โรคที่มาพร้อมฤดูหนาว
ความหนาวเย็นที่โบกโบยมาทั้งสัปดาห์ ทำให้หัวใจดื่มด่ำสดชื่นที่นานๆ ที เมืองไทยจะมีอากาศหนาวมาเยือน
โดย โสภิตา สว่างเลิศกุล [email protected]
ความหนาวเย็นที่โบกโบยมาทั้งสัปดาห์ ทำให้หัวใจดื่มด่ำสดชื่นที่นานๆ ที เมืองไทยจะมีอากาศหนาวมาเยือน จนต้องใส่เสื้อกันหนาวเพื่อสร้างความอบอุ่นในร่างกาย
ใช่ว่าความหนาวเย็นจะไม่มีโทษ โรคภัยไข้เจ็บที่มาพร้อมฤดูหนาวนั้น ควรระวังเป็นอย่างยิ่ง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เคยเผยแพร่ข้อมูลถึงโรคหลายโรคที่มากับฤดูหนาว คือไข้หวัดพบได้ทุกฤดูกาล แต่ในหน้าหนาวจะเป็นได้ง่าย และบ่อยขึ้นมากกว่าปกติถึง 2 เท่า
ไข้หวัดใหญ่ อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน
โรคปอดบวม คือ ภาวะปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสที่มีมากเกินไปจนทำให้มีหนองและสารปนเปื้อนอย่างอื่นในถุงลม ซึ่งเชื้อมักจะอยู่ในน้ำลายและเสมหะ สามารถแพร่กระจายเมื่อไอ จาม หรือการสำลักน้ำลาย เศษอาหาร และน้ำย่อย มักจะพบหลังจากการเป็นไข้หวัดเรื้อรัง หรือในคนที่เป็นโรคหอบหืด พบบ่อยในฤดูหนาว โดยเฉพาะกับกลุ่มคนชราและเด็กเล็กอายุระหว่าง 5-10 ขวบ
หัด เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสรูบีโอราไวรัส พบได้มากในจมูกและลำคอ อาการของโรคคล้ายไข้หวัด คือมีไข้ก่อนแล้วจึงมีน้ำมูก มักไอแห้งตลอดเวลา ตาและจมูกจะแดง พอผื่นออกได้ประมาณ 2-3 วัน อาการก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่สิ่งที่ต้องระวังคือโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม อุจจาระร่วง สมองอักเสบ และหูชั้นกลางอักเสบ
โรคอุจจาระร่วง ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเชื้อโรต้าไวรัส และมักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เพราะกำลังเป็นวัยเรียนรู้ ชอบหยิบของเข้าปาก พบได้มากในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ. อาการของโรคคือถ่ายเหลว มีไข้และอาเจียนร่วมด้วย มักมีก้นแดง หากรุนแรงอาจมีเลือดหรือมูกเลือดปน
ไข้สุกใส เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อวาริเซลลาไวรัส ติดต่อได้โดยการสัมผัสตุ่มน้ำใสโดยตรง การสัมผัสของใช้ หรือสูดลมหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำเข้าไป พบมากในเด็กวัยเรียนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเฉพาะในเด็กอายุ 5 ขวบขึ้นไป ในผู้ใหญ่จะพบได้น้อยกว่า และมักจะเกิดกับผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน สำหรับคนที่เคยเป็นแล้วก็จะไม่กลับมาเป็นอีก โรคสุกใสจะมาในช่วงปลายฤดูหนาวเดือน ม.ค.-มี.ค.
