posttoday

พระครูพิพัฒน์วิทยาคม (เจริญ) ผู้สืบสานตำราวิทยาคมผึ้งพันน้ำมันหมื่นแบบอีสาน

27 ธันวาคม 2552

โดย...สมาน สุดโต

โดย...สมาน สุดโต

พระเกจิอาจารย์ทางภาคอีสานที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนี้ไม่มีเกจิรูปใดเทียบทานพระครูพิพัฒน์วิทยาคม (หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตฺโต) ท่านเป็นที่เคารพนับถือและยอมรับในวงการมาก เพราะเป็นผู้หนึ่งที่ผู้ศึกษาและสืบสานตำราวิทยาคมโบราณ เช่น ผึ้งพันน้ำมันหมื่น เป็นต้น จึงได้รับนิมนต์ให้เป็นเจ้าพิธีสำคัญๆ ที่เน้นพิธีอีสานโบราณเสมอ รวมทั้งเป็นเจ้าพิธีในพิธีเถราภิเษกฮดสรงและสืบชะตา สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ หนึ่งในคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ วันที่ 28-29 ธ.ค. 2552 นี้

นอกจากเป็นเจ้าพิธีดังกล่าว ยังเป็นเจ้าพิธีในพิธีพุทธาภิเษก แบบอีสานโบราณอีกด้วย

ท่านพระครูรูปนี้เป็นใคร ทำไมจึงเป็นที่ยอมรับตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่มๆ คำตอบนี้ทางวัดสัมพันธวงศ์ได้รวบรวมไว้ดังนี้

พระครูพิพัฒน์วิทยาคม (เจริญ) ผู้สืบสานตำราวิทยาคมผึ้งพันน้ำมันหมื่นแบบอีสาน

ประวัติโดยสังเขป
นามเดิม เจริญ นามสกุล สารักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 7 เดือนมิ.ย. ปีพ.ศ. 2504 ที่บ้านหนองวัวซอ จ.อุดรธานี บิดาเดิมเป็นชาวอุบลราชธานี ชื่อนายสงวน สารักษ์ มารดาเป็นชาวบ้านเชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ชื่อนางฮวด สารักษ์ เชื้อสายทางบิดาเป็นชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิด เกี่ยวพันเป็นลูกหลานเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ และหลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน จ.หนองบัวลำภู มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 10 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 2 คน เป็นคนที่ 6
บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบุญญานุสรณ์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

มีพระครูประสิทธิ์คณานุการ อดีตเจ้าคณะอำเภอหนองวัวซอ ธรรมยุต เป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะเป็นสามเณรได้สนใจศึกษาหัดอ่านเขียนคัมภีร์ใบลานอักษรธรรมอีสานกับพ่อใหญ่มั่นผู้เฒ่าที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งสามารถอ่านเขียนและจารอักษรธรรมอีสานได้ และท่านผู้นี้เป็นฆราวาสที่มีอาคมด้วย จึงได้เรียนอักษรธรรมและอาคมบ้างพอประมาณ ต่อมาจึงสามารถอ่านเขียนอักษรธรรมล้านนา และอักษรไทยน้อยได้จนแตกฉาน และสามารถจารหนังสือใบลานได้ตั้งแต่บรรพชาไม่ถึง 2 พรรษา

เรียนพุทธาคม
ความที่ไม่เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านจึงนับถือภูตผีปีศาจ จึงศึกษาถึงที่มาที่ไปจนผ่านไปหลายปี จึงทราบได้ว่าพระพุทธเจ้าทรงให้เลิกนับถือสิ่งเหล่านั้นและให้ถือพระรัตนตรัยแทน จึงเริ่มสนใจในวิชาพุทธาคมและเริ่มศึกษาควบคู่ไปกับการศึกษาข้อความในคัมภีร์ ซึ่งต่อมาทำให้เป็นผู้มีความรอบรู้ในเรื่องพระคัมภีร์อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระสูตร เรื่องราวในทางธรรมะต่างๆ ตำรายาแผนไทยโบราณ ตำราดวงชะตา ตำราลงอักขระปลุกเสกต่างๆ ซึ่งได้ศึกษาพอประมาณ ต่อมาจึงได้ถวายตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์สมพงษ์หรือพระธรรมสังวร วัดพระพุทธบาทบัวบก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เรียนวิชาลงตะกรุดโทนและวิชารักษาคนผู้ถูกมนตร์ทำร้าย เป็นต้น  และอาศัยอยู่กับหลวงปู่โถน พระครูสถิตธรรมรัตน์ วัดโสกแจ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ได้เรียนวิชาลงตะกรุดหกกษัตริย์ และกบตายคารู และลงนะหน้าทอง และอีกหลายอย่าง เป็นสามเณรอุปัฏฐากอยู่กับหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู เป็นต้น

