posttoday

สุขใจของ ขรรค์ ประจวบเหมาะ นำแสงสว่าง & โอกาสแด่ผู้พิการทางสายตา

09 ธันวาคม 2560

ในแวดวงการเงินธนาคารไม่มีใครไม่รู้จัก ขรรค์ ประจวบเหมาะ อดีตนายแบงก์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และที่ปรึกษาด้านการเงิน

โดย ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์ 

 ในแวดวงการเงินธนาคารไม่มีใครไม่รู้จัก ขรรค์ ประจวบเหมาะ อดีตนายแบงก์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และที่ปรึกษาด้านการเงิน

 อีกมุมมองหนึ่งของชีวิต ขรรค์ ไม่เพียงทำงานเกี่ยวกับด้านการเงินการธนาคาร เขายังทุ่มเทกับการทำหน้าที่ตอบแทนสังคม โดยปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ และยังเข้าไปช่วยงานมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช มูลนิธิเอพีซีดี ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก และมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อช่วยเหลือคนเป็นโรคเรื้อน

 ขรรค์เล่าว่า จุดเริ่มต้นการเข้ามาช่วยงานในมูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ เริ่มตั้งแต่ในสมัยที่เป็นนักเรียน อายุประมาณ 10 กว่าขวบ ตอนนั้นศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และช่วงปิดเทอมกลับมาบ้าน คุณแม่ก็เห็นว่าว่าง 2-3 เดือน ก็บอกว่ามาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ให้มาอ่านหนังสือ มาสอนภาษาอังกฤษให้คนตาบอดที่มูลนิธิ

สุขใจของ ขรรค์ ประจวบเหมาะ นำแสงสว่าง & โอกาสแด่ผู้พิการทางสายตา

 “ผมก็เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ที่ไปเรียนโรงเรียนประจำในต่างประเทศ บ้านเมืองเขาเป็นอย่างไร เล่าเรื่องที่นั่งเครื่องบิน ซึ่งคนตาบอดก็สนใจสอบถามกันมากเกี่ยวกับการนั่งเครื่องบินสมัยก่อน ที่เป็นเครื่องบินใบพัดขนาดเล็กกว่าจะไปถึงอังกฤษจะต้องใช้เวลา 1-2 วัน หรือ 30 ชั่วโมง บินไปสักพัก 1-2 ชั่วโมง ก็จะต้องแวะลงจอดเพื่อเติมน้ำมันและเวลาบิน เครื่องก็จะสั่นๆ มาก คนที่เมาเครื่องก็จะอาเจียนตลอดทาง สมัยนั้นเป็นเรื่องที่คนตาบอดเขาสนใจมาก สอบถามซักกันใหญ่และจะจินตนาการกันไป” ขรรค์เล่า

 หลังจากเรียนจบ ก็มาทำงานที่ธนาคารไทยทนุ ช่วงนั้นอายุประมาณ 26-27 ปี สมัยนั้น ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ ส่งให้มาเป็นกรรมการในมูลนิธิเป็นฝ่ายจัดหาเงินทุน ก็ทำงานช่วยมูลนิธิมาตลอด

 ขรรค์บอกว่า มูลนิธิช่วยคนตาบอดจะต้องใช้เงินทุนปีละ 30 ล้านบาท เฉพาะเงินเดือนพนักงานก็เดือนละ 2 ล้านบาท และยังมีค่าใช้จ่ายดูแลศูนย์ฝึกอาชีพ 5 แห่ง และดูแลนักเรียนในโรงเรียนสอนคนตาบอด รวมถึงส่งเด็กพิการทางสายตาไปเรียนร่วมกับเด็กปกติ ส่งเรียนจนถึงระดับปริญญาตรี

