posttoday

‘อิทธิพล สมุทรทอง’ ก้าวต่อก้าวบนถนนนักวิ่ง 33 ปี

11 มีนาคม 2561

ในวงการวิ่งชื่อชั้นของ ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง นักวิ่งหลายต่อหลายคนยกให้เขาเป็น “ไอดอล” แต่หลังจากโครงการ “ก้าวคนละก้าว ครั้งที่ 1”

โดย กองทรัพย์ ภาพ กิจจา อภิชนรุจเรข

ในวงการวิ่งชื่อชั้นของ ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง นักวิ่งหลายต่อหลายคนยกให้เขาเป็น “ไอดอล” แต่หลังจากโครงการ “ก้าวคนละก้าว ครั้งที่ 1” เริ่มออกสตาร์ทตั้งแต่ระยะ 400 กม. จากกรุงเทพฯ-บางสะพาน เพื่อหารายได้ในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภาพและชื่อของ “ป๊อก อิทธิพล” ก็พลันกลายเป็นชายสาธารณะ ด้วยคำนิยามว่าชายผู้วิ่งข้างกายซูเปอร์สตาร์ (อาทิวราห์ คงมาลัย) และล่าสุดกับระยะทางที่แสนยาวไกลในโครงการก้าวคนละก้าว ครั้งที่ 2 จากใต้สุดสู่จุดเหนือสุดของสยาม (เบตง-แม่สาย) ด้วยระยะทางกว่า 2,200 กม. นักวิ่งรุ่นใหญ่คนนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในคนที่วิ่งเคียงข้างร็อกสตาร์อยู่เช่นเดิม

ในวันที่โครงการจบแล้วอย่างงดงาม ผู้คนในคณะก้าวคนละก้าวต่างก็มีก้าวของตัวเอง สายของวันหนึ่งการนัดหมายของเราได้รับการยืนยันว่า หนุ่มใหญ่ใจดีหนึ่งในนักวิ่งมาราธอนที่คร่ำหวอดในวงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 30 ปี หัวเรือใหญ่ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กกรุ๊ป “42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน” เฟซบุ๊กกรุ๊ป “แบ่งปัน” และผู้จัดการบริษัทขายประกันชื่อดังเมืองไทย และตำแหน่งล่าสุดคือชายข้างกายตูน บอดี้สแลม จะมานั่งคุยถึงประสบการณ์ ความประทับใจบนเส้นทางวิ่งตลอด 33 ปี แบบก้าวต่อก้าว

‘อิทธิพล สมุทรทอง’ ก้าวต่อก้าวบนถนนนักวิ่ง 33 ปี

นาทีประทับใจของนักวิ่งธรรมดา

ประโยคด้วยคำพูดติดปากชายวัย 50 ปี ที่ใบหน้าอารมณ์ดีตลอดเวลา ก็คือ “ผมก็แค่นักวิ่งธรรมดา” นักวิ่งรุ่นใหญ่ถ่อมตนครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้ก็เช่นเดิม “ผมเป็นเด็กสุรินทร์เข้ามาเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่ใกล้กับวังสวนจิตรลดา ตอนปี 2527 มีโอกาสลงรายการวิ่งรายการแรกชื่อ Pan 10K ที่จังหวัดบ้านเกิด รู้สึกว่ามันสนุกดี จากนั้นก็มาซ้อมวิ่งรอบๆ วังสวนจิตรตอนเย็นกับกลุ่มวิ่งกลุ่มเล็กๆ จนกระทั่งปี 2530 ก็ลงงานวิ่งมาราธอนลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นการจัดวิ่งมาราธอนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยระยะทาง 42 กม. ช่วงนั้นเป็น Running Boom ยุคที่หนึ่งในความคิดของผม เป็นปรากฏการณ์เพราะถ้ามองจากมุมสูงเราจะเห็นผู้คนคลาคล่ำนับแสนวิ่งไปบนสะพานพระราม 9 และเราเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์นั้น มาราธอนแรกของผมวิ่งจบด้วยเวลา 4.03 ชม. จากนั้นก็เข้าสู่วงการวิ่งมาราธอน”        

ภาพจำแรกของจุดสตาร์ทถูกเล่าซ้ำเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อถูกถามว่า “เข้าสู่วงการวิ่งได้อย่างไร” แม้จะผ่าน 30 ปีมาแล้ว ความประทับใจครั้งแรกก็เล่าได้ไม่มีเบื่อ และนี่คืออีกหนึ่งก้าวที่เกิดขึ้นครั้งแรก อีกหนึ่งรายการที่ประทับอยู่ในใจก็คือการวิ่ง 100 กม.ครั้งแรก

