posttoday

ณปภัช อัศวกรภาณุ โชคดีเจอสิ่งที่รักและทำเงิน

19 ตุลาคม 2560

ถึงจะเป็นสาวร่างเล็ก แต่ เตย-ณปภัช อัศวกรภาณุ ผู้บริหารสาวเก่งผู้ก่อตั้งแบรนด์เอ็น.เอ.พี คอสเมติก กลับมีเลือดนักสู้ และหัวใจที่กล้าเกินร้อยอยู่เต็มเปี่ยม


ถึงจะเป็นสาวร่างเล็ก แต่ เตย-ณปภัช อัศวกรภาณุ ผู้บริหารสาวเก่งผู้ก่อตั้งแบรนด์เอ็น.เอ.พี คอสเมติก กลับมีเลือดนักสู้ และหัวใจที่กล้าเกินร้อยอยู่เต็มเปี่ยม จึงไม่แปลกเลยที่วันนี้เป้าหมายของเธอจะไม่ใช่แค่ “นักธุรกิจร้อยล้าน แต่ต้องเป็นนักธุรกิจพันล้าน”

เตยสะท้อนความมุ่งมั่นและแพสชั่นที่มีอย่างเต็มเปี่ยม ในการสร้างธุรกิจของตัวเองออกมาแบบไม่มีกั๊ก เธอวาดฝันตัวเองไว้ตั้งแต่เด็กแล้วว่า อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ตั้งแต่อายุ 17 ปี เธอก็เริ่มต้นธุรกิจแรกของตัวเองด้วยการลงขันกับเพื่อนรุ่นพี่เปิดร้านอาหารกลางคืน แต่ทำได้เพียง 1 ปี ก็เกิดปัญหากับหุ้นส่วน เธอจึงตัดสินใจถอนหุ้นและมาเปิดร้านกาแฟของตัวเอง

“บทเรียนจากธุรกิจแรก ทำให้เตยบอกกับตัวเองว่า ในอนาคตหากจะทำธุรกิจ จะเลือกทำคนเดียวไม่ขอมีหุ้นส่วนอีกต่อไป แต่พอมาทำร้านกาแฟและขนม ธุรกิจก็ไปไม่รอด เพราะตอนนั้นใจเรามุ่งแต่จะทำธุรกิจ แต่ไม่ได้มีแพสชั่น เตยไม่ดื่มกาแฟไม่ชอบกินขนมเค้ก ทำได้ไม่นานก็ปิด แต่เตยก็ไม่ท้อ หันมาต่อยอดกิจการของที่บ้านด้วยการทำเฟอร์นิเจอร์แอนทีก ควบคู่ไปกับการหาค่าขนมด้วยการรับถ่ายเอ็มวี และถ่ายโฆษณา”

 

ณปภัช อัศวกรภาณุ โชคดีเจอสิ่งที่รักและทำเงิน

 

 

เส้นทางใหม่ที่เลือกนี้ ถึงจะไปได้ดีไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ใช่เส้นทางที่ใช่ของเธออยู่ดี “ถึงธุรกิจจะไปได้ดี แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเราอยู่ในช่วงวัยรุ่น ติดเพื่อน เริ่มมีแฟน พอแฟนบอกว่าอยากคบกับผู้หญิงปกติ มีงานประจำทำ เลยตัดสินใจยอมก้าวสู่การเป็นมนุษย์เงินเดือน แล้วให้พี่ชายมาช่วยดูแลร้านแทน”

งานแรกที่เตยลองไปทำคือ เออีที่บริษัทประชาสัมพันธ์แห่งหนึ่ง “ตอนไปทำงานใหม่ เตยใช้เป็นแค่โปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ดเท่านั้น พอได้ลองทำงานจริงเตยสนุกกับงานมาก ได้รับโอกาสดีๆ มากมาย แต่หลังจากทำไปได้ 1 ปีก็ตัดสินใจลาออก ตั้งใจไปเรียนต่อที่ลอนดอน โดยไปเรียนภาษาก่อน 6 เดือน แต่หลังจากไปจริง ยังไม่ทันได้เรียนต่อแบบที่ตั้งใจ ก็กลับมาเมืองไทยก่อน”

พอกลับมาเมืองไทยโชคดีที่ได้รับโอกาสให้เข้ามาร่วมงานกับวิสทีเรีย (Visterior) ผู้ให้บริการทำความสะอาดและดูแลทรัพย์สินต่างๆ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องหนังต่างๆ ไปจนถึงเรือยอชต์ และเครื่องบินเจ็ต

“เตยเป็นพนักงานคนแรกของบริษัท ตำแหน่งแรกที่เข้าไปทำคือ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ หลังจากทำงานได้ 1 ปี ก็ได้เลื่อนเป็นจีเอ็ม ตั้งแต่อายุแค่ 26-27 ปี สำหรับเตยงานนี้เหมือนเป็นโรงเรียนที่เปิดโอกาสให้ได้ลองทำธุรกิจจริงๆ ได้เรียนรู้การบริหารคน การสร้างแบรนด์ หลังจากหาประสบการณ์อยู่ร่วม 1 ปี ก็ตัดสินใจว่าต้องเริ่มตามฝันของตัวเองที่อยากจะทำธุรกิจอีกครั้ง ตอนนั้นโจทย์ธุรกิจที่อยากทำในหัวคือ เมกอัพ เพราะเป็นสิ่งที่เรามีแพสชั่น โดยเริ่มต้นจากรองพื้นก่อน เพราะเป็นไอเท็มที่เราใช้ประจำ”

