posttoday

กาณต์จีรา สุกสี นักเรียนโรงเรียนบ้านนอกเล็กๆ มีพระราชาเป็นครู

20 ตุลาคม 2560

ตอนอยู่ ม.6 พระองค์ทรงถามก่อนเสด็จฯ กลับว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เรายังไม่ทันได้ตอบ พระองค์ตรัสว่า จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นคนดี กลับมาทำประโยชน์ให้กับสังคม

เรื่อง : มัลลิกา นามสง่า ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข

"ตอนอยู่ ม.6 พระองค์ทรงถามก่อนเสด็จฯ กลับว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เรายังไม่ทันได้ตอบ พระองค์ตรัสว่า จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นคนดี กลับมาทำประโยชน์ให้กับสังคม"

แพร-กาณต์จีรา สุกสี เล่าถึงนาทีสำคัญในชีวิต ที่เป็นดังแสงส่องทางให้เธอประกอบสัมมาชีพ

ปัจจุบัน กาณต์จีราทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

อดีตเธอเป็นนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล และนักเรียนทุนพระราชทาน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ

โรงเรียนบ้านนอกเล็กๆ ชื่อ วังไกลกังวล

"ถ้ามีคนถามว่าจบมาจากโรงเรียนไหน จงบอกเขาเถิดว่า มาจากโรงเรียนบ้านนอกเล็กๆ ที่ชื่อ วังไกลกังวล"

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ติดไว้เตือนใจนักเรียนทุกรุ่น ณ โรงเรียนวังไกลกังวล

ตัวอักษรนี้กาณต์จีราอ่านทุกวัน และก็รู้สึกภาคภูมิใจ เมื่อเวลาล่วงเลยตั้งแต่เข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จวบจนวันนี้ กาณต์จีราสามารถถ่ายทอดพระบรมราโชวาทนี้ได้โดยไม่ต้องอ่านตามตัวอักษร และไม่ใช่การท่องจำ หากทุกๆ คำฝังแน่นในสามัญสำนึก และเธอภาคภูมิใจยิ่งนัก

กาณต์จีรา สุกสี นักเรียนโรงเรียนบ้านนอกเล็กๆ มีพระราชาเป็นครู

กาณต์จีรา อาศัยที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ่อ พี่ชาย พี่สาว ก็เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวังไกลกังวล และปี 2543 เธอมีโอกาสเข้าเรียน

"รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะมีแค่ถนนเส้นเล็กๆ กั้นระหว่างโรงเรียนกับพระราชวัง เวลาเดินไปโรงเรียนแพรจะชะเง้อมองตลอด และในพระราชวังมีแบ่งเขตเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนมาวิ่ง เด็กนักเรียนเรียกกันว่า ทะเลน้อย เพราะตรงนั้นจะมีสระน้ำอยู่ เคยเข้าไปตอนเรียนวิชาพละ

อยู่โรงเรียนก็เหมือนเด็กทั่วๆ ไป มีซนบ้าง แต่ไม่เสียงดังมาก และเรียบร้อย เพราะโรงเรียนมีผู้ใหญ่มาบ่อยๆ

เวลามีขบวนเสด็จเราก็จะชะเง้อมองตลอด แต่ไม่เคยเห็นพระองค์ เห็นแต่รถยนต์พระที่นั่งที่วิ่งผ่านไป ตอนนั้นก็มีความคิดเหมือนคนอื่นๆ อยากเห็นในหลวงใกล้ๆ บ้าง"

ลูกศิษย์ของพระเจ้าแผ่นดิน

กาณต์จีรา เล่าว่า เมื่อก่อนไม่เคยจดบันทึกความทรงจำในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนวังไกลกังวล แต่เนื่องด้วยได้ไปออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ มีสื่อมวลชนจากหลายสำนักมาขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับการเป็นนักเรียนและได้ถวายงานรับใช้ในหลวงรัชกาลที่ 9

ทำให้เธอต้องจดบันทึกเพื่อย้อนดูว่าได้กล่าวสิ่งใดผิดพลาดไปบ้างจะได้นำมาแก้ไข หรือมีความตอนใดตกหล่นไม่ได้นำมาเล่าทั้งๆ ที่น่าสนใจ และอีกประการสำคัญในยามแก่เฒ่า ไม่แน่เธออาจจะหลงลืม การจดบันทึกไว้จะเป็นสมบัติล้ำค่าของตัวเองและของวงศ์ตระกูล

