เปิดตัวทายาทหม่อนไหมแพรวาผู้สืบสานงานหัตถศิลป์สนใจทอผ้ามาตั้งแต่9ขวบ

หนุ่มทายาทหม่อนไหมสนใจงานทอผ้าแพรวามาตั้งแต่9ขวบ โดยมีแม่เป็นครูสอน ดีกรี3ผลงาน3รางวัลชนะเลิศศผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน ประจำปี61

ที่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 2 บ้านม่วงคำ ต.โนนศิลา อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นางวันเพ็ญ เต็มรัตน์ นายอำเภอสหัสขันธ์ พร้อมด้วยนางคำสอน สระทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์-ทอผ้า) นางณฐอร การถัก ปลัดเทศบาลต.โพน นางกัลยา จรเอียด เกษตรอ.สหัสขันธ์ นายวิทวัส โสภารักษ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวฯอ.สหัสขันธ์ และประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับนายสุเทพ ขวัญเผือก ผู้อำนวยการอนุรักษ์และตรวจสอบมาตรฐานหม่อนไหม และคณะกรรมการการคัดเลือกทายาทหม่อนไหมระดับประเทศ ประจำปี 2561 เพื่อดำเนินการคัดสรรและเลือกบุคคลที่เหมาะสมเป็นทายาทหม่อนไหมในชุมชน

นางวันเพ็ญ เต็มรัตน์ นายอำเภอสหัสขันธ์ เปิดเผยว่า การสืบสานวัฒนธรรมการทอผ้าไหมแพรวาในพื้นที่ต.โนนศิลา ทราบว่าเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีการทอผ้าไหมแพรวามาช้านานมีครัวเรือนที่ทอผ้าไหมแพรวาเฉพาะที่บ้านม่วงคำ มีกว่า 30 ครัวเรือน เป็นการรวมกลุ่มกันของคนในชุมชน โดยมีคนรุ่นใหม่คือ นายวิทวัส โสภารักษ์ หรือน้องเดี่ยว ที่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 2 บ้านม่วงคำ ต.โนนศิลา อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เยาวชนในชุมชน ผู้สืบสานงานหัตถศิลป์ จากบรรพบุรุษ ผ่านรางวัลชนะเลิศผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน ประจำปี 2561 ประกอบด้วย รางวัลผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานสีทอง ประเภทผ้าไหมแพรวา (สีธรรมชาติ) ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานสีน้ำเงิน ประเภทผ้าแพรวา (สีเคมี) และผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานสีน้ำเงิน (สีธรรมชาติ) ประเภทผ้าไหมแพรวา ซึ่งเป็นการจัดประกวดโดยกรมหม่อนไหม เป็นความภาคภูมิใจของชาวอำเภอสหัสขันธ์ และจ.กาฬสินธุ์ และเป็นต้นแบบของการเรียนรู้ของชุมชนในการขับเคลื่อนภูมิปัญญาโดยคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด และเป็นแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ในชุมชน

นายวิทวัส โสภารักษ์ หรือน้องเดี่ยว กล่าวว่า เริ่มทอผ้าไหมไหมแพรวามาตั้งอายุ 9 ขวบ ครูคนแรกคือแม่ ที่สอนการทอผ้าไหมแพรวา ในภาพจำสมัยเด็ก เราเห็นชุมชนทอผ้าที่ใต้ถุนบ้านกันทุกหลังช่วยกันย้อมไหม ช่วยกันทอสอนลูกสอนหลานให้รู้จักการทอผ้าไหมแพรวา แต่จนมาสู่ช่วงหนึ่งตามยุคสมัยพบว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกับเราไม่ได้สนใจการทอผ้าไหมแพรวาเลยทั้งที่เป็นงานหัตถศิลป์ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษในพื้นถิ่นและกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เรารักผ้าไหมแพรวามากยิ่งขึ้น ซึ่งการเข้าไปศึกษากับชุมชนบ้านโพน เพื่อดูกรรมวิธีการทอ การย้อม และศึกษาช่องทางการตลาดควบคู่กันไป โดยส่วนตัวจะทอผ้าไหมแพรวาแบบลายโบราณมากกว่าลายสมัยใหม่ ขณะที่การจำหน่ายผ้าไหมแพรวามีลูกค้าประจำที่ติดตามผลงานมาเลือกซื้ออยู่ตลอดขณะที่การออกตลาดขายตามงานเทศกาลต่าง ๆ ยังพบว่าผ้าไหมแพรวาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายอีกทั้งยังสามารถจำหน่ายได้ราคาแม้ว่าบางผืนจะมีราคาถึง 6 หลักก็ยังขายได้.