posttoday

ลักษิกา คำขำ "สักวันอยากให้คนไทยจดจำ"

21 มกราคม 2561

ชื่อของ “ลัก” ลักษิกา คำขำ กลับมาถูกพูดถึงอย่างมากในสัปดาห์นี้ จากผลงานการเข้าถึงรอบสามแกรนด์สแลมได้เป็นครั้งแรกในอาชีพ

โดย...นูโน่

หลายปีมาแล้วที่วงการเทนนิสไทยต้องเงียบเหงา นับตั้งแต่หมดยุคของ “ซูเปอร์บอล” ภราดร ศรีชาพันธุ์ และ “แทมมี่” แทมมารีน ธนสุกาญจน์ แต่ล่าสุดความหวังที่จะได้มีส่วนร่วมกับการลุ้นนักกีฬาของตัวเองในระดับทัวร์สูงสุดได้จุดประกายขึ้นอีกครั้ง

ชื่อของ “ลัก” ลักษิกา คำขำ กลับมาถูกพูดถึงอย่างมากในสัปดาห์นี้ จากผลงานการเข้าถึงรอบสามแกรนด์สแลมได้เป็นครั้งแรกในอาชีพ ในศึกออสเตรเลียน โอเพ่น ซึ่งกำลังดวลแข่งกับสภาพอากาศร้อนจัดที่เมลเบิร์น

ด้วยวัยก้าวสู่เบญจเพสในเดือน ก.ค.นี้ นักหวดสาวหล่ออาจจะไม่ใช่ดาวรุ่งพุ่งแรงที่จะสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับหลายๆ คน แต่จากฟอร์มการเล่นตลอด 6 แมตช์ตั้งแต่รอบคัดเลือก ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีไม่น้อย

“ผลงานที่ทำได้ จะเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้กับ ลัก ได้มากขึ้น เพราะไม่ใช่แค่การเข้าถึงรอบสามในแกรนด์สแลมได้เท่านั้น แต่ยังเอาชนะมืออันดับสูงกว่าได้ถึง 2 คน และในรอบสามที่แพ้ ก็แพ้แบบสูสี และน่าจะเห็นจุดที่ต้องนำไปปรับ เพื่อเกมที่ดีขึ้นแน่นอน” ภราดร กล่าวถึงนักหวดรุ่นน้อง

แน่นอนความสำเร็จที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องฟลุก เพราะคู่แข่งที่ผ่านมาได้ก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะ เบลินดา เบนชิช ที่มีดีกรีถึงอดีตมือ 7 ของโลก และยังเป็นคู่หู โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในการคว้าแชมป์ฮอปแมน คัพ 2018 ด้วยกัน รวมทั้งยังเขี่ย วีนัส วิลเลียมส์ อดีตมือ 1 โลกตกรอบแรกมาด้วย

แต่เป็นเพราะ “แก้ถูกจุด”!!

ลักษิกา มือ 124 ของโลก เล่าว่า 2-3 ปีที่ผ่านมาได้เพิ่มเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายอย่างจริงจัง โดยมีเทรนเนอร์ส่วนตัว คือ ณัฐ ณ สงขลา เข้ามาดูแลเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาโดยเฉพาะ ดูว่าจุดอ่อนคืออะไร และต้องเพิ่มส่วนไหนของร่างกาย ที่จะทำให้สามารถยืนหยัดอยู่ในเกมได้นาน และมีความเหนียวแน่น

“ถือว่ามั่นใจขึ้นเยอะ และเห็นว่ามาถูกทาง ความพยายามที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่เหลือแรงถึง 6 แมตช์ แต่นี่ก็ยังไม่พอ เพราะเห็นได้จากแมตช์สุดท้าย เซตสามเริ่มหมดแรง และมีผลพอสมควรกับการเล่นในสภาพอากาศร้อนมากแบบนั้น”

ย้อนไปเมื่อปี 2014 นักหวดสาวจากจันทบุรีคนนี้เคยถูกตั้งความหวังจากแฟนกีฬาชาวไทยมาแล้ว หลังขึ้นถึงมือ 85 ของโลก และคว้าเหรียญเงิน ประเภทเดี่ยว และเหรียญทองในประเภทคู่ กีฬาเอเชียนเกมส์ แต่เมื่อต้องก้าวขึ้นไปเจอกับคู่ต่อสู้ในระดับท็อป 100 เธอไม่สามารถรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นไว้ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความแข็งแกร่งยังสู้ไม่ได้ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง บวกกับปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้อันดับหลุดท็อป 100 มาต่อเนื่อง