เมื่ออายุ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดป่าสามัคคีอุปถัมภ์ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย โดยมีพระครูสิริธรรมวัฒน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินัยกิตติโสภณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูสุนทรนวกิจ วัดอรุณรังษี เป็นพระอนุสวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ฐานยุตฺโต” ในคณะธรรมยุต

เมื่ออุปสมบทแล้วได้ไปจำพรรษาอยู่กับพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่เมตตาหลวง) วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลวงปู่ให้เรียนเอาวิชาเมตตาหลวง ตำราเลขยันต์ คาถาลงตะกรุดโทน แคล้วคลาด ยันต์ตรีนิสิงเห และสอนให้บริกรรมธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ นะ มะ พะ ทะ หลายปีต่อมาขณะจำพรรษาอยู่วัดป่าพรรณานิคม ได้พบหลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก จ.สุรินทร์

เมื่อหลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน จ.หนองบัวลำภู มรณภาพลง ได้มางานพระราชทานเพลิงศพท่าน และได้รับนิมนต์ให้อยู่ต่อ ต่อมาพระครูพุทธศาสโนวาท (ชาลี) เจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง (ชื่อวัดในขณะนั้น) ถึงแก่มรณภาพลง จึงได้อยู่ช่วยงานศพจนแล้วเสร็จ ชาวบ้านจึงอาราธนาให้จำพรรษาที่วัดนั้น และขอให้ช่วยพัฒนาวัดด้วยเพราะเป็นวัดในอำเภอบ้านเกิด จนกระทั่งได้รับแต่งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ต่อมาเปลี่ยนชื่อวัดศรีสว่างเป็นวัดโนนสว่าง และจำพรรษาอยู่จนปัจจุบัน ตั้งแต่มาช่วยพัฒนาอารามแห่งนี้ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
เนื่องด้วยได้ศึกษาด้านพุทธาคมจนแตกฉาน เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ปีพ.ศ. 2537 จึงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระครูสัญญาบัตรในชื่อ “พระครูพิพัฒน์วิทยาคม”

พระครูพิพัฒน์วิทยาคมก็ได้ใช้สรรพวิชาพุทธาคมที่ได้เล่าเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณรช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านและพุทธศาสนิกชนทั่วไปตามกำลังที่มี ส่วนการสร้างวัตถุมงคลและปลุกเสกวัตถุมงคลนั้นได้ทำตามตำรับวิชาผึ้งพันน้ำมันหมื่น จนทำให้วัตถุมงคลเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ควรแก่การนำไปสักการบูชา

พระครูพิพัฒน์วิทยาคม (เจริญ) ผู้สืบสานตำราวิทยาคมผึ้งพันน้ำมันหมื่นแบบอีสาน เหรียญรุ่นเทวานิมิต ด้านหน้า

พระครูพิพัฒน์วิทยาคม (เจริญ) ผู้สืบสานตำราวิทยาคมผึ้งพันน้ำมันหมื่นแบบอีสาน ด้านหลัง