เมื่อมีไอเดีย เตยไม่รอช้า ตัดสินใจเปิดบริษัท เอ็น.เอ.พี คอสเมติก ทั้งที่ยังไม่มีสินค้าออกจำหน่าย เธอบริหารธุรกิจด้วยตัวเองทุกอย่างเพียงคนเดียว วางแพลตฟอร์มการทำงานไว้ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การสร้างแบรนด์ โดยเธอเชื่อว่า ทุกอย่างที่ได้มาไม่ใช่เพราะฟลุก แต่เพราะเธอวางแผนมาอย่างดี

“ตอนนั้นเหมือนเราร้อนวิชา เปิดบริษัทมาทั้งที่ของยังผลิตอยู่ ช่วงแรกๆ เราเริ่มต้นชิมลางจากการขายอาหารเสริม สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ แต่เตยไม่ท้อ เพราะมองว่า เงิน 2-3 แสนที่เตยลงไป ขาดทุนแต่ก็ได้บทเรียน เสียเงินก้อนเล็กไปดีกว่าลงทุน 2-3 ล้านแล้วมาขาดทุน เตยเชื่อว่า ไม่ว่าเราทำอะไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่ทำไปแล้วเสียไปเปล่าๆ ทุกอย่างมีบทเรียนให้เราเรียนรู้”

ณปภัช อัศวกรภาณุ โชคดีเจอสิ่งที่รักและทำเงิน

 

 

ในการทำธุรกิจ เตยน้อมนำคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า “...เราเป็นนักเรียน เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ... ถ้าหากว่าในด้านไหนก็ตาม เวลาไปปฏิบัติให้ถือว่า เราเป็นนักเรียน ชาวบ้านเป็นครูหรือ ‘ธรรมชาติเป็นครู’ การที่ท่านทั้งหลายจะออกไป ก็จะไปหลายๆ ด้าน ก็จะต้องเข้าใจว่า เราอาจจะเอาความรู้ไปให้เขา แต่ก็ต้องนับถือความรู้ของเขาด้วย จึงจะมีความสําเร็จ มาเป็นเข็มทิศในการทำธุรกิจ

“เตยคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราคือการเรียนรู้ ไม่ใช่ว่าเราประสบความสำเร็จและมาถึงจุดนี้ได้แล้วคิดว่าตัวเองเป็นครู คิดว่าเก่งมากแล้ว เรายังต้องเรียนรู้ต่อไปอีกมาก เพราะยิ่งเราเรียนมาก รู้มาก เราก็จะทำธุรกิจแบบรอบคอบและรู้ทันเหตุการณ์เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของเรา”

มาถึงวันนี้ แม้จะเริ่มต้นธุรกิจได้ไม่กี่เดือน แต่เตยเชื่อว่าตัวเองมาถูกทาง เพราะหลังจากเปิดตัวรองพื้นชนิดแท่ง Nano Foundation Stick นำเข้าจากเกาหลีแท้ 100% ได้ไม่กี่วัน ก็ได้รับกระแสตอบรับถล่มทลาย แม้ตลาดเครื่องสำอางจะมีการแข่งขันสูง แต่ตราบที่ผู้หญิงไม่ยอมหยุดสวย ธุรกิจก็ไปต่อได้แน่นอน

“เตยเชื่อว่า สมัยนี้ต้องไม่ใช่แค่อายุน้อยร้อยล้าน ต้องพันล้าน นอกจากจะตั้งเป้าให้ N.A.P ขยายไลน์สินค้าให้มากขึ้น ยังตั้งเป้าจะขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียก่อน เพราะเตยมีเพื่อนอยู่ที่นั่นเยอะ”

เดินหน้าสร้างธุรกิจแบบทุ่มสุดตัวแล้ว สาวร่างเล็กเจ้าของบุคลิกมั่นใจยังใช้ชีวิตสมกับเป็นสาวขาลุยไม่แพ้กัน เธอชื่นชอบการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ เพราะมองว่า ในทุกการเดินทางคือ การเปิดโลก การเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สำคัญยังได้กำไรกลับมาเป็นไอเดียใหม่ในการทำธุรกิจและใช้ชีวิต

“เตยเชื่อว่าคนเราถ้าอยากทำอะไร ก็หาเวลาทำได้ไม่ยาก เตยฝันแต่เด็กว่าอยากเป็นนักธุรกิจหญิง แต่ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องประสบความสำเร็จขนาดไหน รู้แต่ว่าเวลาดูละครแล้วเห็นนางเอกเป็นนักธุรกิจ แล้วเราอยากเป็นแบบนั้นบ้าง

“ทุกวันนี้ เตยไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ประสบความสำเร็จหรือยัง รู้แต่ว่าเราโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่รัก และยังหาเงินได้ (มาก) โชคดีที่เจองานที่ใช่ เพราะบางคนอาจต้องยอมทำงานบางอย่าง ทั้งที่ไม่ชอบ แต่เพื่อแลกกับรายได้ และความมั่นคงของชีวิต แต่เตยโชคดี เตยไม่กลัวความล้มเหลว เพราะชีวิตนี้เราพลาดมาก็เยอะ แต่ทุกความล้มเหลวคือบทเรียนให้เราจดจำ เพื่อเติบโต และไม่ทำผิดซ้ำ” ผู้บริหารสาวเก่งกล่าวทิ้งท้าย

 

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2