‘อิทธิพล สมุทรทอง’ ก้าวต่อก้าวบนถนนนักวิ่ง 33 ปี

“เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว มีรายการวิ่งหนึ่งชื่อ The north face 100K ผมไม่สามารถวิ่งระยะ 100 กม.ได้ เพราะคนที่จะลง 100 กม.ได้ต้องวิ่งมาราธอนได้ต่ำกว่า 3.45 ชม. ก็เลยเลือกวิ่งระยะ 50 กม. แต่จากงานนั้นก็ทำให้มีเพื่อนชาวต่างชาติเข้ามาทักเยอะมาก และทำให้เราเห็นช่องทางที่จะสร้างคอมมูนิตี้จากเฟซบุ๊ก สิ่งที่เราเห็นก็คือข้อมูลการวิ่งที่เพื่อนนักวิ่งต่างชาติเขาแชร์มา ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วต่างประเทศเขาวิ่ง 100 กม.มานานมากแล้วน่าจะ 30 ปีได้มั้ง ปีถัดมาก็เลยตัดสินใจลงวิ่ง 100 กม.ครั้งแรกในรายการเดียวกัน ครั้งนี้เขาย้ายสถานที่จัดการแข่งขันจากอัมพวามาอยู่ที่เขาใหญ่

การวิ่ง 100 กม.ครั้งแรกในชีวิตเป็นความตั้งใจครั้งหนึ่งในชีวิต ทุกเช้าที่ตื่นนอน ทันทีที่เท้าแตะพื้น ในหัวจะคิดถึง 100 กม.เสมอ ทุกเช้าเราจะคิดถึงมัน สิ่งที่ผมทำก็คือตื่นตี 3 ตี 4 จะต้องปรากฏกายที่สวนรถไฟ ตี 5 ครึ่ง ต้องวิ่งเสร็จ ทำแบบนี้แทบทุกเช้า ไม่เปิดโซเชียล ไม่แชร์เฟซบุ๊ก ซ้อมเงียบๆ แบบไม่มีใครรู้ พอวันจริงมาถึงผลของสิ่งที่เราทำตลอดคือวินัย และการฝึกซ้อมที่สม่ำเสมอ ทำให้ผมวิ่งได้ดีมากในวันนั้น และจบการวิ่งเทรลระยะ 100 กม.ด้วยเวลา 13.56 ชม. และสิ่งที่ทำให้ประทับใจสำหรับสนามนี้ ก็คือ เป็นการวิ่ง 100 กม.ที่ลูกชายผมไปยืนรอที่หน้าเส้นชัย เราวิ่งรอบแรก 50 กม. ก็ผ่านไปราวๆ 7 ชม. เขาก็เริ่มมารอแล้ว และก่อนจะเข้าเส้นชัย 200 เมตร ผู้จัดงานเขาจะปูพรมเตรียมรอนักวิ่ง เราวิ่งผ่านก็ได้ยินเสียง ติ๊ดๆ! แล้วเสียงจากลำโพงก็ดังก้องว่า “คนไทย” ตามด้วยชื่อเรา “อิทธิพล สมุทรทอง” ซึ่งผมเข้าเส้นชัยเป็นคนไทยคนที่ 6 ที่วิ่งในรายการนี้ ลูกชายที่ยืนรอหน้าเส้นชัยตอนนั้นเขาปลื้มใจมาก เขาประทับใจและบอกว่าอยากเป็นนักวิ่งให้ได้เหมือนพ่อ” อิทธิพล เล่านาทีประทับใจด้วยแววตาเปล่งประกาย

ก้าวที่เจ็บดีกว่าจบ (ชีวิต)

แน่นอนว่าสำหรับบางคนไม่ใช่เพียงความสำเร็จที่ตราตรึง แต่การตัดสินใจจบการแข่งขันด้วยเหตุผลบางอย่างก็จดจำไม่เคยลืมเช่นกัน สำหรับนักวิ่งวัย 50 ปีคนนี้ เกิดขึ้นในรายการ The north face Philippines เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว “เป็นธรรมดาของนักวิ่งที่วิ่งจบบ้าง ไม่จบบ้าง สำหรับรายการที่ฟิลิปปินส์ ผมลงวิ่ง 100 กม. ก็ซ้อมมาอย่างดี ตอนนั้นรู้สึกว่าเราวิ่งดี ผ่านไป 50 กม. วิ่งไป 10 ชั่วโมงกว่า ขณะที่เราต้องวิ่งไปที่ปลายภูเขาเพื่อเข้าจุดกลับตัวและกลับลงมา เหตุการณ์ดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งเข้า กม.ที่ 66 รู้สึกเหมือนว่าจะอาเจียน พอ กม.ที่ 67 ก็อาเจียนออกมาเยอะมาก เริ่มรู้ตัวว่าอาการไม่ดี แต่ปัญหาคือที่นั่นเป็นภูเขาสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,800 เมตร จะทำอย่างไร ที่สุดก็ตัดสินใจออกจากการแข่งขัน หยุดวิ่ง ต้องให้กู้ภัยขึ้นไปหามลงมา