สืบสานอาคมอีสานโบราณ
ในการปลุกเสกวัตถุมงคลของพระครูพิพัฒน์วิทยาคม ในขณะปลุกเสกนั้น จะต้องนั่งบนอาสนะที่หล่อด้วยขี้ผึ้งแท้หนัก 4 หมื่น หรือ 48 กิโลกรัม และบริกรรมธาตุและพระคาถาด้วยลูกประคำงาช้างจำนวน 216 ลูก และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้คือ ครุภัณฑ์ ซึ่งก็คือเครื่องบูชาพระรัตนตรัยชุดใหญ่ อันประกอบด้วยเครื่องบูชาตามตำรับโบราณหลายชนิด เช่น เครื่องพัน หมายถึงจำนวนละพันชิ้นและน้ำมันหมื่น อันได้แก่น้ำมันหลายชนิด เช่น น้ำมันงา หรือน้ำมันยางแบบโบราณแท้ ซึ่งทั้งหมดทั้งนั้นก็คือเครื่องบูชาพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตั้งแต่สมัยโบราณ
กล่าวกันสืบๆ มาว่า ครูบาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมสายอีสานโบราณจนถึงผู้ทรงวิทยาคมทางฝั่งลาว หากจะเรียนสรรพวิทยาคมต่างๆ หรือจะลงประจุคาถาอาคมลงในวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นนั้น ต้องแต่งเครื่องบูชาด้วยเครื่องบูชาที่เรียกว่า ผึ้งพันน้ำมันหมื่น เมื่อแต่งเครื่องบูชาแล้วจึงเริ่มทำพิธีมหาพุทธาภิเษกและลงประจุอาคม ที่สำคัญต้องกระทำการในวันบุญมหาชาติเท่านั้น จึงจะได้วัตถุมงคลที่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังมีอานุภาพเต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ

ผึ้งพันน้ำมันหมื่น
ผึ้งพัน ประกอบด้วยเทียนขี้ผึ้งแท้หนึ่งพันเล่ม ธูปพันดอก เมี่ยงหมากพันชุด บุหรี่พันมวน ดอกไม้ประกอบด้วย ดอกผักตบ ดอกบัวหลวง ดอกอัญชัน ดอกปีบ (ดอกก้านของ) ดอกโสน (ใช้ลำโสนมาแต่งเป็นดอกไม้) ดอกคัดเค้า ขันบายศรี ข้าวเหนียวปั้นพันก้อน กรวยกระทงใบฝรั่งพันกรวย เงินพันบาท ธงช่อ ธงหาง ข้าวคั่วตอกแตก จัดให้ได้อย่างละพัน และมีอีกหลายชนิดที่ไม่ขอกล่าวถึง

น้ำมันหมื่น โบราณใช้น้ำมันยาง หรือน้ำมันงาหนักหนึ่งหมื่นใส่กระปุกหรือขวดแก้ว ทุกอย่างที่กล่าวใส่ลงในภาชนะพานโตก หรือภาชนะจักสานขนาดใหญ่ ส่วนเทียนขี้ผึ้งห่อรวมกันไว้ด้วยผ้าขาวแล้วพันด้วยด้ายฝ้ายดิบสีขาว ทุกอย่างรวมเรียกว่า ครุภัณฑ์ เป็นเครื่องบูชาพระพุทธเจ้า นี่คือที่มาของคำว่า ผึ้งพันน้ำมันหมื่น ที่พระครูพิพัฒน์วิทยาคมใช้เป็นเครื่องบูชาพระธรรมในการพิธีพุทธาภิเษกของวัดโนนสว่างตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน

พิธีพุทธาภิเษกของวัดโนนสว่างนั้น จะมีตำราสวดพุทธาภิเษกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพระครูพิพัฒน์วิทยาคม เป็นสมุดไทย 1 ชุด มีจำนวน 4 เล่มใหญ่ มีชุดที่เป็นอักษรธรรมเขียนด้วยลายมือท่านเอง และชุดที่พิมพ์ด้วยอักษรไทย ซึ่งเนื้อหาจะประกอบด้วยพระคาถามากมายเป็นเอกลักษณะเฉพาะ

จึงสรุปได้ว่าพิธีพุทธาภิเษกจะต้องดำเนินไปด้วยความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ และถูกต้องตามระเบียบแบบแผนตามแนวทางของผู้ทรงวิทยาคมอีสานโบราณ

ในโอกาสที่ท่านรับนิมนต์มาเป็นเจ้าพิธีในพิธีพุทธาภิเษก พิธีเถราภิเษกหรือฮดสรง และสืบชะตา สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร ป.ธ.9) ที่อุโบสถวัดสัมพันธวงศ์ วันที่ 28-29 ธ.ค. 2552 จึงเชิญท่านที่เลื่อมใสศรัทธา และพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธีเพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว โดยพร้อมเพรียงกันทุกท่านเทอญ

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68