การเรียนการสอนในโรงเรียนวังไกลกังวล นอกจากเรียนกับคุณครูแล้ว ยังได้เรียนกับครูตู้ ซึ่งเป็นการสอนผ่านจอ นักเรียนร่วมเรียนไปพร้อมกันหลายแห่งทั่วประเทศ

บางครั้งห้องเรียนของเธอก็ถูกเลือกเป็นนักเรียนของครูตู้เสียเอง "ช่วงแรกๆ ไม่ค่อยชินที่เรียนไปมีกล้องมาจับแล้วถ่ายทอดสด บางทีเราก็ไม่กล้าที่จะถามคุณครู แต่พี่ๆ ทีมงานบอกให้ทำตัวปกติ อย่าเกร็ง พอผ่านไปนานๆ ก็ไม่รู้สึกแล้ว เรียนถามตอบได้ปกติ ลืมว่ามีกล้องอยู่"

อีกการเรียนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต คือการได้ร่วม "รายการศึกษาทัศน์" ตั้งแต่ ม.1-6 เป็นรุ่นแรกของรายการ ซึ่งเป็นรายการที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 มีพระราชประสงค์ให้จัดทำขึ้น และออกอากาศผ่านระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียน

กาณต์จีรา สุกสี นักเรียนโรงเรียนบ้านนอกเล็กๆ มีพระราชาเป็นครู

"หลังจากได้ทำรายการมีคนถามกันเยอะมาก ทำไมเราได้ถูกคัดเลือกให้ดำเนินรายการ เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ต้องมีเส้นสายแน่ๆ ไม่ใช่เลยค่ะ แพรเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดา ครอบครัวก็ฐานะปานกลาง กำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก วันนั้นมาโรงเรียนทำกิจกรรมดนตรีไทย พี่ทีมงานชวน"

ความคิดในวัยเยาว์ แค่ได้ทัศนศึกษานอกโรงเรียน ประหนึ่งท่องเที่ยวด้วยนั้น จะพลิกชีวิตของตัวเอง และจะได้มีโอกาสตามเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9

"คนอาจมองว่าโชคดีมาก แต่สำหรับหนูถือเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นมงคลชีวิตค่ะ ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เป็นลูกศิษย์ของพระเจ้าแผ่นดิน"

กาณต์จีราเล่าย้อนเหตุการณ์ที่มิอาจลืม ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็น "ครู" สอนกาณต์จีราและเพื่อนๆ

"ตอนแรกที่ถ่ายทำชื่อ น้ำพระทัยจากในหลวง เกี่ยวกับฝนหลวง คุณครูพาไปพบวิทยากร เรานักเรียน 4 คน ก็ถามมีสคริปต์ให้ เทปแรกๆ ก็เกร็งๆ แต่ทำไปนานๆ ก็ถามเองตามความสนใจของเราได้"

ความทรงจำจากครั้งแรกนี้เองที่กาณต์ จีราบอกว่า แม้จะเล่าเป็นพันๆ ครั้งก็ไม่เบื่อและอยากจะเล่า พลาดไม่ได้เด็ดขาด คือ การเล่นดรายไอซ์ตามประสาเด็กที่รู้สึกสนุกเวลาเห็นควันพวยพุ่ง หากแต่พี่ๆ ทีมงานได้บันทึกเทปไว้ และในหลวงทอดพระเนตร

"ผ่านมาเกือบ 3 ปี ได้ตามเสด็จฯ ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง (30 ต.ค. 2544) เรื่องฝนหลวง พระองค์ทรงจำได้ และบอกว่าเล่นดรายไอซ์อันตราย ซึ่งพี่ทีมงานก็บอกแล้วว่า ทุกเทปจะส่งให้พระองค์ตรวจสอบ พระองค์เปรียบเป็นโปรดิวเซอร์ของรายการ"

ณ โครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า (6 ต.ค. 2544) สถานที่แรกที่เธอได้ตามเสด็จฯ "รู้ตัวล่วงหน้าวันเดียวว่ามีครูพิเศษมาสอน คือ ในหลวง ตอนนั้นกังวลมาก แม่ก็ช่วยหาเสื้อผ้าชุดใหม่ ดูสะอาดที่สุด คือรู้ตัวเย็นแล้วค่ะ ถ้ามีเวลาหนูก็อยากซื้อใหม่ แต่ตอนนั้นไม่ทันจริงๆ"

พอถึงวันเนื้อตัวเย็นเฉียบ ในใจท่องคำราชาศัพท์เพราะเกรงใช้ผิด ยืนตัวเกร็งไม่กระดุกกระดิกอย่างเคย

