posttoday

นัฐณี รติชน ฝันสร้างแบรนด์ไทยไประดับโลก

01 พฤษภาคม 2561

“สวมแพนแสนเพลิน” สโลแกนนี้คุ้นหูแน่นอนสำหรับคนวัย 35 อัพ เพราะรองเท้าแพนเปิดมานานถึง 42 ปี

โดย อณุสรา ทองอุไร, จีรวัฒน์ กล้ากะชีวิต ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

“สวมแพนแสนเพลิน” สโลแกนนี้คุ้นหูแน่นอนสำหรับคนวัย 35 อัพ เพราะรองเท้าแพนเปิดมานานถึง 42 ปี จนถึงผู้บริหารรุ่นที่สองอย่าง นัฐณี รติชน กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท บางกอกแอธเลติก ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจต่อจากรุ่นคุณพ่อ รองเท้าแพนถือว่าเป็นแบรนด์ของคนไทยที่มีมายาวนาน ที่เข้าถึงใจผู้บริโภคจำนวนมากด้วยคุณภาพและราคาที่สามารถจับต้องได้

นัฐณี กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารรุ่นที่สองว่าเธอมีเป้าหมายสูงสุดคือการพาแบรนด์ไทยก้าวไกลไปสู่ระดับโลก ด้วยการขยายการส่งออกให้มากขึ้น จากเดิมที่เน้นย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มประเทศทางตะวันออกกลาง โดยจะขยายตลาดไปสู่ยุโรปและอเมริกาให้มากขึ้น รวมถึงรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ดังอื่นๆ อีกหลายแบรนด์ในรูปแบบ OEM ขณะนี้มีสัดส่วนการส่งออกเพียง 20% ผลิตเพื่อขายในประเทศ 40% รับจ้างผลิต 60%

ด้านการศึกษานั้น หลังจากจบปริญญาตรีหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ก่อนจะคว้าปริญญาโทมาครองอีกหนึ่งใบด้านการบริหารธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

นับแต่เรียนจบเธอก้าวเข้ามาทำงานในกลุ่มรองเท้าแพนมาโดยตลอด ทำงานมาในหลายๆ ฝ่ายกว่า 10 ปี จนกระทั่งปัจจุบันก้าวขึ้นมาสู่ระดับผู้บริหาร

เธอเล่าว่า บริษัท บางกอกแอธเลติก ก่อตั้งมากว่า 36 ปี แต่ก่อนหน้านั้นมีแบรนด์รองเท้าแพนมาก่อนแล้ว ถึงค่อยมาแตกเป็นบริษัทเพื่อจัดจำหน่ายรองเท้าแพน

นัฐณี รติชน  ฝันสร้างแบรนด์ไทยไประดับโลก

ในช่วงแรกที่เริ่มเข้ามาทำงานนั้น เธอดูแลในส่วนของอาหาร การฝึกจัดอบรม ตลอดจนเรื่องของเงินลงทุนและพัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ “บริษัทเราไม่ได้มีแค่รองเท้าแพนเท่านั้น แต่ยังทำชุดว่ายน้ำของอารีน่า เสื้อผ้าจากแบรนด์แคปป้า ที่ซื้อแฟรนไชส์มาทำตลาดในเมืองไทยเอง แต่ในส่วนของแบรนด์รองเท้ายังคงประกอบไปด้วย แพน, แคปป้า, ฮีลแคร์ แต่ละแบรนด์ก็จะเหมาะกับผู้บริโภคที่ใช้งานต่างกันไป โดยฮีลแคร์จะเน้นผู้หญิงที่มีอายุขึ้นมาหน่อย เป็นรองเท้าเพื่อสุขภาพ เนื่องจากเน้นใส่สบายและวางแผนจะส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย”

เป็นที่ทราบกันดีว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันธุรกิจรองเท้าการแข่งขันค่อนข้างสูง และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปส่งผลให้การเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคเปลี่ยนตามไปด้วย เนื่องจากมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นให้เหมาะแก่การใช้งาน ดังนั้นเจ้าของแบรนด์จึงต้องปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นต่างๆ มีแบบให้เลือกมากขึ้น ออกแบบให้เป็นสินค้าแฟชั่นมากขึ้น ให้เข้ากับยุคสมัยและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในการซื้อใช้

“รองเท้าแพนเองจะมีจุดเด่นในเรื่องกีฬา อาทิ เดิน วิ่ง ฟุตบอล ฟุตซอล แล้วการวิ่งจะแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะยาว เนื่องจากเวลาวิ่งระยะทางไกลๆ จะส่งผลต่อเท้า ก็จะผลิตออกมาให้รองรับกับปัญหา ทั้งเรื่องของดีไซน์ การระบาย เรียกว่าแบ่งออกไปในหลายๆ สเกล เพราะใส่ใจในรูปเท้าคนไทยที่จะไม่เหมือนคนยุโรป เพราะเท้าคนยุโรปจะทรงเรียวสวย แต่ถ้าคนไทยมาใส่อาจจะไม่สบาย เนื่องจากไม่เหมาะกับรูปทรงเท้าเพราะคนไทยจะเท้าแบนหน้าเท้ากว้าง ตอนนี้เริ่มปรับให้สวยด้วยสบายด้วย และปรับโครงสร้างให้ดูเรียวสวยงามมากขึ้น รวมทั้งยังมีจุดเด่นในเรื่องของราคาถูก ในขณะที่คุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ของเมืองนอกได้เลย”