‘อิทธิพล สมุทรทอง’ ก้าวต่อก้าวบนถนนนักวิ่ง 33 ปี

การกู้ชีพกู้ภัยก็เป็นตามสภาพพื้นที่ เพราะภูเขาของฟิลิปปินส์ค่อนข้างดิบ และกันดารมาก ตอนนั้นกลัว หนาว ต้องถอดเสื้อออก แล้วเอาผ้าห่มฉุกเฉินพันร่างกายแล้วใส่เสื้อทับ นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้วิธีการใช้ผ้าห่มฉุกเฉินอย่างถูกต้อง คือ ต้องถอดเสื้อก่อน พันแนบลำตัวแล้วก็ใส่เสื้อทับมันถึงจะปกป้องความร้อนออกจากร่างกายและกันความหนาวเข้าร่างกาย ใช้ผ้าห่อ ใช้ไม้หาม และแบกลงมา สภาพตอนนั้นคิดว่าเราเหมือนศพยังไงยังงั้น ผมยังเก็บรูปตัวเองตอนนั้นไว้อยู่เลย สุดท้ายมารู้ว่าอาการของเราตอนหลังว่าคือภาวะที่ร่างกายขาดน้ำ ก็เกิดภาวะขาดน้ำ (Dehydration) เพราะหนึ่งเราอยู่บนที่สูง สอง ผมผสมอาหารที่ให้พลังงานขณะวิ่งในปริมาณความเข้มข้นสูงเกินไป ทำให้ร่างกายดึงน้ำจากร่างกาย ก็เลยทำให้เกิดภาวะนี้ขึ้น อาจจะเรียกว่าเฉียดตายยังไม่ได้ แต่เป็นภาวะอันตรายที่รู้สึกว่าเรายังไม่เคยเจอ เข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ แต่ถ้าให้น้ำไม่ทันก็อาจจะช็อกตายได้ เป็นสิ่งเตือนใจว่าถ้าเรารู้ว่าเกิดความผิดปกติกับเราก็อย่าดันทุรังวิ่งให้จบ ไม่งั้นชีวิตอาจจะจบได้”

ก้าวคนละก้าว ยิ่งวิ่งยิ่งได้

อีกหนึ่งสนามที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ สนามที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของการวิ่งที่ชายชื่ออิทธิพลเคยเจอมา “โครงการก้าวคนละก้าว”

เป้าหมายของการเป็นนักวิ่งของบางคน ก็คือ การได้ไปวิ่งในสนามระดับเมเจอร์ของโลก 6 แห่ง แต่ก้าวคนละก้าวไม่เหมือนงานวิ่งใดในโลกเลย “ตอนก่อนจะเข้าเส้นชัยที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พี่ตูนหันมาพูดกับผมว่า พี่ป๊อก ขอบคุณที่มาวิ่งกับผม พี่อาจจะวิ่งมา 30 ปี ผมไม่รู้จะรู้สึกหรือคิดยังไงกับงานนี้ เพราะมีงานระดับโลกหรืองานที่พี่ผ่านมาแล้วเยอะมาก แต่สำหรับผมนี่คืองานที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะหนึ่งมันไม่ได้จัดกันง่ายๆ และนี่ไม่ใช่งานวิ่งธรรมดาแต่เป็นการวิ่งเพื่อผู้อื่น เพื่อระดมทุนและเพื่อแสดงออกบางอย่าง พี่ตูนเขาจะเลือกใครก็ได้แต่เขาเลือกเรา ซึ่งเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ต้องวิ่งให้จบและดูแลพี่ตูนตามที่คิดไว้ เป็นที่สุดแล้วของผม