"ได้ไปชมการสาธิตการบำบัดน้ำในตู้บำบัดน้ำ ในการทดสอบคือปล่อยปลาทองที่ไวต่อน้ำลงในบ่อที่ได้รับการบำบัดระยะแรก

ปลาทองกระโดดตกลงมาหน้าพระพักตร์ เรายังตกใจอยู่ ได้ยินเสียงพระองค์บอกว่า ช่วยชีวิตปลาด่วน เราก็ลุ้นพี่ก็ช่วยกัน ปลารอดค่ะ"

กาณต์จีรา สุกสี นักเรียนโรงเรียนบ้านนอกเล็กๆ มีพระราชาเป็นครู

ยังมีเหตุการณ์ที่เป็นการน้อมนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตกระทั่งปัจจุบัน "ท่านทอดพระเนตรเห็นเด็กๆ ถือสมุดจด พอจะเสด็จฯ กลับท่านก็บอกว่า ที่เห็นจดๆ ต้องจำ ไม่ใช่ไม่จดแต่ไม่จำไม่เกิดประโยชน์ ให้ทำความเข้าใจที่เราจดด้วยแล้วเราก็ตอบพร้อมกัน เพคะ" กราบฉลองพระบาท

แม้จะเล่าเหตุการณ์ตอนตามเสด็จฯ อยู่หลายครั้ง แต่กาณต์จีราก็จะนึกเรื่องใหม่ๆ ได้อยู่เสมอนั้น เพราะมีความทรงจำที่ประทับใจ สูงสุดหลายสิ่ง

"พี่ทีมงานบอกว่า พยายามให้พระสุรเสียงของท่านเข้าไวร์เลสหนูด้วย เผื่อของพระองค์เสียจะได้มีสำรอง แล้วตอนที่จะเสด็จฯ กลับ หนูยืนแถวหน้าก็พยายามยืนตรงท่าน แล้วตอนก้มกราบก็กราบไปที่ฉลองพระบาทแล้วเอามือมาลูบหัว ไม่ได้เงยหน้าสบตา หนูคิดแค่ว่าเป็นจังหวะที่ดีครั้งแรกในชีวิต ไม่รู้ว่าจะมีครั้งที่สองที่สามอีกไหม"

หรือพระอารมณ์ขันที่พระองค์ตรัสกับทีมงานว่า "ให้ปิดรายการด้วยไหม" นั้นแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทอดพระเนตรทุกเทปรายการจริงๆ

มีครั้งหนึ่งทรงถามว่า "รู้ไหมว่า ฝ.ล. (ชี้ไปที่กระเป๋าเสื้อของข้าราชบริพาร) ย่อมาจากอะไร"

นักเรียนตอบพร้อมกันว่า "ฝนหลวงเพคะ"

พระองค์ก็ตรัสว่า "ย่อมาจากฝูงลิง" ซึ่งช่วยลดความเกร็งให้แก่เด็กๆ ได้

พระองค์ทรงมีพระเมตตามาก "พี่ทีมงานเล่าให้ฟัง มีตอนหนึ่งกล้องจับภาพนักเรียนในรถชมวิวข้างทาง แล้วกล้องจับไปที่ประตูรถไม่ได้ลงกลอน ภาพนั้นเพียงวินาทีเดียวเอง ท่านทรงเรียกทีมงานไปเตือนว่า อย่าลืมล็อกประตูรถทุกครั้ง จะเป็นอันตรายต่อเด็ก"

การตามเสด็จฯ ครั้งที่ 3 คือ พื้นที่ป่าชายเลนเขตป่าสงวนแห่งชาติคลองเก่า-คลองคอย (16 พ.ย. 2545)

"ยุงตัวใหญ่กัดเจ็บมาก ทางเดินก็เป็น กรวด เวลาคุกเข่าหัวเข่าเป็นรอยบุ๋มเต็มไปหมด แต่ตอนนั้นเราลืมความเจ็บความเหนื่อย โฟกัสไปที่พระองค์ เพราะเราเดินไปไหนท่านก็ไปเหมือนกัน โดนยุงกัดเหมือนกัน มองดูจากด้านหลังเสื้อท่านก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ"

ครั้งที่ 4 โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา สิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย (15 ก.ค. 2557) "มีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตามเสด็จด้วย ตอนนี้อยู่ ม.6 แล้ว คิดว่าเป็นครั้งสุดท้ายแน่ๆ

ขณะรอกราบส่งเสด็จ สมเด็จพระเทพฯ กราบทูลในหลวงว่า เด็กกลุ่มนี้ตามเสด็จตั้งแต่เด็กๆ บัดนี้กำลังจะจบ ม.6

