ธิติ ตันติกุลานันท์ ร่วมต่อจิ๊กซอว์กลุ่มกสิกรไทย
ธิติ ตันติกุลานันท์ เป็นหนึ่งในขุนพลเครือธนาคารกสิกรไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย
โดย พูลศรี เจริญ
ธิติ ตันติกุลานันท์ เป็นหนึ่งในขุนพลเครือธนาคารกสิกรไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย
อาจกล่าวได้ว่า ธิติเป็นบุคลากรแถวหน้าของตลาดเงินและตลาดทุนไทย เมื่อดูจากบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากธนาคารกสิกรไทย
ธิติ เข้ามาบริหาร บล.กสิกรไทย เมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือปี 2556 เขาเล่าว่าช่วงนั้นแนวโน้มหรือเทรนด์ของนักลงทุนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น มีการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือเทรดออนไลน์มากขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดทุนเติบโตขึ้น มีแอพพลิเคชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก นักลงทุนรู้จักหาข้อมูล เข้าใจเรื่องข้อมูลดีขึ้น มีการลงทุนด้วยตัวเองมากขึ้น
“จากพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป บุคลากรของบริษัทต้องปรับตัวให้ทันลูกค้า”
ด้านมุมมองที่มีต่ออุตสาหกรรมหลักทรัพย์ เขาบอกว่า เป็นห่วงเรื่องการแข่งขันด้านราคามากกว่ามองเรื่องคุณภาพ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ในระบบมีน้อยลง ดังนั้นในระยะยาวจึงน่าเป็นห่วง
สำหรับ บล.กสิกรไทย วางตำแหน่งตัวเองเป็นพรีเมียมโบรกเกอร์ มีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ครบครัน เช่น การให้บริการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ซึ่ง บล.กสิกรไทย จะคิดค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายอัตราเดียวกับการซื้อขายหุ้นในประเทศ
นอกจากนี้ มีผลิตภัณฑ์ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรือ DW ซิงเกอร์สต๊อก และบล็อกเทรด เช่นเดียวกับบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ ปัจจุบัน บล.กสิกรไทย มีบทวิเคราะห์ครอบคลุมหุ้น 120-130 บริษัท
ธิติ บอกว่า บล.กสิกรไทย จะมีเข็มทิศและเป้าหมายการทำธุรกิจที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคุณภาพรอบด้านเป็นหลัก เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม
การวางกลยุทธ์ที่สำคัญ เช่น การพัฒนาคุณภาพการให้บริการในเชิงลึกและนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดในตลาด เพิ่มความแข็งแกร่งของงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ รักษาคุณภาพของบทวิเคราะห์
อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการลงทุน โดยเน้นการพัฒนาตัวช่วยและฟังก์ชั่นใหม่ของ KS Super Stock เพื่อการลงทุนที่ครบทุกขั้นตอนและใช้งานได้ในทุกอุปกรณ์การลงทุน มีการพัฒนา KS Super Portfolio โปรแกรมที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพอร์ตการลงทุน 3 ปีย้อนหลังได้เชิงลึกพร้อมแนะนำหุ้นอื่นๆ ที่น่าสนใจ เป็นต้น
“เราพยายามจะรักษาความเป็น Top of mind โบรกเกอร์แรกที่นักลงทุนเลือก และเป็น 1 ใน 3 โบรกเกอร์ชั้นนำของตลาด”
การเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้นั้น ธิติ กล่าวว่า บริษัทจะมีการเสริมจุดแข็งควบคู่กับการสร้างบริการที่แตกต่างให้กับลูกค้าด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนให้ครบถ้วน เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบของการลงทุนที่ลูกค้าต้องการ และวางนโยบายขยายฐานลูกค้าร่วมกับธนาคารกสิกรไทย
