posttoday

กึกก้องกังวาน ตำนาน โพน

16 ตุลาคม 2553

“จะร้อยพันแม้นหมื่นเสียงตะโกน ฤๅจะสู้เสียงแข่งโพนที่เมืองลุง” คำพูดนี้ใครได้ฟังแล้วคงอยากได้ยินเสียงโพนว่าจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน

“จะร้อยพันแม้นหมื่นเสียงตะโกน ฤๅจะสู้เสียงแข่งโพนที่เมืองลุง” คำพูดนี้ใครได้ฟังแล้วคงอยากได้ยินเสียงโพนว่าจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน

เรื่อง/ภาพ : พงษ์ไทย วัฒนาวณิชย์วุฒิ

กึกก้องกังวาน ตำนาน โพน

“จะร้อยพันแม้นหมื่นเสียงตะโกน ฤๅจะสู้เสียงแข่งโพนที่เมืองลุง” คำพูดนี้ใครได้ฟังแล้วคงอยากได้ยินเสียงโพนว่าจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน

โพน เป็นคำท้องถิ่นของชาวพัทลุง ใช้เรียกเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายกลองทัด ตัวโพนทำด้วยไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ตาลโตนด ไม้ขนุนป่า หรือไม้จำปาปีก แบ่งเป็น 3ขนาด ตามความกว้างของเส้นผ่าศูนย์กลาง ขนาดเล็กกว้างไม่เกิน 38 เซนติเมตร ขนาดกลางกว้างไม่เกิน 48 เซนติเมตร และขนาดใหญ่กว้างกว่า 48 เซนติเมตรขึ้นไป มีขา 3 ขา เสียงแบ่งออกเป็นเสียงทุ้มและเสียงแหลม หน้าโพนใช้หนังวัวหรือหนังควายหุ้มขึงไว้ทั้งสองด้าน แล้วใช้ไม้โพนที่กลึงจากไม้เนื้อแข็งมาตี จะเกิดเสียงดังกังวาน

เดิมทีโพนจะมีใช้อยู่ตามวัดไว้สำหรับตีเพื่อบอกเวลาทำวัตร ฉันเพลหรือให้สัญญาณการเรียกประชุมของชาวบ้านในละแวกนั้น นอกจากนี้โพนยังถูกนำมาใช้ในงานประเพณีสำคัญต่างๆ เช่น ประเพณีลากพระ งานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของชาวใต้ที่นิยมจัดกันเกือบทุกจังหวัดในช่วงวันออกพรรษาของทุกปี โดยในงานจะมีการลากพระ แล้วตีโพนเพื่อให้จังหวะแก่ขบวนลากพระของแต่ละวัด ซึ่งแต่ละวัดก็จะตีประชันกัน เพื่อให้รู้ว่าโพนที่หุ้มใหม่และใช้ในงานลากพระของวัดไหนมีเสียงดังกว่ากัน

คนพัทลุงมีความเชื่อว่า โพนเป็นสิ่งมงคลและศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะในประวัติของโพนทั้ง 9 ลูก ซึ่งเดิมอยู่ตามวัดต่างๆ ทั่วทั้งจังหวัด ต่อมาได้นำโพนทั้ง 9 นี้ มารวบรวมไว้ในเขต อ.เมือง ตามวัดต่างๆ เพื่อให้ผู้เดินทางมายังเมืองพัทลุงได้มีโอกาสไปไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล

ลูกที่ 1 โพนก้องฟ้า วัดอินทราวาส (วัดท่ามิหรำ)

กึกก้องกังวาน ตำนาน โพน

ลูกที่ 2 โพนพสุธาสนั่น ภายในสวนกาญจนาภิเษก

ลูกที่ 3 โพนขวัญเมือง อยู่หน้าศาลาจตุรมุข

ลูกที่ 4 โพนเรืองเดชา อยู่ในสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

ลูกที่ 5 โพนมหามงคล อยู่ที่ลานหน้าเขาวังเนียง

ลูกที่ 6 โพนมนต์เทวัญ อยู่ที่ศูนย์ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ

ลูกที่ 7 โพนอนันตชัย อยู่ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9

ลูกที่ 8 โพนพิชิตไพรี อยู่ที่ถ้ำมาลัยเทพนิมิตร

ลูกที่ 9 โพนศรีไพศาล อยู่ที่หาดแสนสุขลำปำ

ประวัติการแข่งโพน

การแข่งโพนของชาวปักษ์ใต้เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับประเพณีลากพระสมัยก่อนวัดไหนเตรียมที่จะลากพระ เด็กวัดจะตีโพนส่งสัญญาณให้ชาวบ้านรับรู้ แต่เนื่องจากวัดมักตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันเสียงโพนที่ชาวบ้านได้ยิน แต่ไม่รู้ว่าดังมาจากวัดไหนเลยเป็นที่มาของการแข่งตีโพนระหว่างวัดแต่ละแห่ง เมืองพัทลุงจัดให้มีการแข่งขันตีโพนระดับจังหวัดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2524 จนถึงปัจจุบัน ในปีนี้ จ.พัทลุง จัดงานประเพณีแข่งโพน–ลากพระ ประจำปี 2553 ระหว่างวันที่ 17–24 ต.ค. 2553 ที่เวทีกลางหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองพัทลุง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานเทศบาลเมืองพัทลุง

กึกก้องกังวาน ตำนาน โพน

   การทำโพนเป็นการเอาไม้ทั้งต้นมาขุดเจาะให้มีลักษณะกลมกลวงเป็นอกไก่โดยใช้ไม้เนื้ออ่อนที่นิยมกันมาก เพราะหาได้ในท้องถิ่น เช่น ไม้ตาลโตนด ไม้ขนุนป่า หรือไม้จำปาปีก ซึ่งเป็นไม้พื้นเมืองที่เชื่อกันว่าทำให้โพนมีเสียงดี

   เครื่องมือที่ใช้การขุดโพนมีขวาน สิ่ว ปิ้ง และขวานถาก เมื่อได้ไม้ตามต้องการแล้วขุดเจาะไม้เป็นลูกกลวงมีขอบขันและอกไก่ตามต้องการ ซึ่งเชื่อว่าพอดีกับเสียงที่ช่างทำมีประสบการณ์ จากนั้นก็นำลูกโพนมาวางบนหมอนลองโพน วางอยู่ในตำแหน่งของลานแม่ไฟ ซึ่งเป็นแผงหรือผังไม้สี่เหลี่ยมจตุรัสที่เป็นตัวยึดเบ็ดในการดึงรั้งการขึงหนัง หนังที่นิยมนำมาใช้หุ้มโพนนิยมใช้หนังควายแก่ เพราะมีความเหนียว หนาทนทาน หนังที่นำมาใช้ต้องเป็นหนังสด นำมาแช่น้ำที่ผสมกับหยวกกล้วยลูกมะเฟืองเหลี่ยม ตะไคร้ มักแช่ไว้หนึ่งคืน แล้วนำมาตีด้วยค้อนไม้ที่ทำจากไม้กระถินณรงค์ ตีไปเลื่อยๆ จนหนังยืดตัวเต็มที่ระหว่างตีต้องชโลมหนังด้วยเนื้อมะพร้าวกะทิ เพื่อให้น้ำกะทิกัดหนังจะทำให้หนังเป็นมันใส เชื่อว่าจะทำให้เสียงดี ดังไกล ก้องกังวาล

    ก่อนที่จะหุ้มหน้าโพนจะต้องเจาะรูลูกสักให้ห่างจากขอบขันลงมา ให้ได้ขนาดความยาวระหว่างแนวลูกสักทั้งสองหน้าโพน ได้ความยาวเท่ากับเส้นผ่าศูนย์กลางหน้าโพนให้เสร็จเรียบร้อยก่อนนำหนังมาหุ้มหน้าโพน แล้วใช้ไม้กลัดที่เหลาจากไม้ไผ่ให้แหลมมาแทงชายหนัง เพื่อใช้เป็นที่ยึดจับหูชองให้รอบผืนหนัง เกี่ยวหูชองด้วยเชือกที่มีความแข็งแรงรอบโพนแล้วใช้ไม้คันเบ็ดที่มีความยาวและแข็งแรงทนทานในการรับน้ำหนักแรงดึงสอดใส่ในหูชอง ปลายไม้คันเบ็ดด้านหนึ่งเลยเข้าไปขัดกับหมอนรองโพน ส่วนปลายไม้คันเบ็ดอีกด้านหนึ่งใช้เชือกผูกดึงไว้กับไม้ลานแม่ไฟ แล้วตีหนังให้ยึดตึงสลับกับดึงคันเบ็ดลงมาเรื่อยๆ จนหนังตึงได้ขนาดเสียงที่ดังพอดี เมื่อหนังตึงดีแล้วนำไม้ลูกสักที่เหลาเป็นเดือยแหลมตอกยึดกับหนังโพนตามรูที่เจาะไว้จนรอบแล้วใช้หวายมาขัดเป็นปลอกลายหางแลนรัดหนังกับโพนใต้แนวลูกสักอีกที เป็นการเสร็จสิ้นการหุ้มหนังโพนหนึ่งหน้า อีกหน้าหนึ่งก็ทำในลักษณะเดียวกัน

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท