สูงวัยแบบมีสไตล์
ใครที่คิดว่าการมีวัยที่สูงขึ้นเป็นอุปสรรคในการสร้างสรรค์ชีวิตให้มีความสุข ความสดใส และมีคุณค่า คุณอาจคิดผิด!
ใครที่คิดว่าการมีวัยที่สูงขึ้นเป็นอุปสรรคในการสร้างสรรค์ชีวิตให้มีความสุข ความสดใส และมีคุณค่า คุณอาจคิดผิด!เพราะยังมีคนสูงวัยมากมายที่ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ยังมีไฟกับการทำงาน มีไลฟ์สไตล์ในด้านต่างๆ ที่สร้างความสดใสให้กับชีวิตอยู่ทุกวัน และอาจจะมีความสุขกว่าคนวัยหนุ่มสาวหลายคนด้วยซ้ำ
วันนี้พาไปรู้จักเซเลบริตี้วัยเก๋าระดับไอคอนที่สูงแต่วัย แต่ใจยังบอกตัวเองเสมอว่ายังเป็นไม้ไกลฝั่ง (อยู่นะ) อย่างเช่น สุเชาว์ พงษ์วิไล, ภัทราวดี มีชูธน, เผ่าทอง ทองเจือ, พนารัตน์ พิสุทธิ์ศักดิ์ บุนนาค, ภูษิต พัฒนปราการ (ป๋าตึก) ศ.นพ.เฉก ธนะสิริ เป็นต้น
พวกเขาเหล่านี้ได้ไปร่วมถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่ายเพื่อบอกเล่าเรื่องราวพลังชีวิตภายใต้แนวคิดการค้นหาพลังที่ยังมีไฟของวัยเกษียณ เพื่อส่งต่อเรื่องราวให้เป็นแรงบันดาลใจการใช้ชีวิตของผู้สูงวัยคนอื่นๆ ผ่านแคมเปญ “The Golden Spirit Gallery” ซึ่งจัดขึ้นโดย จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เมืองแนวคิดใหม่เพื่อวัยเกษียณ เมื่อเร็วๆ นี้
สุเชาว์ “เกษียณคือการได้ทำในสิ่งที่รัก” นักแสดงเจ้าบทบาท วัย 72 สุเชาว์ พงษ์วิไล ผู้ทุ่มเทเวลาชีวิตในวัยหนุ่มให้กับอาชีพนักแสดงอย่างเต็มที่ มองว่า การเกษียณเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่มอบเวลาให้เขาได้ทำในสิ่งที่รัก และมีความสุขที่สุดนอกจากงานแสดงแล้ว คือการปั่นจักรยานนั่นเอง
“ตอนเด็กผมปั่นจักรยานแล้วทิ้งไปนานไม่ได้ปั่นอีกเลย พอช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา เริ่มกลับมาปั่นจริงจังเรียกว่าใช้ชีวิตอยู่กับจักรยานเยอะ มีความสุขกับมันมาก การปั่นไปในที่ต่างๆ ทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ จากระยะทางปั่นสั้นๆ ก็นำไปสู่การปั่นข้ามจังหวัด ผมเคยปั่นกรุงเทพฯ-หัวหินมาแล้ว ตอนนี้ต้องการทำฝันที่ใหญ่กว่าคือปั่นจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ระยะทาง 700 กม. เดือน ม.ค.ปีหน้าผมจะชวนทุกคนไปปั่นด้วยกัน แต่ก่อนจะถึงวันนั้น 17 ก.ย.นี้ ผมกับกลุ่มเพื่อนจะปั่นจากเชียงใหม่ไปลำพูนเยี่ยมเพื่อนผู้อาวุโสของผม อาจารย์อินสนธิ์ วงศ์สาม ศิลปินแห่งชาติ”
นักแสดงอาวุโส กล่าวว่า การทำตามฝันไม่จำเป็นต้องรอเกษียณ พร้อมฝากกำลังใจไปถึงคนวัยเกษียณทั้งหลาย ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ขอให้มุ่งมั่นทำในสิ่งที่รักให้ได้และทำต่อไป เพราะแม้เวลาจะทำให้อายุมากขึ้นแต่ทักษะและความเชี่ยวชาญที่ถูกฝึกฝนอยู่เสมอจะไม่สึกหรอไปตามกาลเวลา
ป๋าตึก “ยังสนุกกับแฟชั่น” ภูษิต พัฒนปราการ หรือป๋าตึก แฟชั่นไอคอนวัย 65 ที่สร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนได้เสมอ ทั้งในเรื่องการแต่งตัวและวิธีการใช้ชีวิต เป็นผู้ที่มีแฟชั่นอยู่ใน DNA มาตั้งแต่เด็ก โดยได้รับการซึมซับและแรงบันดาลใจจากคุณพ่อที่เป็นคนชอบแต่งตัว อีกทั้งลูกสองคนที่ทำงานแฟชั่นอยู่อังกฤษ ก็คอยแนะนำเรื่องการแต่งตัวอีกด้วย เลยทำให้สนุกกับแฟชั่นและการแต่งตัวทุกวัน