ในหลวงก็ทรงมีพระอารมณ์ขันตรัสว่า นึกว่าจบมานานแล้ว ถ้ามีตามเสด็จอีกให้ปลอมตัวเป็นนักเรียนมาใหม่"

กาณต์จีรา สุกสี นักเรียนโรงเรียนบ้านนอกเล็กๆ มีพระราชาเป็นครู

กาณต์จีรา เล่าด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา และในครานั้นยังมีเหตุการณ์สำคัญ คือ "พระองค์เดินไปที่รถยนต์พระที่นั่งยกกล้องมา เรียกเด็กที่ตามเสด็จตั้งแต่เด็กจนจะจบ ม.6 มาถ่ายรูป ซึ่งวันนั้นมี 2 คน แพรกับเพื่อน ตอนนั้นเพิ่งเข้าใจว่าคนดีใจจนร้องไห้เป็นยังไง"

สานต่อพระราชปณิธาน

หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนวังไกลกังวล กาณต์จีราได้รับทุนพระราชทาน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ จนจบระดับปริญญาโท และทำการที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ทันที

"ได้เข้าเฝ้าฯ ครั้งสุดท้ายตอนเรียนจบปริญญาตรี (พ.ศ. 2552) ท่านเสด็จฯ มาทอดพระเนตรแข่งเรือที่เขาเต่า แพรเป็นคนกล่าวถวายรายงาน ข้าพเจ้าอดีตนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล ได้เคยตามเสด็จในรายการศึกษาทัศน์ ตอนนี้ศึกษาจบปริญญาตรีและทำงานที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ...

ท่านก็ตรัสถามว่า สบายดีไหม แพรตอบ สบายดีเพคะ"

จากนั้นเธอก้มลงกราบพระบาท แต่คราวนี้ไม่โดนฉลองพระบาท และไม่ลืมเอามือลูบศีรษะเป็นมงคลชีวิตอีกครั้ง

"ทุนไม่มีสัญญาว่าต้องกลับมาทำงานชดใช้ แต่เรารู้สึกว่าเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณตั้งแต่เด็ก เมื่อเรามีโอกาสได้อยู่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ที่พระองค์พระราชทานกำเนิด เพื่อพระราชทานความห่วงใยให้แก่ผู้ประสบภัย อย่างน้อยเราได้สานต่อพระราชปณิธานของพระองค์

เวลาไปออกพื้นที่ประสบภัย เราเหมือนได้นำความห่วงใยของพระองค์ไปมอบให้ประชาชน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ถุงสีเขียวคือถุงยังชีพ พระราชทานเป็นกำลังใจจากพระราชา

มีเหตุการณ์น้ำท่วมตอนปี 2554 มีพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไม่มีใครไปถึง น้ำท่วมมิดชั้นหนึ่ง เราแล่นเรือไปประกาศให้ชาวบ้านรู้ มี คุณยายเปิดหน้าต่างจากชั้น 2

แพรบอกคุณยายนำถุงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาให้ แล้วมีพระรูปให้ด้วย แพรจำความรู้สึกนั้นได้ คุณยายจับพระรูปยกมือไหว้ท่วมหัว เหมือนรอใครสักคนมาถึง ไม่มีหน่วยงานไหนมาถึง แต่ถุงจากพระราชามาถึง

ในการทำงานจุดนี้แพรรู้สึกว่าได้เป็นผู้รับด้วย เวลาลงพื้นที่เอาสิ่งของไปแจก เหมือนเรานำความห่วงใยของพระราชาไปให้เขา ได้เห็นรอยยิ้มของประชาชนที่มีความทุกข์ แต่เขามีความสุขเมื่อได้รับของพระราชทาน

จุดนี้เราได้ทำงาน ได้เอาของล้ำค่า ไปเยียวยาความรู้สึกสูญเสีย เรานำกำลังใจไปให้ บางคนเป็นผู้บริจาคเงินให้มูลนิธิ พอเขากลายเป็นผู้ประสบภัย เขาไม่คิดว่าเขาจะได้รับกลับคืน"

ทุกวันนี้สิ่งที่กาณต์จีรายึดเป็นหลักในการดำเนินชีวิตคือ "แพรได้เห็นพระองค์ทรงงานหนัก เวลาที่รู้สึกท้อ เดินทางไกลยากลำบาก เราเหนื่อยแค่นี้ยังไม่เท่าเศษเสี้ยวของสิ่งที่พระองค์ทำ"

เหมือนพระราชดำรัสของพระองค์ "ทำงานกับฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่ได้ทำกับผู้อื่น"

สิ่งนี้กาณต์จีราได้ตระหนักแล้ว

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