สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ‘ปีนหน้าผา’ กีฬาที่ต้องเอาชนะใจตัวเอง
กีฬาปีนผา เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในบ้านเรามากขึ้นเรื่อยๆ
เรื่อง : ธนพล บางยี่ขัน
กีฬาปีนผา เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในบ้านเรามากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดนักกีฬาไทยสามารถคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันระดับเอเชียได้ครั้งแรก ในรายการ “เอเชียน คัพ แบงค็อก 2018” ซึ่งถือเป็นการกรุยทางขยับเป้าหมายสู่รายการระดับโลกต่อไป
กว่าจะมาถึงวันนี้ สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาศัยช่วง “พักยกการเมือง” หลังรัฐประหารเข้ามาทำงานในฐานะนายกสมาคมกีฬาปีนหน้าผาแห่งประเทศไทย เล่าให้ฟังว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
“เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาท่ามกลางความขาดแคลน จากเดิมที่เราไม่มีทั้งสนามที่เป็นมาตรฐาน บุคลากรด้านกีฬาปีนหน้าผาก็แทบไม่มี ทั้งผู้ตัดสิน ผู้ฝึกสอน นักกีฬา มีระดับร้อยต้นๆ แต่ศักยภาพเด็กไทยมีทักษะด้านปีนป่าย ขณะที่อิหร่านมีสนามซ้อมเป็นร้อย อินโดนีเซียมีเกือบทุกเกาะ”
ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการกีฬาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี และปริญญาโท ด้านพลศึกษา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านประสบการณ์ทั้งนักกีฬา โค้ช ผู้ฝึกสอนโค้ช ซึ่งได้นำเอาความรู้ที่สั่งสมมาช่วยพัฒนากีฬาปีนหน้าผาบ้านเรา
จากความไม่มีอะไรเลย นำไปสู่การสร้างสนามเพื่อจะได้ฝึกนักกีฬา สร้างที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่ ซึ่งเป็นสนามที่ได้มาตรฐานสนามแรก ต่อมามีการซ่อมหน้าผาที่เคยใช้ในอาเซียน บีช ภูเก็ต และรื้อมากองไว้ที่ใต้ถุนสนามราชมังคลากีฬาสถาน ให้ใช้ได้ดีกว่าวางไว้เฉยๆ
ก่อนจะพยายามสร้างแมตช์การแข่งขัน ทั้งระดับเยาวชนที่บรรจุกีฬาปีนหน้าผาในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬามหาวิทยาลัย แต่ระดับกีฬาแห่งชาติยังติดที่ไม่มีนักกีฬาที่หลากหลายพอจะส่งได้ในหลายจังหวัด รวมทั้งสนามแข่งขันก็มีราคาสูง ทำให้ระหว่างนี้ต้องใช้วิธีส่งเด็กไปแข่งขันต่างประเทศเพื่อสะสมประสบการณ์
ด้วยความชอบส่วนตัว สมบูรณ์เริ่มหัดปีนหน้าผาในช่วงที่เริ่มมาเป็นนายกสมาคม แม้อายุจะเกิน 50 ปี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนหนึ่งเพราะทักษะพื้นฐานมนุษย์เคลื่อนไหว เดิน วิ่ง คลาน กระโดด ปีน ไต่ อยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาคนไทยมีความกลัว รู้สึกลูกอย่าปีน เดี๋ยวตกลงมาแข้งขาหัก
“เด็กๆ ผมเป็นเด็กปีนมะพร้าวอยู่แล้ว ยิ่งกีฬาปีนหน้าผามีความปลอดภัย เชือกเส้นหนึ่งรับน้ำหนักได้ 2,000 กิโลกรัม เพียงแค่ต้องสู้กับความกลัว เหมือนคนกลัวผีก็ปล่อยวัดให้เผชิญหน้ากับผี คนกลัวความสูงก็มาฝึกปีนหน้าผา ที่จะต้องต่อสู้กับความกลัว ไปถึงจุดหนึ่งก็คิดว่าอยากขึ้นไปสูงอีกสักเมตร พอผ่านจุดนั้นไปได้ก็มีความสุขมาก”
นายกสมาคมกีฬาปีนหน้าผา เล่าให้ฟังถึงหลักคิดที่ได้จากกีฬาชนิดนี้ว่า หากอยากรู้ว่าข้างบนมีอะไรก็ให้ปีนขึ้นมาดู และสอนว่า