“พลังชีวิตของป๋าคือการได้อยู่กับมนุษย์ ป๋าเป็นคนชอบมนุษย์ ไม่ได้ชอบธรรมชาติ ซึ่งอันนี้คงเป็นความสุขและรสนิยมของแต่ละคน ป๋าจึงชอบแต่งตัว และชอบไปเที่ยวเมืองมากกว่าเที่ยวธรรมชาติ ชอบดูหนังเพราะการดูหนังคือการได้ติดต่อกับโลกภายนอก แต่ป๋าก็มีธรรมะในหัวใจนะ ไม่ดราม่ากับชีวิต เพราะเราถือว่าโชคดีมากแล้วที่มาถึงตรงนี้ได้
ตั้งแต่เด็กเรามีบริษัททัวร์ ชีวิตของป๋าในโลกนี้จึงเหมือนมาทัวร์ เวลาคุณไปทัวร์คุณจะไม่ค่อยมีความทุกข์แต่จะทุกข์จะสุขนั่นคือโปรแกรมทัวร์ของป๋าที่เราจะต้องผ่านมันไป แต่เราก็เตรียมพร้อมตลอดเวลานะ อยู่ก็ได้ ตายก็พร้อม เพราะคนที่เก่งที่สุดในโลกคือคนที่อยู่ได้นานที่สุด เพราะงั้น เราต้องมีความสุขในทุกวันและทำในสิ่งที่เราอยากทำและสนุกกับมันทุกวัน”
ป๋าตึก บอกว่าทุกวันนี้อายุ 60 กว่ายังต้องดู Blog Fashion ทุกวัน เห็นใครแต่งตัวใส่ที่ดูเป็นแนวก็เอามาดัดแปลง ไม่ใส่อะไรเดิมๆ เปลี่ยนไปเรื่อย แต่ปกติจะชอบแต่งตัวสไตล์วินเทจ แบรนด์วินเทจเก่าๆ เจ๋งๆ สะสมหมด โดยเฉพาะแว่น หมวก และผ้าพันคอ ตอนนี้กลายเป็นธุรกิจ มีคนมาขอซื้อเยอะ ของสะสมบางชิ้นมีอายุ 100 ปี มีเข็มขัดชิ้นหนึ่งใส่ตั้งแต่อายุ 30 ของ Chrome Hearts เป็นแบรนด์เครื่องเงินที่แพงที่สุดในโลกถ้าขายตอนนี้ก็คง 7 หมื่นบาท
“ป๋าอยากฝากว่า ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร ต้องหลงใหลและซึมซับไปกับมัน แล้วคุณก็จะมิกซ์แอนด์แมตช์ได้เอง ป๋ายังสนุกกับแฟชั่นนะ มันคือแรงบันดาลใจ คือศิลปะ เป็นการต่อลมหายใจ ทำให้เรามีชีวิตชีวา แฟชั่นทำให้ป๋ามีงานทุกวัน เป็นพลังชีวิต”
ครูเล็ก “การทำสิ่งที่มีคุณค่าสำคัญที่สุด” ครูเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง วัย 69 ปี บอกว่า อายุไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ที่ใหญ่กว่าคือการได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและคนอื่น และชีวิตในตอนนี้ถือว่าพร้อมแล้วที่จะไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ว่าถ้ายังไม่ไปก็ต้องทำอะไรที่มีประโยชน์และคุณค่าต่อสังคมให้มากที่สุด
"ดิฉันตั้งโรงเรียนภัทราวดีหัวหินขึ้นมาในตอนที่ดิฉันอายุครบ 60 ปีพอดี ด้วยแรงบันดาลใจจากคุณแม่ ท่านสั่งเสียไว้ว่า ที่ดินตรงนี้ต้องทำโรงเรียน การศึกษาเท่านั้น จะทำให้คนพ้นทุกข์ และไปสู่จุดหมายอย่างชอบธรรม ดิฉันจึงตั้งใจที่จะอุทิศตนเป็นครูถ่ายทอดความรู้ทั้งด้านศาสตร์การแสดงและด้านธรรมะ เพื่อสามารถส่งต่อพลังชีวิตที่ดีให้แก่ลูกศิษย์ บูรณาการความรู้ให้เยาวชนได้รู้จักความงาม ความเป็นธรรม และความกตัญญู มีชีวิตที่อิสระอย่างมีขอบเขต"
ครูเล็ก บอกอีกว่า ในชีวิตนี้ถือว่าได้ใช้ชีวิตเต็มที่เท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะใช้ได้แล้ว ถ้าวันนี้จะมีความหวังเรื่องอะไรก็น่าจะเป็นเรื่องการได้เห็นเด็กๆ ที่เคยสอนหนังสือมาเติบโตในชีวิตก็เป็นความรู้สึกที่ดีแล้วและจะสร้างคนไปเรื่อยๆ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