นอกจากการเสริมเรื่องความฟิตแล้ว ในด้านเทคนิค ซึ่งปัจจุบันยังคงร่วมงานกับโค้ชคู่ใจอย่าง สุบิน ศรีชาแอน ไม่ได้ปรับการตีมาก แต่มีเน้นลูกที่เป็นจุดอ่อนมากขึ้น อย่างเช่นเมื่อก่อนจะไม่ชอบบอลสปิน ตอนนี้ก็สามารถรับมือได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับการปรับเล่นเกมรับมากขึ้น

“ลักเชื่อว่าฝีมือเราสู้ได้ เจอสโตรกสู้ได้ แต่อยู่ที่เราจะโต้กับเขาได้นานแค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมาสโตรกเราไม่แพ้ แต่แพ้ความฟิต เราอาจจะยิงวินเนอร์ได้ แต่ยิงได้กี่ลูก แต่รายการนี้สามารถยืนอยู่ได้ถึง 6 แมตช์ ซึ่งถ้าเป็นทัวร์นาเมนต์ธรรมดาคงจบไปแล้ว”ลักษิกา กล่าว

ภราดร ซึ่งจะเดินทางไปทำหน้าที่วิเคราะห์เกมในศึกออสเตรเลียน โอเพ่น สัปดาห์ที่ 2 ทางช่องฟอกซ์ สปอร์ต มองว่า สิ่งที่ ลักษิกา ต้องโฟกัส คือเกมการเล่นของตัวเอง ซึ่งถือว่าอยู่ในเกมดี เหมือนกำลังหาทางขึ้นจากเดิม และต้องมีผลงานให้เกิดความมั่นใจ นี่คือตัวแปรสำคัญ หลังจากนี้จะมีอีกหลายแมตช์ได้เล่น ถ้ารักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองไว้ได้ และเอาความมั่นใจไปใช้ น่าจะมีผลงานที่ดีแน่นอน

“การจะประสบความสำเร็จในการเล่นเทนนิส มันมีหลายตัวแปร แต่สำคัญคือปริมาณการซ้อมจะต้องมากขึ้น ไม่ใช่แค่ชั่วโมงการซ้อมเท่านั้น แต่รวมวิธีการเล่นกับมือท็อป 50 ด้วย ต้องซ้อมหนักขึ้นในและนอกสนาม ในส่วนของนอกสนามก็คือเรื่องสภาพร่างกาย มันจำเป็นต้องมีกำลังเหลือพอใช้ ที่มีอยู่แล้วดีอยู่แล้ว หลายแมตช์การแพ้ชนะตัดสินอยู่ที่ฝีมือ และกำลัง”

ลักษิกา คำขำ "สักวันอยากให้คนไทยจดจำ"

อดีตมือ 9 ของโลกชาวไทย เชื่อว่า ถ้าเสริมเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายได้มากกว่านี้ ฝีมือของนักหวดรุ่นน้องสามารถสู้กับมือท็อป 100 ของโลกได้แน่นอน เพราะสไตล์ส่วนตัวเป็นคนตีลูกได้พุ่งและดุดัน และยิงวินเนอร์อยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้มีความคงเส้นคงวา จึงต้องเอาเรื่องความสมบูรณ์ของร่างกายมาว่ากัน

แน่นอนว่าผลงานเกินเป้าในครั้งนี้ย่อมส่งผลต่อความคาดหวังตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีที่คนเริ่มหันมาสนใจเทนนิสบ้าง และฝันอยากให้เป็นที่จดจำของทุกคน

“ที่ผ่านมา ลัก ได้ยินทุกคนพูดถึงแต่ ภราดร และ แทมมี่ ซึ่งลักเองก็มีพี่แทมมี่เป็นไอดอล ถ้าเป็นไปได้สักครั้งในชีวิตอยากให้เขาจดจำ ‘ลักษิกา’ บ้าง มันเป็นความฝันเหมือนกัน” นักหวดสาวหล่อ กล่าว

สำหรับเป้าหมายการกลับมาติดท็อป 100 อีกครั้งนั้น หลังจบรายการนี้น่าจะมีความเป็นไปได้หรือใกล้เคียงมากที่สุด แต่เป้าหมายสูงสุดตอนนี้ ยังต้องทำงานหนักต่อไป

“อยากขึ้นไปถึงท็อป 50 ของโลก เพื่อความฝันในการไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ 2020”

ลักษิกา ยืนยันว่า แม้ปัจจุบันจะมีนักหวดรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จมากมาย แต่ก็ไม่มีคำว่าสายสำหรับความพยายามเสมอ เห็นได้จากนักกีฬาหลายคนที่คว้าแชมป์ตอนอายุมากแล้ว และหลายคนที่หลุดไปแล้วกลับมาได้อีกครั้ง

เพราะฉะนั้น วันนี้สามารถเข้ารอบสามได้ครั้งแรก วันหน้าอาจจะเทียบสถิติหรือทำได้ดีกว่า แทมมี่ ก็เป็นได้

ภาพ-เอเอฟพี