แม้เธอจะขึ้นแท่นมาเป็นผู้บริหารในส่วนของรองเท้าแพนได้ไม่นาน แต่จากประสบการณ์ที่คลุกคลีและสัมผัสกับงานตรงนี้มาโดยตลอด ย่อมเห็นถึงพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของบริษัท เธอบอกว่าพัฒนาการของการผลิตและออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แต่เดิมจะไม่ได้เน้นสีสัน ไม่ได้เน้นตลาดหรือแฟชั่น แต่จะเน้นการใช้งานจริงๆ ทุกวันนี้ผู้บริโภคเริ่มสนใจในเรื่องความสวยงามมากยิ่งขึ้น ใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อสุขภาพและความสวยงามในชีวิตประจำวันเน้นสบายและสวยงาม ใส่แล้วต้องซัพพอร์ตผู้ใส่ สีสันต้องน่าสนใจ ไม่ได้ใส่เพื่อออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว

“เราต้องพยายามทำงานให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครบวงจร แต่ส่วนที่เป็นกีฬาไปเลยก็ยังคงไว้เพราะถือว่างานหลักของแพน แต่จะเพิ่มสีสันให้ทันสมัยมากขึ้น สัดส่วนในตอนนี้เป็นแฟชั่น 10% กีฬายังคง 90% แต่ในอนาคตคาดว่าจะขยายตลาดในส่วนนี้ให้เติบโตควบคู่กันไปอย่างจริงจัง เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมากลุ่มแพนรับจ้างผลิตรองเท้าให้กับแบรนด์ดังๆ ระดับโลกมากมาย ทำให้มีการทำงานร่วมกัน จึงเป็นข้อดีที่ทำให้เกิดการเรียนรู้และสามารถนำมาปรับใช้ในรูปแบบของตัวเอง”

นัฐณี รติชน  ฝันสร้างแบรนด์ไทยไประดับโลก

หลักการทำงาน นัฐณี บอกว่า ในฐานะหัวหน้าก็ต้องพยายามดึงศักยภาพของลูกน้องออกมาให้มากที่สุด เขาเด่นในการทำงานด้านไหนต้องใช้ให้ถูกกับทักษะที่เขามี เนื่องจากทุกคนมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน แต่ถ้าดึงจุดเด่นนั้นออกมาได้ ตัวลูกน้องเองก็จะสนุกกับงานและพัฒนางานต่อไป เราก็จะได้ผลผลิตสินค้าที่ดี ถ้าเราจัดการตรงนี้ได้ตรงจุดปัญหาอื่นๆ จะลดลงไปเอง

“เพราะบริษัทคือกระดาษที่ไปจดกับกระทรวงพาณิชย์ สำนักงาน คือ ปูน อิฐ เก้าอี้ โต๊ะ แต่คนคือหัวใจสำคัญ การเลือกใช้คนให้เหมาะกับงาน เพราะการทำงานเป็นทีมต้องขับเคลื่อนเป็นวงล้อไปด้วยกัน ถ้าทีมงานแข็งแรงเราถึงจะเติบโตได้ ต้องเชื่อมั่นว่าศักยภาพคนไทยที่มีอยู่ในมือสามารถสู้ต่างชาติได้ เรื่องฝีมือการทำงานคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” เธอกล่าวอย่างมั่นใจ

เธอมีต้นแบบในการทำงานอย่าง สตีฟ จ็อบส์ โดยเฉพาะในแง่ของการคิดนอกกรอบ และสามารถทำได้จริง ไม่ขายฝันลมแล้งๆ ในส่วนของคู่แข่งทางธุรกิจนั้น เธอคิดว่าแข่งกับตัวเอง แต่คู่แข่งตอนนี้ที่มองคือแบรนด์อินเตอร์ เนื่องจากเราเป็นคนไทยแบรนด์ไทย ก็เหมือนพันธมิตร ดังนั้นจึงอยากที่จะเอาชนะแบรนด์ต่างชาติให้ได้ ทั้งเรื่องของดีไซน์และการตลาด

สำหรับปัญหาในการทำงาน เธอบอกว่าทุกปัญหามีทางออก ไม่ใช่ทุกทางออกมีแต่ปัญหา พยายามมองโลกแง่บวกเข้าไว้ มองปัญหาให้เป็นโอกาสและความท้าทาย เมื่อไหร่ที่แก้ไขไม่ได้ให้หยุดพักและค่อยเดินหน้าต่อ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอแม้จะต้องแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ แต่เธอก็ยังคงหาเวลาให้ตัวเอง โดยการออกกำลังกาย อ่านหนังสือ และท่องเที่ยว ซึ่งสถานที่สุดโปรดก็คือทะเลไทยที่สวยงามประทับใจ

สำหรับอนาคตอันใกล้ผู้บริหารคนเก่งของบอกว่า อยากทำให้แบรนด์เติบโตแข็งแรงและไปได้ไกลที่สุด ให้สมกับที่มีมายาวนาน “เพราะฉะนั้นมองว่า งานที่ได้รับมอบหมายอยู่นี้ มันเป็นความท้าทาย ไม่ใช่แค่ทำด้วยตัวเอง แต่ต้องการให้เห็นว่าคนไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก และในเร็วๆ นี้จะเห็นแบรนด์แพนไปอยู่ในทีมชาติของประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว เวียดนาม อย่างกีฬาฟุตซอลซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี”

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว Gemini 3 Flash โมเดล AI ราคาประหยัดแต่ฉลาดเกือบเท่าเดิม