posttoday

เคล็ดลับเลือก ‘หยก’ ให้ได้คุณค่าคู่ควร

20 ตุลาคม 2553

....สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

&<2288;

การซื้อขายหยกมักคิดเป็นราคาต่อชิ้น โดยราคาอาจขึ้นกับความพอใจและการเจรจาตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย หยกที่มีขนาดใหญ่กว่า หนากว่า เจียระไนหรือแกะสลักแบบที่ทำได้ยากกว่า มักมีราคาสูงกว่าหยกในคุณภาพสีเดียวกัน ที่มีขนาดเล็กกว่า บางกว่า เจียระไนแบบที่ง่ายกว่า

หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อหยก

1.สี หยกสีเขียว เช่น สีเขียวมรกต เขียวแอปเปิล เขียวแกมเหลือง เขียวแกมเทา ควรมีความเข้มของสีปานกลางหรือกึ่งเข้ม สีสม่ำเสมอกันทั่วทั้งเม็ด ไม่มีจุดแต้มหรือรอยด่าง บริเวณที่มีสีเขียวเข้มดำมักจะแกะสลักหรือเจียระไนให้บางมากที่สุด เพื่อช่วยให้มีความโปร่งใสสวยงามมากขึ้น และอาจขายได้ในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง ซึ่งเทคนิควิธีการเจียระไนและการเข้าตัวเรือนอาจทำให้ยากต่อการสังเกตและตรวจสอบ

2.ความโปร่งใส เนื้อหยกควรมีลักษณะโปร่งแสง กึ่งโปร่งใส และโปร่งใส ขึ้นกับปริมาณของแสงว่าส่องผ่านทะลุได้มากน้อยเพียงใด โดยความโปร่งใสนี้จะสัมพันธ์กับลักษณะเนื้อแร่ คือ ความละเอียดหรือความหยาบของผลึกแร่ที่เกาะประสานกันในเนื้อ หยกที่มีเนื้อเป็นผลึกแร่เล็กละเอียดประสานกันแน่นมักมีความโปร่งใสมาก ส่วนหยกที่มีเนื้อเป็นผลึกแร่ค่อนข้างใหญ่ หยาบ เนื้อประสานกันได้ไม่ดี มักไม่ค่อยมีความโปร่ง ดังนั้นควรเลือกซื้อหยกที่ความโปร่งใสมากกว่าในกรณีที่หยกมีสีเดียวกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบระหว่างหยกที่มีสีสดสวย แต่ไม่ค่อยมีความโปร่งใส กับหยกที่มีความโปร่งใสสูง แต่มีสีไม่ค่อยสวย ควรจะเลือกซื้อหยกที่มีสีสวยกว่า ซึ่งก็คือต้องพิจารณาที่สีเป็นปัจจัยแรก

3.ความวาว เหมือนขี้ผึ้งหรือน้ำมัน มองดูนุ่มนวลเหมือนปุยนุ่น ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของหยกเนื้อละเอียดที่มีความโปร่งใสบ้าง แต่หากมีความวาวเหมือนแก้วจะถือเป็นหยกคุณภาพดี เนื้อละเอียด มีความโปร่งใสสูง ซึ่งค่อนข้างหาได้ยาก

4.ความสะอาด พิจารณาจากตำหนิ มลทินต่างๆ เช่น ลักษณะรอยแตกร้าว รอยปะ รอยขีดข่วนต่างๆ ลักษณะจุดสี หย่อมสี หรือรอยด่างของสี (ขาวหรือดำ) เป็นต้น ควรเลือกซื้อหยกที่มีตำหนิน้อยที่สุดนั่นเอง

5.การเจียระไน ขัดมัน และการแกะสลัก ดูความคงทนถาวร ความกลมกลืน ความสมบูรณ์ของรูปแบบ สัดส่วน ความสมดุล และความมีเอกภาพของรูปแบบ ซึ่งอาจขึ้นกับรสนิยมทางศิลปะของแต่ละบุคคล แต่ละยุคสมัยด้วย เช่น กำไลหยก ควรมีความหนาอย่างน้อยประมาณขนาดมวนบุหรี่โดยทั่วไป ซึ่งอาจช่วยให้ลดโอกาสของการแตกได้บ้าง

6.หยกปรับปรุงคุณภาพ ในปัจจุบันมีวิธีการปรับปรุงคุณภาพหยกในเรื่องของสีเป็นส่วนใหญ่ เช่น ย้อมสี อัดเคลือบสารโพลีเมอร์ หรือทั้งย้อมสีและเคลือบสารโพลีเมอร์ เป็นต้น การย้อมสีส่วนใหญ่มักย้อมเป็นสีเขียวหรือม่วง หรือสีอื่นๆ เช่น สีน้ำตาล สีเหลือง

การย้อมสีหยกมีเทคนิคต่างๆ ที่ทันสมัย ซึ่งอาจให้สีที่คงทนถาวรหรือไม่ก็ได้ ในตลาดค้าหยกจะเรียกหยกที่ผ่านการย้อมสีว่า Cjade และบางครั้งก็ยากเกินกว่าที่จะตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า ส่วนการอัดเคลือบสารโพลีเมอร์หลังจากการแช่ในกรดเพื่อทำให้เนื้อสะอาดขึ้นและมีผิวมันวาวสวยงาม ในตลาดจะเรียกว่า Bjade การตรวจสอบด้วยตาเปล่าทำได้ค่อนข้างยาก นอกจากนี้ยังมีการเคลือบผิวด้วยน้ำมันบางอย่างเพื่อให้ดูแวววาวเกินจริง ทำให้ดูสวยงามน่าซื้อ

7.หยกเทียม เป็นพลอยหรือหินชนิดอื่นๆ มาหลอกขายเป็นหยก ที่พบบ่อยมากจะเป็นแร่ควอตซ์ชนิดเนื้อละเอียด (Chalcedony) ย้อมสีเขียวหรือสีอะเวนจูรีนควอตซ์ (Aventurine Quartz) นอกจากนี้ยังมีแก้ว พลาสติก ทำสี ย้อมสีแล้วอัดด้วยความดันสูงให้เหมือนหยก

การตรวจสอบหยกเทียมต่างๆ เหล่านี้อาจต้องใช้ความรู้ทางอัญมณีศาสตร์ช่วย

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2