“แม้จะปีนสูงแค่ไหนก็อย่าลืมแผ่นดินที่อยู่คือข้างล่างมีคนช่วยซัพพอร์ตป้องกันอันตรายให้เรา สอนให้รู้จักกตัญญูคนเป็นปรัชญาที่น่าคิดมาก”
แน่นอนว่ากีฬาชนิดนี้ ส่วนหนึ่งร่างกายก็ต้องแข็งแรง แต่ไม่ใช่เรื่องของร่างกายทั้งหมด เป็นการใช้จิตใจ คิดเส้นทางในการไต่ไปตามปุ่มหิน
“ทำยังไงให้เสียแรงน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งหากเราใช้มือดึงตัวเองอย่างเดียวก็ต้องใช้ต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก ต่อสู้กับน้ำหนักตัวเอง แต่หากใช้วิธีเหยียบก้อนหิน ดันตัวขึ้นไปก็จะง่ายกว่า”
ดังนั้น กีฬาปีนเขาไม่ยาก สมบูรณ์ ชี้ว่า อายุมากแค่ไหนก็มาปีนหน้าผาได้ หรือแม้แต่เด็กตั้งแต่ 10 ขวบ ก็มีรายการแข่งขันแล้ว คน 60-70 ปี ก็ยังปีนหน้าผากันได้ รวมไปถึงคนพิการก็มีการแข่งขันพาราไคลม์บิ้ง
“แค่เริ่มแรกเราอาจต้องสู้กับความกลัว ไม่ค่อยเชื่อหรอกว่า คุณจะเซฟเราปลอดภัย เชือกรับน้ำหนักตัวได้จริงไหม? แรกๆ ก็ปีนยากหน่อย เราไม่รู้หลักเรื่องการใช้แรง แต่หลังๆ ให้โค้ชสอน ควรวางมือยังไง ก้อนหินมีทั้งเหลี่ยม มน จับง่ายจับยากยังไง ต้องเอาตัวแนบกำแพง มีเทคนิควิธี เดิมปีนสูงสิบกว่าเมตรอ่อนแรง ก็พัฒนาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ปีนี้ตั้งใจจะปีนหน้าผาจริงให้ได้ท็อปสูงสุด 15-16 เมตร”
สำหรับความแตกต่างระหว่างปีนหน้าผาจำลองกับหน้าผาจริง อดีต สส.ตรัง แจงว่า อยู่ที่หน้าผาจริงอาจดูน่ากลัวกว่า ส่วนหน้าผาจำลองจะดูปลอดภัยกว่า
“หน้าผาจริงจะมีเรื่องของห่วงคล้องที่มีสภาพอายุการใช้งานไม่รู้ว่าใช้งานมาแค่ไหน หน่วยงานดูแลก็ไม่รู้หน่วยงานไหน เขตอุทยานแห่งชาติจะให้อุทยานฯเป็นผู้ดูแลหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มทำธุรกิจสอนปีนหน้าผาช่วยดูเรื่องอุบัติเหตุ หากปีนหน้าผาถูกหลักวิชาการนี่แทบไม่มีอุบัติเหตุ เพราะนักกีฬาก็ต้องเซฟตัวเอง ห่วงนี้ไม่มั่นคงเขาคงไม่เสี่ยง ก็ไปหาหาวิธีซ่อมปรับปรุง มีคนที่มีจิตอาสาเยอะ ปีนเสร็จก็ซ่อมสร้างเส้นทางจนเขาเรียกเป็นเส้นทางของเขาเอง ตั้งชื่อยีเมอร์ 18 คือเป็นเส้นทางของนายยีเมอร์ตอนนี้ที่กระบี่มีเป็นร้อยๆ เส้นทาง”
สมบูรณ์ บอกว่า ส่วนตัวเขาไม่เคยประสบอุบัติเหตุ นักกีฬาส่วนใหญ่จะมีก็แค่ถลอก ครูดก้อนหิน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่แบบตกลงมาแขนขาหักนี่ไม่เคย
“ส่วนใหญ่นักกีฬาต้องฝึกทักษะการตกที่จะมีแรงเหวี่ยงของเชือกเข้าหาหน้าผา ต้องเอาเท้าผ่อนแรง ต้องฝึกทำยังไงเวลาโรยตัวลงมา ดังนั้นคนคิดจะเล่นกีฬานี้ไม่ต้องกังวล เสน่ห์ของกีฬานี้คือการต่อสู้ แก้โจทย์ได้มีความสุข แต่ควรมีผู้ดูแลที่มีความรู้สักนิด”
ปัจจุบัน สมบูรณ์ใช้ความรู้ประสบการณ์ทางด้านกีฬา ด้านการฝึกสอนมาช่วยพัฒนากีฬาปีนหน้าผา อย่างแค่วิธีการคิด เดิมทีนักกีฬาไปแข่งตามแมตช์ต่างๆ จะเครียด สุดท้ายก็ทำผลงานได้ไม่ดี แต่พอบอกให้ลองเปลี่ยนวิธีคิดมีความสุขกับการปีนหน้าผา
“พอไม่เครียด มีความสนุกก็ทำให้ผลงานดีขึ้น อย่างเด็กลูกครึ่งเนเธอร์แลนด์คนหนึ่ง อายุ 13 ปี อีกคน 17 ปี ที่พ่อแม่พามาฝึก พอเล่นด้วยความสนุกก็พัฒนาไว เดือนหน้าจะพาไปแข่งที่รัสเซีย ทุกอย่างต้องเริ่มจากความสุข” 