ข้อแนะนำคือให้ดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ทำร่างกายให้อบอุ่น ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ รักษาความสะอาด ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ต้านทานโรคร้ายและโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทางด้านข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านมูลนิธิหมอชาวบ้าน บอกว่า หลักการสำคัญการดูแลสุขภาพในฤดูหนาว คือการให้ความสำคัญของการเลือกกินอาหาร การออกกำลังกาย การให้ความอบอุ่นกับร่างกาย การพักผ่อนนอนหลับ ซึ่งจำเป็นมากสำหรับการดูแลสุขภาพในฤดูหนาว
อาหารและเครื่องดื่ม งดดื่มอาหารฤทธิ์เย็นมากเกินไป งดกินของเย็นมากเกินไป เพราะเป็นการทำลายระบบย่อย ทำให้การย่อยดูดซึมไม่ดี การสร้างเลือดและพลังน้อย การสะสมพลังของไตก็น้อยลงด้วย
อาหารฤทธิ์ร้อน ต้องย่อยง่าย ไม่เหนียวเหนอะ เพราะอาหารที่ร้อนย่อยยากจะทำให้มีความร้อนสะสมในกระเพาะอาหาร ทำลายทางเดินระบบย่อยอาหาร ในขณะที่อาหารฤทธิ์เย็นจะทำให้พลังกระเพาะอาหารอ่อนแอ
ลดอาหารรสเค็มจัด ให้เพิ่มอาหารฤทธิ์อุ่นรสขมเล็กน้อยเพื่อให้เกิดความสมดุล รสเค็มเข้าเส้นลมปราณไต เพิ่มการทำงานของพลังไต แต่การกินรสเค็มมากเกินไปจะทำให้การสะสมน้ำของไตมากขึ้น ไตทำงานมากขึ้น ทั้งมีผลต่อการทำงานของหัวใจ (ไตควบคุมหัวใจ) จึงต้องเสริมอาหารที่มีฤทธิ์อุ่นและรสขมเพื่อให้เกิดความสมดุล
ปรับการนอนหลับโดยเข้านอนให้เร็วขึ้น (กลางคืนมืดเร็ว) และตื่นสายสักหน่อย การเข้านอนเร็วเพื่อลดการสูญเสียพลังไตหรือความร้อนของร่างกาย
การให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ฤดูหนาว ปกป้องความอบอุ่น 3 บริเวณ ต้องให้ความอบอุ่นกับร่างกายโดยเน้นที่ 3 บริเวณ คือบริเวณศีรษะ เพราะความเย็นจะทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหดตัว กล้ามเนื้อต้นคอหดเกร็ง ทำให้ปวดศีรษะ เป็นหวัดง่าย
บริเวณหลัง เพราะความเย็นจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังหดเกร็งและดึงรั้งไปที่ต้นคอ และไปตามแนวกระดูกสันหลัง ทำให้มีอาการปวดข้อที่แขนและขาได้ รวมทั้งยังสามารถกระทบถึงอวัยวะภายใน ทำให้การทำงานของอวัยวะภายในผิดปกติ
และบริเวณเท้า ฝ่าเท้าเป็นบริเวณสะท้อนร่างกายทั้งร่างกาย อุ้งฝ่าเท้ามีจุดเริ่มต้นของส้นลมปราณไต ความเย็นเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายตรงบริเวณนี้ มีผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นหวัดง่าย อวัยวะไตได้รับการกระทบโดยตรง
การออกกำลังกายในฤดูหนาว ไม่ตื่นนอนเช้าเกินไปเพื่อออกกำลังกาย และไม่หักโหมในการออกกำลังกายมากเกินเช่นกัน ต้องระวังการปะทะกับอากาศและความหนาวเย็น
การผ่อนคลาย อย่าใช้สมองมากเกินไป ในฤดูหนาวต้องรู้จักผ่อนคลายในการใช้ความคิด ความเครียด หมกมุ่นการจำ การวางแผน ฯลฯ จะมีผลต่อหัวใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจน้อยลง กระทบต่อกลไกพลังของตับ ตามด้วยการย่อย ดูดซึม และลำเลียงอาหารถูกรบกวน ทำให้เกิดอาการใจสั่น นอนไม่หลับ ฝันมาก ความจำเสื่อม เวียนศีรษะ และมีผลต่อไต
ในที่สุด อารมณ์ทั้ง 7 คือ อารมณ์โกรธ ดีใจ วิตก กังวล เศร้าโศก ตกใจ กลัว ล้วนมีผลต่ออวัยวะภายใน ที่แน่นอนคนที่ตกใจกลัวอย่างรุนแรงหรือยาวนานจะทำให้ไตอ่อนแอและย่ำแย่มากขึ้นในหน้าหนาว