พนารัตน์ “ใช้ชีวิตไม่ยึดติดกับกรอบ” พนารัตน์ พิสุทธิ์ศักดิ์ บุนนาค อดีตรองนางสาวไทยปี 2513 หันหลังให้กับสังคมเมืองหลวง ไปใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีคุณภาพร่วมกับครอบครัว ท่ามกลางธรรมชาติที่หัวหิน เธอเป็นเบื้องหลังสำคัญในการก่อตั้ง “ไร่เก็บ-Geb 100% Organic Farm Huahin” ร่วมกับลูกหลาน ด้วยความตั้งใจที่จะปลูกผักสดปลอดสารพิษไว้กินเอง และแบ่งปันสังคมรอบข้าง ทั้งการนำผักปลอดสารพิษเข้าสู่โรงเรียน โรงแรม และร้านอาหารในหัวหิน
“ดิฉันตั้งใจที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่ยึดติดกับกรอบต่างๆ ไม่ว่ากรอบหน้าที่ความเป็นแม่ ซึ่งสามารถลดบทบาทลงได้ เมื่อลูกทุกคนถึงวัยที่ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี หรือกรอบความสวยงามที่ปรุงแต่ง โดยไม่ย้อมผมหรือแต่งองค์ทรงเครื่องจนมากเกิน เรียกว่าเป็นการกลับสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริง สิ่งที่สำคัญในวัยนี้ คือการมีความสุขกับการเป็นผู้ให้และผู้รับที่ดี ซึ่งก็คือการให้สิ่งต่างๆ แก่ลูกหลานยามเมื่อเขาต้องการและการรับสิ่งต่างๆ จากลูกหลานอย่างพอดีโดยไม่คาดหวังค่ะ”
เผ่าทอง “พลังชีวิตคือการทำงาน” เผ่าทอง ทองเจือ อดีตคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการผู้ค้นคว้า รักษา และสืบสานงานหัตถศิลป์ โดยเฉพาะผ้าไทย ให้ยังคงมีคุณค่าและมีลมหายใจบนประเทศนี้ต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น บอกว่า พลังชีวิตของเขาคือการทำงาน สมัยเด็กชอบทำกิจกรรม และด้วยการเป็นลูกคนเดียว ยิ่งทำให้รู้จักที่จะต้องคิดและตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง พอโตขึ้นก็เลือกงานด้วยตัวเองแล้วก็สนุกกับงาน
“ผมไม่มีเสาร์อาทิตย์มาสามสิบกว่าปีแล้ว หลังเกษียณอายุราชการจากธรรมศาสตร์ ก็เป็นอาจารย์พิเศษที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และโรงเรียนจิตรลดา สอนมา 26-27 ปี ตอนเกษียณก็ไปกราบบังคมทูลลาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์รับสั่งว่า ‘ยังไม่ให้เกษียณ เพราะฉันก็ยังไม่เคยเกษียณ และจะทำงานไปจนวันตายเหมือนกัน’ จากรับสั่งนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเราต่ำต้อยน้อยนิด ถ้ายังทำประโยชน์ได้ก็ควรจะทำงานต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เหมือนกัน"
หมอเฉก “ชีวิตยังต้องแข็งแรงต่อไป” ศ.นพ.เฉก ธนะสิริ คุณหมอผู้ใช้ชีวิตอย่างมีพลัง และเป็นต้นแบบในการดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ กล่าวว่า คำว่าไม้ใกล้ฝั่งดูยังไกลเกินไป และเขาเองก็ยังเป็นอย่างนั้น ชีวิตที่ยังแข็งแรงและต้องแข็งแรงต่อไป เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนทุกวัยลุกขึ้นมาดูแลตัวเองอย่างไม่มีข้อแม้
“ตอนนี้ผมอายุย่าง 92 ปี ไม่มีโรค ยังออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นสมาชิกสปอร์ตคลับมา 68 ปี ว่ายน้ำ 59 ปี รวมระยะทางว่ายประมาณ 1.6 หมื่น กม. มีว่ายน้ำจงกรมด้วย โดยฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ฝึกเดินจงกรมจากคุณพี่สิริ กรินชัย ใช้กายและจิตดูแลสุขภาพ สร้างบุญสร้างกุศล ไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี รักษาศีล อยากให้คนทุกวัยลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง หมั่นออกกำลังกายกินอาหารที่ถูกต้อง เน้นผักและผลไม้ ลดการกินเนื้อสัตว์ลงก็จะสุขภาพดีแล้ว"