ธิติเปรียบเทียบลักษณะงานที่ทำว่า งานด้านบริษัทหลักทรัพย์ เราเป็นตัวกลางขึ้นอยู่กับว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าอย่างไร ส่วนงานด้านค้าเงิน บางทีต้องเสนอโซลูชั่นให้ลูกค้า
“ผมพยายามพบปะลูกค้าเพื่อรับรู้ปัญหา กรณีลูกค้าบ่นเราต้องกลับมาทบทวน และการที่ลูกค้ากลับมาใช้บริการก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
ด้านปรัชญาและหลักคิดในการบริหารงาน บริหารคน ธิติ บอกว่า ระดับบริหารต้องมีความชัดเจนทั้งเรื่องนโยบาย การแก้ปัญหาเรื่องทีมงานเพราะถ้ามีความชัดเจนเรื่องทีมงาน การแก้ปัญหาไม่ว่าจะเรื่องอะไร เมื่อมีทิศทางให้ก็จะทำให้งานบรรลุเป้าหมาย
“การตัดสินใจไม่ได้ยาก ถ้าเรามีข้อมูลที่ถูกต้อง เรื่องนี้เป็นความท้าทาย เพราะการตัดสินใจ เราต้องมีความรู้”
ธิติ เคยทำงานด้านค้าเงินมาก่อน ก่อนมาอยู่ใต้ชายคาธนาคารกสิกรไทย โดยเคยทำงานที่ธนาคารซิตี้แบงก์ เขาบอกว่าทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายล้วนทำให้มีประสบการณ์เพิ่ม
เขาบอกว่า การทำงานด้านตลาดทุนต้องติดตามข่าวสารตลอด ทำให้ต้องพัฒนาตัวเอง
“งานในห้องค้าเงินมีทั้งเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ออปชั่น ตราสารหนี้ เป็นงานที่สำคัญ ต้องขยัน”
ธิติ ยอมรับว่างานด้านค้าเงินเป็นงานที่กดดัน บางครั้งมีงานเข้ามาใช้เวลาเป็นเดือน ห้องค้าเงินมีความเสี่ยง ห้องค้าเงินเป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยงค่าเงิน
เขายกตัวอย่างว่าได้ผ่านความยากลำบากเรื่องการบริหารค่าเงินจากประสบการณ์ช่วงวิกฤตปี 2540 เป็นช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าลง ส่วนต่าง 0.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินช่วงนั้นอยู่ที่ 24.97 บาท/ดอลลาร์ วันหนึ่งแกว่งตัวระหว่าง 33.00-35.00 บาท/ดอลลาร์ หรือในแต่ละวันค่าเงินแกว่งมากถึง 3 บาท/ดอลลาร์ ช่วงนั้นตลาดผันผวนมาก
ช่วงที่ค่าเงินบาทผันผวนหนักช่วงปี 2540-2542 ธิติ บอกว่า “ผมเหนื่อยมากๆ”
เมื่อถามว่าช่วงวิกฤตปี 2540 ถือว่าเป็นการวัดฝีมือ ถ้าให้ประเมินตัวเอง คิดว่าเป็นอย่างไร ธิติ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมว่าผมก็โอเค ค่าเงินบาทจาก 25 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าไปถึง 50 บาท/ดอลลาร์ เป็นการวัดว่าใครปอดใหญ่กว่ากัน”
ธิติ ทำงานที่ซิตี้แบงก์เกือบ 5 ปี เป็นระดับคุมโต๊ะเทรดค่าเงิน อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่า การทำงานห้องค้าเงิน จะเหนื่อย กดดัน
“ผมว่าเมื่ออายุ 40 ปี ก็ควรเปลี่ยนงาน สำหรับผมก็คิดว่าพอแล้วสำหรับการเทรดค่าเงิน”
หลังมาทำงานด้านหลักทรัพย์ เขาบอกว่าต้องมีความละเอียดอ่อน แต่หลักการทำงานจะเหมือนกัน สมมติการมีผลิตภัณฑ์การลงทุนในตลาดก็ต้องตามให้ทัน
อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า ความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่ว่าทุกคนมีมุมมองที่ถูก บางทีต้องมองล่วงหน้าว่าจุดไหน คือ ความเสี่ยง
“ผมสนุกกับการทำงาน ผมโชคดีมากๆ ผมโชคดีที่ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง”
ธิติ บอกว่า กลุ่มธนาคารกสิกรไทยตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี บล.กสิกรไทย ก็เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ของกลุ่ม ตอบโจทย์ของกลุ่ม