สิ่งที่เปลี่ยนไปทางกายภาพ น้ำหนักลดลงไป 5 กก. ขณะที่ด้านมุมมองความคิดก็เปลี่ยนไปด้วย ตอนเริ่มต้นก่อนวิ่งเราคิดตลอดว่าตัวเองเป็นผู้ให้ เพราะว่าเงินก็บริจาคทั้งสองรอบ เคลียร์งานทุกอย่างเพื่อไปวิ่ง เราทุ่มทั้งแรงกายแรงทรัพย์ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เรากลับกลายเป็นผู้รับ บอกกับทุกคนที่ถามเลยว่าร้องไห้ทุกวัน พลังงานบวกจากประชาชนกลับกลายเป็นสิ่งที่เราได้รับตลอดเวลา มีคนไทยที่น่ารักอีกมาก มีคนที่บริจาคโดยไม่ต้องการใบเสร็จรับเงิน ไม่ต้องการถ่ายรูปบนเวที บางคนนั่งเงียบๆ รอมอบเงินให้พี่ตูนโดยไม่บอกว่าเขาเป็นใคร ผ่านจังหวัดต่างๆ ก็จะมีอาหารพื้นเมือง หรือบรรยากาศของการออกมาต้อนรับของพี่น้อง ผมว่าตัวเองโชคดีที่ได้อยู่ในบรรยากาศที่คนไทยรักกัน ให้คนอื่นโดยไม่ได้คิดถึงตัวเอง และในฐานะนักวิ่งเส้นทางแบบนี้รับรองว่าไม่มีใครทำ พี่ป๊อกต้องฝ่าร้อน ฝน หนาว บางวันสามฤดูในวันเดียว ผ่านไปได้และได้รับสิ่งดีๆ เหล่านี้ จากทั้งพี่ตูนที่แสนอ่อนน้อมถ่อมตน เราขอให้ได้หนึ่งส่วนร้อยของเขา เราได้ซึมซับได้รับรู้และเรียนรู้เรื่องต่างๆ จากเขาเยอะมาก พลังงานของทีมสำคัญมาก ถ้าไม่มีทีมก็ยากที่จะผ่านไปได้ เป็นความสุขที่ตื้นตันที่มีความหมายเป็นการทำเพื่อคนอื่น ส่งต่อแรงบันดาลใจ

‘อิทธิพล สมุทรทอง’ ก้าวต่อก้าวบนถนนนักวิ่ง 33 ปี

หลายคนบอกพี่ป๊อกเป็นไอดอล ไม่ใช่! เพราะทุกคนเป็นไอดอล โพสต์ไปเลยในเฟซบุ๊ก เขาเหล่านี้กำลังมองคุณอยู่ คนบางคนจะมองการเปลี่ยนแปลงของคุณอยู่ คุณอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น...แค่มีคนบอกว่าอยากเริ่มวิ่ง เราก็ประสบความสำเร็จแล้ว หาตัวเองให้เจอว่าทำไมมาออกกำลังกาย แล้วคุณจะออกกำลังกาย เราไม่รู้จะชวนยังไง เพราะคุณต้องหาให้เจอเองว่าทำไมอยากวิ่ง บางคนอยากมีชีวิตอยู่นานๆ เพื่อคนที่คุณรักนานๆ บางคนอยากจะสวยขึ้น อยากดีขึ้น หาให้เจอว่าอยากวิ่งเพราะอะไร แค่นั้นเอง”

บทส่งท้ายยอดนักวิ่ง

เมื่อผ่านโครงการก้าวคนละก้าว ผ่านที่สุดของชีวิตมาแล้วมีอะไรที่ยังท้าทายชายคนนี้อยู่อีกหรือ? “มีสิครับ เป้าหมายส่วนตัวก็ยังสนุกกับการวิ่งอยู่ ยังอยากไปข้างหน้า อยากไปพิชิตรายการทัวร์นาเมนต์ Ultra Trail du Mont Blanc : UTMB บอสตัน (Boston Marathon) ลอนดอน (London Marathon) และอีกหลายรายการ แต่ต้องยอมรับว่าเราเปลี่ยนไปจริงๆ เมื่อก่อนก็อยากสนุกๆ ไปวิ่งก็ไปเที่ยวสำเร็จส่วนตัว พิชิตมาราธอนแล้วอยากเร็วขึ้น

สุดท้ายแล้วจะบอกว่าการวิ่งพาเรามาไกลกว่าที่เราคิดไว้มาก พาเรามาสู่อีกโลกหนึ่งอย่างโครงการก้าวคนละก้าว จากคนวิ่งธรรมดาๆ คนหนึ่งที่วันนี้มีงานเมเจอร์ระดับโลกเชิญไปแข่ง ชวนคนออกกำลังกายได้มากขึ้น ยังคงอยากเร็วขึ้น อยากไปวิ่ง อยากไปข้างหน้า การที่ลูกชายมาวิ่งเป็นสิ่งพิเศษอีกสิ่งหนึ่งในชีวิต เราเคยชวนเขามาวิ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว เขาอยากวิ่งตั้งแต่เราเข้าเส้นชัย 100 กม. แต่ก็ยังไม่ออกมาวิ่งสักที แต่วันที่พี่ตูนออกมาวิ่ง เขาวิ่ง เขาได้เจอพี่ตูน ได้ฟังและพูดคุยกับพี่ตูน และวันที่เขาวิ่งจบระยะ 26 กม. เป็นความชื่นใจและเป็นของแถมจากการวิ่งที่อิ่ม มันเต็ม

ข่าวล่าสุด

SCB WEALTH กวาด 6 รางวัลระดับโลก สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติการบริหารความมั่งคั่ง