งในตัวละครนั้น

ตัวละครผู้หญิงกลายเป็นศูนย์กลางของหนังทั้งเรื่อง “ซิลเวีย” ผู้หญิงที่กำลังตามหารักแท้และหนีความจริงบางอย่างอยู่ “มาเรีย” สาวน้อยที่แสดงให้เห็นว่าสุดท้ายชีวิตต้องรู้จักอภัย “จีน่า” คุณแม่ลูก 4 ที่แอบเล่นชู้แต่หนีไม่รอดสายตาลูกสาว “มาเรียนา” สาวรุ่นผู้มีปมในใจ จึงประชดชีวิตด้วยการทดลองมีเซ็กซ์และระเบิดเพลิงแม่ตายคาอกชู้

ทีมนักแสดงมีส่วนอย่างมากในการถ่ายทอดบทบาทหนักหินนี้ให้ลุถึงเป้าหมาย ดาราออสการ์ ชาร์ลิซ เธอรอน ทุ่มเทสุดๆ ยอมเปลือยกายล่อนจ้อน อวดเรือนร่างแบบเปิดเผย เธอสวยเด่นเป็นสง่าสมราคาดาราตัวแม่ เธอทำหน้าที่ของผู้หญิงสับสนได้หมดจด ไพล่ให้นึกย้อนไปถึงงานดรามาเก่าๆ เจ๋งๆ Monster หรือ North Country แม้แต่ The Road ที่แค่โผล่มาแว็บๆ

คิม บาร์ซิงเจอร์ สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้ (น่าเสียดายที่อดปะทะฝีมือกับชาร์ลิซ) เชื่อสนิทใจว่าเธอคือผู้หญิงราคะเยอะ (ในสายตาคนอื่น) ที่พยายามตามหาสิ่งเติมเต็มหัวใจ ด้วยการแอบมีกิ๊ก บทนี้ส่งเธอโดดเด้งอย่างมาก

แน่นอนหนังไม่ลืมที่จะชูรสด้วยนักแสดงวัยทีน แม้จะเป็นแค่บทสมทบแต่ทั้ง เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ กับหนูน้อย เทสซา ลา ก็ยอดเยี่ยมเหลือเกิน พลังการแสดงของพวกเธอเสริมให้หนังเข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นทั้งคู่ปล่อยแสงในฉากโหด ฉากอาฆาต ฉากเสียน้ำตา ชนิดที่ต้องทึ่งกันไปเลย (บทแบบนี้ รินโกะ คิกุชิ เคยเล่นไว้ในหนัง Babel และเข้าชิงออสการ์มาแล้ว)

The Burning Plain
ปี 2008
ประเทศ สหรัฐอเมริกา/อาร์เจนตินา
ประเภท ชีวิต/รัก/อาชญากรรม
ความยาว 107 นาที
เรตติ้ง R (ภาษาและฉากเลิฟซีน)
ภาษา อังกฤษ/สแปนิช
กำกับ กิลเลอร์โม อาร์เรียร์กา
แสดงนำ ชาร์ลิซ เธอรอน/คิม บาร์ซิงเจอร์/เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์/เทสซา ลา

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์