สุขใจของ ขรรค์ ประจวบเหมาะ นำแสงสว่าง & โอกาสแด่ผู้พิการทางสายตา

“ยอมรับว่าเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้มาแต่ละปีนั้นไม่เพียงพอ แต่ยังโชคดีที่ยังมีคนใจบุญร่วมบริจาคสมทบทุน และเราก็จะต้องจัดงานเพื่อหาเงินทุนด้วย เช่นเมื่อเร็วๆ นี้จะมีงานประมูลภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อหาเงินทุน”

 สิ่งหนึ่งที่ ขรรค์ ตั้งเป้าหมายกับผู้พิการทางสายตา คือต้องการให้เขามีโอกาสที่จะได้รับการศึกษา มีโอกาสได้รับการพัฒนา มีโอกาสมีชีวิตที่ดี มีโอกาสได้งานทำที่ดี  

 “สิ่งที่เราจะช่วยเขาได้คือ จะต้องมีคนที่ดูแลเขาที่ดีก่อน มีครูที่ดี ซึ่งครู 1 คน ดูแลเด็ก 6 คน มีอาสาสมัครที่ดีที่จะมาช่วยทบทวนการเรียนและสอนการบ้าน และมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ดี ยกตัวอย่าง เวลาไปเรียน ผู้พิการทางสายตาจะไม่สามารถเห็นกระดานที่อาจารย์เขียน หรือจดคำที่อาจารย์สอนได้หรืออาจจะจดไม่ทัน ก็จะมีเครื่องอัดเทปเป็นเครื่องมือช่วย หรือมีเครื่องที่สามารถจะพรินต์เอกสารเป็นอักษรเบรลล์ หรือมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยเรื่องการเรียนการสอน เป็นต้น”

 ขรรค์ บอกว่าในทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน จะมีศิษย์เก่ามาทำกิจกรรม “พี่สู่น้อง” มาเลี้ยงอาหาร มาแจกทุน มาเล่าเรื่องประสบการณ์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ฟัง

“เราพยายามให้โอกาสเขา เมื่อได้รับโอกาสได้รับการศึกษาการดูแลที่ดีก็สามารถที่จะพัฒนาตัวเอง มีความสามารถมากกว่าคนตาดีบางคน” 

สุขใจของ ขรรค์ ประจวบเหมาะ นำแสงสว่าง & โอกาสแด่ผู้พิการทางสายตา

 ขรรค์ ตั้งข้อสังเกตว่า สมัยนี้จะไม่ค่อยเห็นว่าผู้พิการทางสายตาขายลอตเตอรี่แล้ว เพราะพวกเขาควรจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีงานที่ดีทำ ใช้ชีวิตในสังคมได้

“เราจะรับมาเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดับมัธยม และมีโครงการให้ไปเรียนร่วมกับโรงเรียนคนตาดี ใครที่มีความสามารถก็สนับสนุนให้เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ปีที่แล้วก็มีเด็กเราสามารถสอบเข้าระดับมหาวิทยาลัยหลายคน ส่วนคนที่ไม่มีความสามารถที่จะเรียนต่อก็ต้องให้โอกาสสร้างอาชีพให้ โดยให้ไปศูนย์ฝึกอาชีพ เช่น การนวด การถักไหมพรม เป็นคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีมาก

 หลังจากผมไม่ได้ทำงานประจำแล้ว ก็มาทุ่มเทกับการทำงานให้กับมูลนิธิ และยังเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้กับบริษัทเอกชน และธนาคารแห่งประเทศจีน ยังสนุกกับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการเงินหรืองานที่ช่วยคน ผมพร้อมทุ่มเทเต็มที่”  

 ท้ายสุด ขรรค์ บอกว่าชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ที่โรงเรียนคนตาบอด ไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียน เพราะปัจจุบันมีบริษัทเอกชนและคนเข้ามาเลี้ยงอาหาร ทำซีเอสอาร์

“ผมก็ชอบไปดูเด็กเรียน ไปคุยกับเด็ก ทำให้สบายใจที่ทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อสังคมและได้ช่วยคน”

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"